แนะนำหนังสือ YouCat for Kids ภาษาไทย

แนะนำหนังสือ YouCat for Kids ภาษาไทย

วันที่ 15 มิถุนายน 2020

เรื่อง ประชาสัมพันธ์หนังสือ
เรียน คุณพ่อ บราเดอร์ ซิสเตอร์ ครูคําสอนและพี่น้องที่รัก

       เนื่องจากคณะกรรมการคริสตศาสนธรรม ได้แปลหนังสือ YouCat for Kids และส่งเข้าโรงพิมพ์ แล้ว หนังสือจะออกจําหน่ายกลางเดือน กรกฎาคม ค.ศ. 2020 ผมขอแนะนําหนังสือเล่มนี้ โดยคัดมาจาก คํานําของหนังสือ ดังต่อไปนี้

       “สภาพระสังฆราชแห่งออสเตรียได้จัดทําหนังสือคําสอนคาทอลิก สําหรับเด็กและผู้ปกครอง (Youcat for kids) ตั้งแต่ ค.ศ. 2013-2018 จัดพิมพ์เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม ค.ศ. 2018 และใช้ในงานชุมชน ครอบครัวโลก (World Meeting of Families) ครั้งที่ 9 ที่นครดับลิน ประเทศไอร์แลนด์ วันที่ 22 -26 สิงหาคม ค.ศ. 2018 ซึ่งเป็นการชุมนุมครอบครัวโลก หลังจากที่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสได้ออกสมณลิขิตเตือนใจ Amoris Laetitia เกี่ยวกับความรักในครอบครัว (19 มีนาคม ค.ศ. 2016)

       “ครอบครัวต้องเป็นแหล่งเรียนรู้ที่จะดําเนินชีวิตในความเชื่อด้วยกัน ซึ่งบิดามารดา และผู้อาวุโส ถ่ายทอดความเชื่อ วัฒนธรรม เป็นแบบอย่าง เพาะบ่มและอบรมกระแสเรียกแก่บุตรหลาน” (กฤษฎีกา สมัชชาฯ ค.ศ. 2015 ข้อ 24) หนังสือคําสอนเล่มนี้จึงเป็นเครื่องมือช่วยพ่อแม่ปู่ย่าตายายคาทอลิกในการเป็นครูคําสอนคนแรกของลูกหลานในครอบครัวนั่นเอง”

       เนื่องจาก เราพิมพ์ 4 สี หนา 238 หน้า ราคาขายเล่มละ 420 บาท ถ้าท่านช่วยสั่งจองภายในเดือนกรกฎาคม 2020 นี้ ราคาเล่มละ 350 บาท (ไม่รวมค่าส่ง) ติดต่อสั่งจองได้ที่แผนกคริสตศาสนธรรม โทร 02-681-3900 ต่อ 1303 email : [email protected]
จึงเรียนมาเพื่อทราบ และโปรดพิจารณา ขอบคุณครับ

ขอพระอวยพร
(ฟ.วีระ อาภรณ์รัตน์)
พระสังฆราชสังฆมณฑลเชียงใหม่
ประธานคณะกรรมการคาทอลิกฯ แผนกคริสตศาสนธรรม

คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรม แผนกคริสตศาสนธรรม อาคารเลขที่ 122/11 ซ.นนทรี 14 (ซ.นาคสุวรรณ) ถ.นนทรี ยานนาวา กรุงเทพฯ 10120
โทร. 0-2681-3900 ต่อ 1303 โทรสาร 0-2681-5369 ถึง 70 www.thaicatechesis.com, E-mail : [email protected] CATHOLIC COMMISSION FOR CATECHETICAL EDUCATION, 122/11 Soi Naksuwan, Nonsi Road, Yannawa, Bangkok 10120, Thailand

