“ท่านคือสงฆ์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ ท่านคือสงฆ์นิรันดร์”
เมื่อ วันที่ 28 มิถุนายน 2014 ในโอกาสวันฉลองอาสนวิหารพระหฤทัย พิธีบวชบาทหลวงสังฆมณฑลเชียงใหม่ สังฆานุกรคณะธรรมทูตไทย และพิธีบวชบาทหลวงคณะพระหฤทัยของพระเยซูเจ้า แห่งเบธารามซึ่งโอกาสฉลองอาสนวิหารเป็นธรรมเนียมของสังฆมณฑลเชียงใหม่ ที่จะจัดให้มีพิธีบวชบาทหลวงในวันเดียวกันนั้นด้วยในกรณีที่มีสังฆานุกรพร้อมที่จะได้รับศีลบวชเป็นบาทหลวงในปีนั้นๆ และปีนี้เป็นปีที่สังฆมณฑลมีความยินดีเป็นพิเศษที่มีบาทหลวงบวชใหม่ถึง 6 องค์ประกอบด้วย
คุณพ่อยอห์น บัปติสต์ ชาญชัย ศรีสุทธิจรรยา บาทหลวงสังฆมณฑลเชียงใหม่ และสังกัดคณะเบธาราม 5 องค์ ประกอบด้วย 1. คุณพ่อมาร์ติน เดอ ตูรส์ ธินากร ดำรงอุษาศีล 2. คุณพ่อเปโตร นนทพัทธ์ มาเยอะ ซึ่งเป็นคุณพ่อชาวอาข่า คนแรกของประเทศไทยด้วยจึงมีพี่น้องคริสตชนชาวอาข่าได้มาร่วมในพิธีมากเป็นพิเศษ 3. คุณพ่ออัลเบิร์ต สอาด ประทานสันติพงษ์ 4. คุณพ่อเดวิด พิทักษ์ บีทู และ 5. คุณพ่อดอมินิก อาทิตย์ เกษตรสุขใจ และนอกจากนี้ได้มีพิธีบวชสังฆานุกร 1 องค์ คือสังฆานุกรเปโตร ไวพจน์ บุญสวัสดิ์รักษา(สังกัดคณะธรรมทูตไทย) ในโอกาสนี้ได้รับเกียรติจากบิชอปฟรังซิสเซเวียร์ วีระ อาภรณ์รัตน์ เป็นประธานในพิธี โดยมีบิชอปยอแซฟ พิบูลย์ วิสิฐนนทชัย (ประมุขสังฆมณฑลนครสวรรค์) และคุณพ่อกัสปา เปอนานเดซ เปเรส เจ้าคณะใหญ่ คณะพระหฤทัยของพระเยซูเจ้าแห่งเบธาราม ได้ให้เกียรติมาร่วมในพิธีบวชบาทหลวงในครั้งนี้
โดยในช่วงท้ายพิธี คุณพ่อตัวแทนเจ้าคณะใหญ่เบธารามได้กล่าวต้อนรับและให้ข้อคิดแก่บาทหลวงใหม่ดังนี้ “ดังเช่นธรรมล้ำลึกแห่งสายประคำทั้ง 5 ที่เราสวด วันนี้พระคุณเจ้าได้ประทานเหตุผล 5 ประการที่เราจะชื่นชมยินดี และข้าพเจ้าขอขอบพระคุณพระเป็นเจ้าที่ได้ประทานชายหนุ่ม 5 คนของคณะเบธารามได้บวชเป็นบาทหลวง หรือบางทีข้าพเจ้าอาจกล่าวได้ว่าเรามีเหตุผลชื่นชมยินดี 7 ประการในวันนี้ที่พระคุณของพระจิตเจ้ามี 7 ประการ เพราะเรามีบาทหลวงใหม่ของสังฆมณฑลเชียงใหม่ และสังฆานุกรใหม่ในคณะธรรมทูตไทยด้วย และข้าพเจ้ามั่นใจว่าพวกท่านจะอภัย