ฉลองวัด น.ยอแซฟ กรรมกร แม่ริม 2020

ฉลองวัด น.ยอแซฟ กรรมกร แม่ริม 2020

วันเสาร์ที่ 18 กรกฎาคม ค.ศ. 2020

ตามปกติ การฉลองนักบุญ ยอแซฟ กรรมกร ตรงกับวันที่ 1 พฤษภาคม แต่สำหรับวัด น.ยอแซฟ กรรมกร ที่แม่ริม จ.เชียงใหม่ คุณพ่อสมชาย กิจนิชี (คณะซาเลเซียน) เจ้าอาวาส และรับผิดชอบศูนย์คำสอนแม่ริม รอให้นักศึกษากลับมาที่ศูนย์ในปีการศึกษาใหม่จึงจัดวันนี้

มีพระสงฆ์มาหลายคน จากบ้านดอนบอสโกดอยสะเก็ด ซิสเตอร์และเด็กๆจากบ้านเยาวสตรี (คณะผู้รับใช้ฯ) บ้านพรสวรรค์ (คณะรักกางเขน ท่าแร่) และสัตบุรุษ รวมประมาณ 180 คน

            ระหว่างพิธีมิสซา มีโปรดศีลล้างบาปแก่เด็กเล็ก 3 คน

            หลังมิสซา รับประทานอาหารร่วมกัน สภาภิบาลของวัด ร่วมมือกันให้ชาวบ้าน และเพื่อนบ้าน นำอาหารคาว หวาน มาทำบุญ แม้เศรษฐกิจยังไม่ค่อยดี แต่ชาวบ้านใจดี นำอาหาร ลำไย และไอศกรีม มาร่วมฉลอง น่าประทับใจ

ฟ.วีระ อาภรณ์รัตน์

ข้อคิดข้อรำพึง อาทิตย์ที่ 16 เทศกาลธรรมดา ปี A

ข้อคิดข้อรำพึง อาทิตย์ที่ 16 เทศกาลธรรมดา ปี A

จงปล่อยให้การตัดสินครั้งสุดท้ายเป็นของพระเจ้า

การตัดสินโดยทันที (Instant judgement)

Ibn Saud กษัตริย์องค์แรกของซาอุดิ อาราเบีย ทรงต้องเผชิญหน้ากับปัญหาของการตัดสิน เรื่องมีอยู่ว่า หญิงคนหนึ่งมาเฝ้าพระองค์และทูลเรียกร้องให้ตัดสินลงโทษชายคนหนึ่งที่ฆ่าสามีของเธอ ให้ตายตกไปตามกัน ขณะเกิดเหตุ ผู้ชายคนนี้อยู่บนต้นปาล์มกำลังเก็บผลอินทผาลัม แต่เกิดพลาดและตกลงมา บังเอิญลงมาทับร่างชายคนที่เป็นสามีของหญิงนั้นที่อยู่ใต้ต้นปาล์มถึงแก่ความตาย กษัตริย์ Ibn Saud ทรงถามหญิงนั้นว่า “ชายคนนั้นตั้งใจจะตกลงมาไหม” “ชายสองคนนี้เคยเป็นศัตรูกันมาก่อนหรือไม่” หญิงนั้นทูลตอบว่าไม่เคยรู้จักชายคนนี้เลย และไม่รู้ว่าทำไมถึงตกลงมา แต่ตามกฎหมายแล้วเธอมีสิทธิเรียกร้องให้เลือดตกไปตามกัน กษัตริย์ทรงกล่าวต่อไปว่า “จะให้ชดใช้ในรูปแบบอื่นไหม” แต่หญิงคนนั้นขอแต่ศีรษะของฝ่ายที่ทำผิด กษัตริย์ทรงพยายามโน้มน้าวชักจูงเธอ ทรงชี้ให้เห็นว่า เธออาจจะต้องการเงิน และการลงโทษชายคนนี้ให้ตายไปก็ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ ทั้งต่อตัวเธอและลูกของเธอ แต่หญิงนั้นยังยืนกรานโดยโต้เถียงว่า ไม่เป็นการถูกต้องที่ชายคนที่ฆ่าสามีเธอ จะได้รับอนุญาตให้อยู่ในกลุ่มคนที่เป็นคนดี เขาควรถูกขุดรากถอนโคนทิ้งไปในทันที ที่สุด กษัตริย์จึงตรัสว่า “เป็นสิทธิ์ของเธอตามกฎหมายที่จะเรียกร้องการลงโทษ และเป็นสิทธิ์ของเธอตามกฎหมายที่จะร้องขอให้เอาชีวิตของชายคนนี้ แต่เป็นสิทธิ์ของฉันตามกฎหมายด้วย ที่จะกำหนดว่าเขาควรจะตายอย่างไร เอาเถอะ ขอให้นำชายคนนี้เข้ามาพร้อมกับเธอ และให้เขาถูกผูกไว้ใต้ต้นปาล์ม ส่วนเธอขอให้ปีนขึ้นไปบนต้นไม้นั้นให้สูงที่สุด แล้วปล่อยตัวลงมาจากความสูงให้ลงมาทับร่างของเขา ด้วยวิธีนี้เธอจะสามารถฆ่าเขาให้ตายเหมือนที่เขาทำกับสามีเธอ” พระองค์ทรงหยุดเล็กน้อยแล้วตรัสเสริมว่า “หรือบางที เธออาจจะรับเงินเป็นค่าไถ่เลือดมากกว่า” สรุป หญิงนั้นขอรับเงินแทน