ที่ผมจะกล่าวสั้นๆถึงบาทหลวงใหม่เบธาราม 5 ท่าน เพราะพวกเขาเป็นสาเหตุที่เขาต้องเดินทางถึงประมาณ 5000 ไมล์ เพื่อจะได้ร่วมพิธีกรรมในครั้งนี้ ประการแรกข้าพเจ้าอยากจะขอบพระคุณครอบครัวของพวกเขาที่ได้เลี้ยงดูและให้ชีวิตแก่พวกเขา เวลาที่มีการบวชบาทหลวงเราก็รู้ว่าต้องใช้เวลานานการศึกษาเล่าเรียน เรียนรู้พระคัมภีร์พระวรสาร งานอภิบาลต่างๆ และสถานที่แรกที่พวกเขาได้รับรู้และรู้จักพระเยซูเจ้าก็คือครอบครัวของเขาเอง และข้าพเจ้าก็อยากจะขอบคุณครอบครัว บรรดาครูบาอาจารย์ครูคำสอนในหมู่บ้านที่ได้ช่วยสอนคำสอนและหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความเชื่อ และกระแสเรียกให้แก่พวกเขา ประการที่สองข้าพเจ้าก็อยากจะขอบพระคุณบรรดาพี่ใหญ่ที่มาก่อนได้ให้ความช่วยเหลือ ดังพระคัมภีร์ที่ได้กล่าวคือผู้หนึ่งคือผู้หว่าน ผู้หนึ่งคือผู้เก็บเกี่ยว โดยเฉพาะบรรดามิสชันนารี ที่มาจากยุโรปซึ่งในขณะนี้หลายท่านก็ยังมีชีวิตอยู่ หลายท่านก็ได้จากไปแล้ว แต่วันนี้ผลผลิตที่สวยงามที่เราได้ชื่นชมยินดีร่วมกัน ข้าพเจ้าจึงอยากขอบพระคุณท่านเหล่านั้นที่สละบ้านเกิดเมืองนอนของท่านไม่ว่าจะเป็นชาวอิตาลี ชาวฝรั่งเศส ชาวสเปน ชาวอังกฤษ ในการเผยแพร่ข่าวดี แม้แต่บางคนก็ได้เป็นผู้โปรดผู้รับศีลล้างบาปแก่บาทหลวงเราในวันนี้ รวมทั้งยังได้ให้การศึกษาและเป็นแบบอย่างที่ดีแก่พวกเขา เหมือนดังอัครสาวกที่ติดตามองค์พระเยซูเจ้า ประการที่สาม ข้าพเจ้าขอขอบพระคุณผู้ให้การอบรมทั้งหลาย รวมทั้งผู้ที่จากไปแล้วที่ให้การศึกษาอบรมไม่ว่าจะเป็นบรรดา นวกจารย์ อาจารย์สอนในบ้านเณร และทุกคนที่มีส่วน เพราะว่าพวกท่านมีส่วนสำคัญอย่างมากในการหล่อเลี้ยงกระแสเรียกของพวกเขาในคณะเบธารามของเราเราพยายามเลียนแบบชีวิตของนักบุญการีกอยส์ ผู้ตั้งคณะ ซึ่งได้เลียนแบบอย่างของประกาศกอิสยาห์ที่ว่า’ข้าพเจ้าอยู่นี่ โปรดส่งข้าพเจ้าไป’ แต่เราก็มีเรื่องตลกในคณะ ที่พูดคุยกันในคณะคือหากว่ามีผู้ใหญ่บางคนได้ส่งให้ไปอบรม เราทุกคนก็จะตอบว่า ‘ข้าพเจ้าอยู่นี่ แต่โปรดส่งคนอื่นไปแทน’ และก็การที่ผู้ให้การอบรมทำหน้าที่แต่ละวัน ณ เวลานี้ผู้ให้การอบรมจะไม่เห็นผล