ความหวังที่เต็มเปี่ยม (The good hope)

การเรียกร้องให้มีการตัดสินโดยฉับพลัน เพื่อถอนรากถอนโคนผู้ที่ทำผิดคิดร้ายต่อปวงชน เพื่อนำเอาการพิพากษาครั้งสุดท้าย (last judgement) มาเป็นปัจจุบันกาล (present tense) เป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างมากในพระวาจาของพระประจำอาทิตย์นี้ จากบทอ่านแรกของหนังสือปรีชาญาณได้พยายามตอบคำถามที่กดดันอย่างหนักในข้อที่ว่า ทำไมพระเจ้าทรงปล่อยให้คนชั่วเจริญรุ่งเรือง ทำไมพระเจ้าจึงทรงอดทนและอดกลั้นต่อศัตรูของชาวอิสราเอล ผู้แต่งตอบโต้ว่าความอดทนอดกลั้นของพระเจ้านั้นไม่ได้เป็นผลมาจากความอ่อนแอของพระองค์ พระยุติธรรมแท้จริงมาจากต้นกำเนิดที่ทรงพลัง ขึ้นกับว่าพระองค์จะทรงใช้ความเข้มแข็งที่ทรงพลังอย่างไรเท่านั้น คำตอบคือว่า พระองค์ทรงจัดการกับสิ่งนี้โดยให้น้ำหนักกับ “ความกรุณาปรานีที่ยิ่งใหญ่” (great lenience) เราจะพบจากในพระคัมภีร์ว่า พระเมตตามากล้นของพระองค์ทรงมีให้กับทุกคนอย่างเห็นได้ชัด แม้คนที่ทำตนเป็นศัตรู การกระทำเช่นนี้เป็นไปตามเป้าประสงค์ของพระองค์ที่ว่า “พระองค์ทรงกระทำเช่นนี้ เพื่อสอนประชากรของพระองค์ว่า ผู้ชอบธรรมต้องรักเพื่อนมนุษย์ พระองค์ประทานความหวังเต็มเปี่ยมแก่บรรดาบุตรของพระองค์ว่า เมื่อเขาทำบาปแล้ว พระองค์ก็ประทานโอกาสให้เขากลับใจ” (ปชญ 12:16-19)

และดังนี้ประชากรก็ถูกขอให้มีส่วนร่วมในจิตตารมณ์เดียวกันนั้น พวกเขาต้องปฏิบัติอย่างใจดีต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน การเผยแสดงว่าพระเจ้าทรงพระเมตตาที่ยิ่งใหญ่ จะช่วยให้ชาวอิสราเอลมีความหวังอย่างเต็มเปี่ยม (The good hope) ในมุมมองที่ว่าเมื่อพวกเขาทำผิดต่อพระเจ้า ก็จะได้รับการยกโทษให้จากพระองค์ด้วยเช่นกัน ความหวังเช่นนี้ได้รับการยกย่องเชิดชูให้สูงขึ้น เมื่อเราสวดบทข้าแต่พระบิดาของข้าพเจ้าทั้งหลาย “โปรดประทานอภัยแก่ข้าพเจ้า เหมือนข้าพเจ้าให้อภัยแก่ผู้อื่น”

เรื่องที่สะกิดใจเราในพระเมตตาของพระเจ้าที่ทรงอดทนต่อคนผิด ปรากฏอีกครั้งในพระวรสารของวันนี้ อาณาจักรของพระเจ้าเปรียบเหมือนชาวนาที่ต้องเผชิญปัญหาน่าหนักใจ ทุ่งนาของเขามีทั้งข้าวสาลีและข้าวละมานเติบโตมาด้วยกัน ซึ่งการจะแยกแยะให้ชัดเจนว่าเป็นชนิดไหน ก็ต้องรอให้มันโตกว่านี้เสียก่อน คนใช้ต้องการถอนข้าวละมานทิ้งไป แต่ชาวนาบอกให้ปล่อยไว้ก่อน เขาหวั่นเกรงว่าการถอนรากถอนโคนข้าวละมาน อาจทำให้ข้าวสาลีได้รับอันตรายไปด้วย เขาสั่งว่า ไม่ต้องพยายามก่อนเวลาที่จะแยกแยะออกจากกัน ดังนั้นข้าวทั้งสองชนิดถูกอนุญาตให้โตขึ้นจนถึงวันเก็บเกี่ยวสุดท้าย แล้วจึงจะทำการแยกออกไป

ชุมชนที่ผสมปนเปกัน (A mixed community)

อันที่จริง ข่าวสารที่พระเยซูเจ้าทรงมอบให้เมื่อเล่าอุปมาเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่พระองค์เองทรงเผชิญหน้ากับมันตลอดพระราชกิจของพระองค์ กล่าวคือพระองค์ทรงเข้าไปหาคนทุกชนิด ผสมปนเปไปด้วยโสเภณี พวกพระสงฆ์ ขโมยขโจร คัมภีราจารย์ นักการเมือง เด็กๆ คนเก็บภาษี ฟารีสี ฯลฯ การจะทำให้ศาสนาต้องแปลกแยกออกไปต่างหากเป็นสิ่งที่พระองค์ไม่ทรงทำ ตรงกันข้ามกลับทรงแสวงหา และช่วยผู้ที่หลงทางไปให้ได้กลับมา พวก “ฟาริสี” ชื่อของเขาหมายถึง “พวกที่แยกออกไปต่างหาก” (= ไม่ปนกับคนอื่นๆ เป็นกลุ่มคนพิเศษที่ดีเหนือกว่าคนอื่นๆ) พวกนี้วิจารณ์พระเยซูเจ้าที่ไปคบหากับกลุ่มคนผิดๆทั้งหลาย แต่พระเยซูเจ้าทรงทราบดีว่า ทุกๆสังคมมีทั้งคนดีและคนเลว และไกลกว่านั้น เรายังไม่ควรแยกแยะเวลานี้ ควรรอจนถึงวาระสุดท้าย