อาจจะไม่ซาบซึ้งในการทำหน้าที่ของผู้ให้การอบรม แต่ว่าวันใดวันหนึ่งอาจจะถึง 20 ปี เราจะซาบซึ้งถึงการทุ่มเทในชีวิตของผู้ให้การอบรม และประการที่สี่ ข้าพเจ้าอยากขอบพระคุณบิชอปฟรังซิสเซเวียร์วีระ อาภรณ์รัตน์ และพระคุณเจ้าองค์ก่อนๆ ที่เป็นเพื่อนที่ดีกับคณะเบธารามเสมอมา โดยเฉพาะบิชอปยอแซฟ พิบูลย์ ซึ่งดีต่อเรา โดยช่วยเราในสังฆมณฑลนครสวรรค์ช่วงระยะเวลา 4-5 ปีมานี้ ข้าพเจ้ามาจะกล่าวเสมอๆว่า หน้าที่ประการแรกของบิชอปก็คือ การให้กำลังใจแก่ผู้อื่น และนี้ก็เป็นสื่งที่ชาวเบธารามได้รับเสมอมานะครับ และประการที่ห้า ข้าพเจ้าอยากขอบคุณเพื่อนเบธารามและบรรดาฆราวาสที่ได้มีส่วนช่วยกันเสมอมาในหลายรูปแบบ ทั้งในอดีตและในปัจจุบัน บ้างก็สนับสนุนให้คำภาวนาให้ความสัมพันธ์ที่ดีกับพี่น้องพวกเรา บ้างก็ด้วยทรัพย์สินเงินทองทรัพย์สมบัติที่จำเป็น บ้างก็ด้วยความรักที่ร่วมอุทิศตนในการทำหน้าที่แต่ละวัน บ้างก็ด้วยแบบอย่างที่ดี บ้างก็ด้วยคำตักเตือนวิพากย์วิจารณ์ที่จริงใจและสัตย์ซื่อ เพราะพวกเราบาทหลวงเองและสามเณรก็เป็นมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง และถึงแม้ว่าเราให้การอภิบาลเราก็ต้องการกลับใจอย่างต่อเนื่อง เหมือนดังนักบุญเปาโลที่กล่าวเปรียบเทียบกับพวกเราว่าเป็นเพียงภาชนะดินที่มีบรรจุทรัพย์สมบัติที่มีค่าไว้ ในวันที่ดีๆเราก็เป็นภาชนะที่น่ารักที่มีรูปทรงที่ดี เฉลียวฉลาดเหมือนพระเยซูเจ้า แต่ในวันใดที่แย่ๆต้องเจอกับหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิต ภาชนะดีนั้นก็จะมีความวุ่นวายใจ มีความเหน็ดเหนื่อยและก็โง่เขลาดังเช่นโคและกระบือ ดังนั้นข้าพเจ้าก็อยากโมทนาคุณ
ขอบพระคุณพระเป็นเจ้า สำหรับทุกๆคนที่ให้เราสำนึกตัวต่อหน้าพระ ว่าเราสามารถประกอบภารกิจเพื่อพระองค์ได้นั้น ก็โดยการที่เรารู้จักกลับตัวกลับใจอย่างต่อเนี่องเสมอ ขอขอบพระคุณพวกเราทุกท่านที่รักภาชนะดินนี้ และให้ท่านเก็บรักษาสมบัติอันมีค่านี้ไว้ต่อไป ขอบคุณ”
บิชอปยอแซฟ พิบูลย์ วิสิฐนนทชัย ได้กล่าวต่อว่า