เรื่องนี้สอนเราว่า ในฐานะคริสตชนเราไม่มีอำนาจจะประกาศคำตัดสินสุดท้ายสำหรับใครก็ตาม คำสุดท้ายไม่ควรพูดออกมาถึงใครเลย จนกว่าความตายของเขาจะมาถึง แล้วนั้น ให้พระเจ้าทรงทำในส่วนของพระองค์ ไม่ใช่หน้าที่ของเรา นักบุญเปาโลสอนเราอย่างดีทีเดียวในเรื่องนี้ “ดังนั้น จงอย่าตัดสินเรื่องใดๆ ก่อนถึงเวลา จงคอยจนกว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จมา” (1คร 4:5) ที่นักบุญเปาโลพูดเรื่องนี้ เพราะท่านเองก็ตระหนักดีว่า ถ้าตัดสินอะไรให้เด็ดขาดไปเลยในเวลานี้ อาจจะเป็นเหมือนหนังคนละเรื่อง เช่นว่า แต่ก่อนนักบุญเปาโลคิดผิดๆเกี่ยวกับผู้ติดตามพระเยซูเจ้า ท่านพยายามไปถอนรากถอนโคนกลุ่มคริสตชนใหม่ เพราะคิดว่าเป็นวัชพืช ต้องถอนทิ้งไป แต่ภายหลังเมื่อท่านได้เห็นภาพนิมิตและกลับใจ ท่านก็ต้องยอมรับว่าตัดสินผิดพลาดไป หรือถ้าพระเจ้าทรงตัดสินเซาโลในขณะที่เขากำลังเบียดเบียนคริสตชนอยู่ เขาก็คงไม่ได้มาเป็น “อัครสาวกของคนต่างศาสนา” ที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่งเป็นแน่

หรือนักบุญมารีย์ ชาวมักดาลา ที่มีวันระลึกถึงท่านใกล้ๆช่วงเวลานี้ (= 22 กรกฎาคม) ซึ่งผู้นิพนธ์พระวรสารองค์หนึ่งบอกว่า เธอเคยถูกปีศาจเจ็ดตนสิงอยู่ และพระเยซูเจ้าทรงขับไล่ผีเจ็ดตนออกไปจากนาง ต่อมาเธอกลายมาเป็นผู้ติดตามพระเยซูเจ้า และเป็นคนแรกที่ทรงแสดงองค์ให้เห็นหลังการกลับฟื้นคืนพระชนมชีพด้วย เห็นไหมครับ ถ้าให้คำตัดสินสุดท้ายตั้งแต่เธอยังโดนหมู่ปีศาจสิงอยู่ ผลจะออกมาแตกต่างกันมากแค่ไหน จึงขอสรุปดังนี้

"พระเจ้าต่างหากจะทรงเป็นผู้แยกแยะว่าใครดีและไม่ดี และเวลาสุดท้ายต่างหากที่เป็นเวลาสำหรับการตัดสิน"

(ถอดความโดย คุณพ่อวิชา หิรัญญการ เรียบเรียงใหม่เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม ค.ศ. 2020
Based on : Season of the Word ; by Denis McBride, C.SS.R.)

“จงปล่อยให้ข้าวสองชนิดงอกงามขึ้นด้วยกันจนถึงฤดูเก็บเกี่ยว”

บางคนเปรียบเทียบว่าอยู่ในโลกนี้ บางทีก็เหมือนอยู่ในรถ บางครั้งอยากจะให้รถจอด
จะได้ออกไปจากรถคันนี้ ถ้าหยุดโลกได้ และออกไปจากโลกได้ คงมีหลายๆ คนทำกัน

ทั้งนี้ เพราะในโลกมิได้มีแต่สิ่งสวยงามเสมอไป
มิได้มีแต่คนที่มีจิตใจดีงามเสมอไป
มิได้มีอะไรๆ เป็นไปตามฝันเสมอไป

ตรงข้าม บางคนเห็นแต่สิ่งชั่วร้ายในโลกนี้
ผู้คนมากมายเป็นโรคจิต และกระทำสิ่งชั่วร้าย
มีสงคราม จลาจล ความเกลียดชังไปทุกหย่อมหญ้า
เด็กๆ และสตรีอาจไม่ปลอดภัย เพราะเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์
ผู้ชายก็อาจตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงนานาชนิด

แต่ความดี ความจริง ความรัก ความเมตตาปรานี การเห็นอกเห็นใจกัน สิ่งเหล่านี้ก็ยังมีอยู่ด้วยเช่นกันในโลกใบนี้ ดังนั้น ในโลกของเรานี้ มีทั้งความดีและความไม่ดีอยู่ปะปนกันไป

เหมือนในพระวรสารของอาทิตย์นี้ที่พูดถึงข้าวสาลีที่งอกงามขึ้นมา แต่ในเวลาเดียวกันก็มีข้าวละมานงอกงามขึ้นมาด้วย ผู้รับใช้จึงถามนายว่า “นายต้องการให้เราไปถอนมัน(ข้าวละมาน)ไหม” นายห้ามไม่ให้ถอน เพราะกลัวจะติดข้าวสาลีออกไปด้วย ให้รอไว้จนถึงฤดูกาลเก็บเกี่ยว

ฟังอุปมาเรื่องนี้ของพระเยซูเจ้าแล้ว เราต้องยั้งปากเอาไว้ ไม่ไปขอพระองค์ให้ทำลายคนชั่วให้สิ้นไป คงเหลือไว้แต่คนดีๆ เท่านั้น จะได้แช่มชื่นใจ เพราะว่าถ้าเราเผลอไปขอเช่นนั้นจริง และพระองค์โปรดประทานให้ตามที่ขอนั้น พวกเราอาจจะเป็นพวกแรกๆ ที่ถูกถอนทิ้ง และก็คงจะไล่ถอนไปเรื่อยๆ จนเกือบหมดโลก

ทั้งนี้ เพราะเรามนุษย์ทุกคนมีทั้งความดีและความชั่วอยู่ในตัวเรา พระเจ้าทรงมีความอดทนอย่างยิ่ง เพื่อให้เรามีโอกาสค่อยๆ ปราบความชั่วให้หมดไป และหันเข้าหาฝ่ายความดี ดังนั้น การที่พระองค์ทรงปล่อยให้โลกมีทั้งคนดีและไม่ดี ก็เพื่อให้คนดีได้มีความดีเพิ่มมากขึ้น และให้โอกาสคนที่ไม่ดีได้กลับตัวกลับใจมาเป็นคนดี เพื่อจะได้มาสู่หนทางแห่งความรอดพ้น

ลองพิจารณาดูพระเยซูเจ้า เมื่อครั้งที่ทรงพระชนม์อยู่ในโลกนี้ ตลอดเวลาที่ทรงประกาศข่าวดี ทรงเข้าถึงผู้คนทุกชนิด ทรงพบปะผู้คนมากมายหลายอาชีพ มีทั้งโสเภณี พระสงฆ์ ฟาริสี คัมภีราจารย์ คนฉ้อโกง นักการเมือง เด็กๆ และคนเก็บภาษี พระองค์ทรงปรารถนาจะให้ทุกๆ คนได้รับข่าวดีแห่งพระอาณาจักรของพระเจ้า

สรุปว่า พระวรสารของสัปดาห์นี้สอนให้เรามุ่งมั่นทำงานให้หนัก เพื่อมุ่งไปสู่หนทางแห่งความศักดิ์สิทธิ์ พระเจ้าทรงรอคอยเราด้วยความเพียรอดทน ทรงรอจนถึงที่สุด อย่างน้อยจนถึงฤดูเก็บเกี่ยวเพื่อให้โอกาสเราได้รอดมากขึ้น

(คุณพ่อ วิชา หิรัญญการ เขียนลงสารวัดนักบุญยอแซฟ อยุธยา เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม ค.ศ. 2011)

สรุป ค่ายคำสอน ค่ายเยาวชน ภาคฤดูร้อน พ.ศ.2563

สรุป ค่ายคำสอน ค่ายเยาวชน ภาคฤดูร้อน พ.ศ.2563

            ตามปกติ  ตามวัดจัดค่ายคำสอน ภาคฤดูร้อน  เป็นประจำทุกปี  เพื่ออบรมเด็ก-เยาวชน เตรียมรับศีลศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ  และฟื้นฟูชีวิตเยาวชน เช่น ในช่วงปิดเทอมใหญ่   ปีที่แล้ว เมษายน 2562  มีรายงาน 35 ค่าย จาก 27 วัด (ในจำนวน 34 วัด  7 วัดไม่ได้จัด หรือจัดแต่อาจไม่ได้รายงานมิสซัง)  มีข้อมูลสรุปดังนี้