“สวัสดีครับพี่น้อง พ่อทราบดีว่าถ้าพ่อพูดยาว พ่ออาจจะฝึกความอดทนของที่น้องมากเกินไป เพราะฉะนั้นพ่อขอสองนาทีเท่านั้นเองนะครับ เมื่อสี่สิบปีที่แล้ว บาทหลวงเบธารามท่านหนึ่งเดินทางไปที่สังฆมณฑลนครสวรรค์ที่แม่เหวย เวลานี้พ่อก็อยากจะบอกกับบาทหลวงท่านนั้นว่า ทั้งหมู่บ้านกว่าสี่สิบครอบครัวเป็นคาทอลิกหมดเหลือครอบครัวเดียว เป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจแม่เหวย แล้วก็พ่ออยากจะบอกอีกว่า 27 ปีที่แล้วคุณพ่อท่านนี้เดินทางไปที่สามพรานแล้วทำให้เกิดบ้านเณร และจากนั้นอีกสักสิบกว่าปี พ่อก็เห็นมีการบวชบาทหลวงเบธารามเป็นคนไทย และวันนี้ก็บวชมากที่สุด พ่อก็บอกว่าต้องมาให้ได้เพื่อจะดูว่าเบธารามมีหน้ามีตาแล้ว วันนี้พ่ออยากให้เราขอบคุณ คุณพ่อท่านนั้น คุณพ่อมีร์โก ครับตามที่อธิการเค้าบอก คนหนึ่งหว่านด้วยน้ำตา แล้วก็ไม่รู้ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น แล้วก็จุดที่คณะเบธารามไปทำอยู่ที่นครสวรรค์เป็นจุดที่มีคนกลับใจมากที่สุด ทั้งสังฆมณฑลรวมกันก็ยังน้อยกว่า พ่อก็มานั่งคิดว่าพระเจ้ารักกลุ่มชาติพันธุ์ เพราะกลุ่มชาติพันธุ์ดำเนินชีวิตใกล้เคียงกับพระเยซูมากที่สุด พออยู่พอกิน ทำงานหนักต้องอดทน เพราะประชากรไทยบอกว่านี่คือประชากรชั้นสองแต่ว่าบัดนี้เวลาที่พ่อมาดูที่วัดนี้ มันยิ่งใหญ่เยอะเหมือนกับคริสตชนที่กรุงเทพฯ แต่ว่าสวยงามกว่าด้วยความหลากหลายทั้งปกาเกอะญอ ม้ง อาข่า และก็เป็นอีกสารพัด วัดนี้จึงแต่งแต้มไปด้วยความสวยงามของชาติพันธุ์ เพราะว่าความเชื่อของกลุ่มชาติพันธุ์มีชีวิตใกล้เคียงกับพระเยซู พระเยซูจึงรักเราเป็นพิเศษเราจึงมีประชาชนมากมายมาหาเราในวันนี้ พ่อจึงอยากจะขอบคุณพระเป็นเจ้าพร้อมกับพ่อวีระ พร้อมกับคุณพ่อเบธาราม และพวกเราทุกคนก็คิดว่าเช่นเดียวกันอยากจะขอบคุณพระเป็นเจ้าครับ ขอบคุณครับ”
พระคุณเจ้าวีระ อาภรณ์รัตน์ ได้กล่าวปิดท้ายว่า
“วันนี้พ่อดีใจ ที่ไม่รู้สึกโดดเดี่ยวเพราะว่ามีบรรดาพี่น้องนักบวชที่เป็นบาทหลวงนักบวชมากมาย ตลอดจนพี่น้องที่เป็นนักบวชหญิงที่มาให้กำลังใจสังฆมณฑลเชียงใหม่ มีคำเขียนที่อยู่ในหนังสื่อพิธีบวชปกหลังเนี่ยนะครับว่าบาทหลวงเป็นใคร แล้วพ่อก็จำได้ว่าเคยเขียนหนังสือที่อยู่ในหนังสือสงฆ์หนุ่ม เป็นข้อคิดที่ดีมากว่าบาทหลวงนิรันดร์ที่ดำเนินชีวิตอยู่ท่ามกลางโลกโดยมิได้ปรารถนาพึงความพอใจแบบโลก ที่เป็นสมาชิกของครอบครัวแต่ก็ไม่ได้เป็นของครอบครัวใดเป็นพิเศษที่แบ่งปันความทุกข์ทั้งมวล ที่มองทะลุความรักทั้งหลาย ที่เยียวยารักษาบาดแผลทุกอย่าง เป็นคำที่มีความหมาย … พระคุณเจ้าพิบูลย์ได้ชมสังฆมณฑลเราที่มีสีสันที่มีพี่น้องชาวปกาเกอะญอ พี่น้องชาวอาข่า พี่น้องลาหู่ วันนี้พี่น้องนามสกุลมาเยอะก็มาเยอะจริงๆ พี่น้องชาวอาข่า แต่ว่าพี่น้องปกาเกอะญอมาเยอะกว่าเพราะว่ามีถึง 56 เปอร์เซ็นต์ พี่น้องชาวอาข่ามี 19 เปอร์เซ็นต์ พ่อไม่ได้อยากจะแบ่งแยกเป็นเผ่าต่างๆ พระเยซูเป็นชาวยิวแต่ไม่ได้ดำเนินชีวิตแพร่ธรรมเพื่อชาวยิวเท่านั้น ขอให้เรามีใจเปิดกว้างเหมือนกับบรรดาบาทหลวงธรรมทูตที่ไม่ใช่คนไทย แต่ก็มาอยู่ในผืนแผ่นดินไทย ทำให้เรามีสีสันจนทุกวันนี้ ขอพระได้โปรดอวยพรพี่น้องทุกคน ขอบคุณมูลนิธิเซนต์หลุยส์ ขอบคุณคณะผู้รับใช้ฯ ขอบคุณโรงเรียนมาแตร์เดอี ที่ได้ส่งเงินมาช่วยเรารวมทั้งหมดแล้วประมาณหนึ่งล้านสามแสนบาท เพื่อจะได้มาช่วยเหลือพี่น้องทางเชียงรายทางแม่สายและทางแม่สรวยที่ประสบภัยต่างๆ พ่ออยากให้พี่น้องที่อยู่ในสังฆมณฑลของเราเอง ได้ช่วยเหลือกันคนละหนึ่งบาทต่ออาทิตย์จะได้ช่วยเหลือพวกเรากันเอง จะได้มีส่วนร่วมจะได้มีสันสวยงามดีกว่าสีสันภายนอก ขอขอบคุณพวกเราที่มาร่วมงานในวันนี้ อย่าเพิ่งรีบกลับบ้านนะครับเดี๋ยวทานข้าวร่วมกันก่อน และชมการแสดงเยอะแยะเลยนะครับ ขอบคุณครับ”
ทั้งนี้ได้มีบาทหลวง นักบวช สัตบุรุษ ทั้งจากสังฆมณฑลเชียงใหม่และสังฆมณฑลอื่นๆ ได้เข้ามาร่วมเป็นสักขีพยานและร่วมความยินดีในพิธีบวชบาทหลวงครั้งนี้จำนวนมาก โดยการบวชครั้งนี้นับว่าเป็นสถิติใหม่ของสังฆมณฑลที่มีการบวชบาทหลวงในคราวเดียวกันมากที่สุดคือ 6 องค์จากเดิมที่มีการบวชมากที่สุด 5 องค์ และท้ายพิธีทุกท่านที่ได้เข้ามาร่วมพิธีได้ร่วมกันรับประทานอาหารเที่ยง และชมการแสดงร่วมกันที่ลานเอนกประสงค์โรงเรียนพระหฤทัยเชียงใหม่ ขอขอบพระคุณทุกท่านที่มีส่วนร่วมในการทำงานเบื้องหลังทำให้พิธีกรรมครั้งนี้ดำเนินการไปได้ด้วยดี