  • รับศีลล้างบาป 538  คน
  • รับศีลมหาสนิท 556  คน
  • รับศีลกำลัง 540  คน
  • รื้อฟื้นศีลล้างบาป 106  คน
  • รับศีลอภัยบาปครั้งแรก 238  คน

รวมเด็กเข้าค่าย 2671  คน

เยาวชน    956  คน            ผู้ใหญ่  79  คน

บุคลากรจัดค่าย    616  คน

งบประมาณที่ใช้           1,852,828  บาท   (หนึ่งล้านแปดแสนกว่าบาท)

สำหรับเมษายน-มิถุนายน   2563  ปีนี้ เนื่องจากมีการแพร่ระบาดไวรัสโคโรน่าจึงไม่สามารถจัดค่ายคำสอนและค่ายเยาวชนได้  แต่มีบางวัดรายงานมาดังต่อไปนี้

1.เขตวัดนักบุญเปโตร  (ขุนแม่ลา)

จัดระหว่างวันที่ 1-12 เมษายน พ.ศ.2563 จัดค่ายคำสอนไปตามหมู่บ้านแต่ละหมู่บ้านทั้งหมด  4 หมู่บ้าน คือ หมู่บ้านแม่ซ้อ,บ้านหัวดอย,บ้านห้วยเหี้ยะ,บ้านฟักทอง  โดยจัดค่ายคำสอนครั้งนี้    มีทั้งเด็ก  เยาวชน และผู้ใหญ่ ( เด็กจำนวน 60 คน)  เยาวชน ( จำนวน  40 คน)  และผู้ใหญ่ (จำนวน  60 คน)

ผู้ดำเนินการจัดค่ายคำสอนครั้งนี้  มี พระสงฆ์ 2 องค์  ครูคำสอน 6  คน    บราเดอร์  4 คน

2.เขตวัดนักบุญเปาโล   นาเกียน 

            16-21 มีนาคม ที่หมู่บ้านทีลอ (จำนวน  30 คน)  และหมู่บ้านทิกะเย (จำนวน 42 คน)

3.เขตวัดนักบุญเปาโล  (แม่สะเรียง)

จัด 5 หมู่บ้าน คือ แม่ละ ฮากไม้ใต้ ป่าแป๋  โก๊ะไม้หลู่  และห้วยเดื่อ  (ยังไม่รายงานจำนวนคน)           

นอกนั้นมี 3 วัดที่รายงานช่วยสู้ภัยโควิด คือ

  1. เขตวัดนักบุญมีคาแอล การีกอยส์  เชียงดาว ซื้อปลากระป๋อง  13 ลัง

  แจก 8 แห่งที่ได้รับผลกระทบโควิด 19

  1. เขตสบเมย ใช้งบ เตรียมพื้นที่สร้างวัด(สาขา)ที่หมู่บ้านแม่แฮด มีคริสตชน 12 หลังคา
  2. วัดนักบุญฟรังซิสเซเวียร์แม่ฮ่องสอนช่วยคนยากจน

            สรุปปีนี้ การแพร่ระบาดของโควิด 19 ทำให้ไม่สามารถจัดค่ายคุณธรรม คำสอนได้อย่างเคย

ฟ.วีระ  อาภรณ์รัตน์  (สรุปรายงาน)

การช่วยเหลือแรงงานข้ามชาติที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 ของมิสซังเชียงใหม่

การช่วยเหลือแรงงานข้ามชาติที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 ของมิสซังเชียงใหม่

วันที่ 11 กรกฎาคม 2563

มิสซังเชียงใหม่ได้ให้การช่วยเหลือแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ที่ปางช้างอำเภอแม่แตง ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ถึงกรกฎาคม รวมทั้งหมด 3 ครั้ง ครั้งที่ 1 วันที่ 30 พฤษภาคม 2563 ครั้งที่ 2 วันที่ 9 มิถุนายน2563 และเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2563 เป็นครั้งที่ 3 มีชาวบ้าน 120 ครอบครัว ที่ทำงานและอาศัยที่ปางช้างทั้ง 4 แห่งที่ปางช้างอำเภอแม่แตง

การช่วยเหลือครั้งที่ 3 โดยเริ่มตั้งแต่ตอนเช้าของวันที่ 11 พฤษภาคม 2563 เวลา 8.00 น เจ้าหน้าที่ทุกแผนกรวมทั้งพระคุณเจ้า คุณพ่อและซิสเตอร์ช่วยกันขนของขึ้นรถที่จะนำไปให้พี่น้องที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19ที่ปางช้างอำเภอแม่แตง จากนั้นได้ร่วมกันถ่ายรูป แล้วออกเดินทางไปที่ปางช้างอำเภอแม่แตง

ไปถึงประมาณ 9.30 น ได้ช่วยกันจัดเตรียมของและเช็ครายชื่อชาวบ้านที่จะมารับของกับผู้ประสานงานของแต่ละพื้นที่แล้ว คุณพ่อศราวุธ แฮทู ได้ขอครูคำสอน (เปาโล พะเอ๊าะ) นำสวดภาวนาด้วยภาษาของเขาเอง เพื่อขอบคุณพระเจ้า ขอบคุณผู้มีน้ำใจดีที่ช่วยเหลือพวกเรา จากนั้นคุณพ่อศราวุธ แฮทู เลขาสังฆราชมิสซังเชียงใหม่และคุณพ่อศิริชัย บุหงาสวรรค์ ผู้อำนวยการฝ่ายงานแพร่ธรรมได้อวยพรชาวบ้าน พร้อมแจกน้ำเสกให้ครอบครัวละ 2 ขวด

หลังสวดภาวนาเสร็จ ก็จัดแถวชาวบ้าน มารับของด้วยตนเอง ซึ่งมีชาวบ้านที่ปางช้างแม่ตะมานและปางช้างเมืองกึ๊ด ที่สามารถมารับของด้วยตนเอง ส่วนชาวบ้านที่ปางช้างป่าไม้แดงและบ้านปะลองไม่สามารถมารับของได้ด้วยตนเอง แต่ทางผู้ประสานงานที่ปางช้างแม่ตะมาน ซึ่งเป็นครูคำสอนและทีมงานได้รับแทนและจะดำเนินการจัดส่งไปให้ สาเหตุที่ชาวบ้านไม่สามารถมารับด้วยตนเองได้ เนื่องจากไม่สามารถหารถมาส่งได้ และด้วยทางศูนย์ ฯได้แจ้งให้ชาวบ้านทราบในระยะเวลากระชั้นชิดแค่วันเดียว

จากแบบสอบถาม ทราบว่าทุกครอบครัว เริ่มมีรายได้บ้างแล้ว แม้ว่าปางช้างยังไม่ได้เปิดกิจการได้ทุกแผนก เขาคาดว่าในเดือนสิงหาคม จะเป็นเดือนที่เริ่มมีการเก็บผลลำไย แม่บ้านที่ไม่มีงานทำที่ปางช้าง ก็จะต้องออกไปรับจ้างเก็บหรือคัดลำไย กับเจ้าของสวนที่อยู่ในบริเวณใกล้ปางช้างแม่แตง สำหรับค่าแรงงานนั้นวันละเท่าไรยังไม่ทราบ ขึ้นอยู่กับปริมาณงานและประเภทของงาน

แผนที่ได้วางไว้ว่า จะช่วยเขาปลูกผักเพื่อบริโภคเองนั้น คงยังทำไม่ได้ เนื่องจากว่าไม่มีพื้นที่ๆจะปลูกพืชผัก ส่วนแผนการอบรมการทำน้ำยาล้างจานและทำสบู่ใช้สำหรับอาบน้ำหรือซักผ้า เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายนั้น ทางดอกไม้ป่าจะทำการฝึกอบรมต่อไปตามแผน ที่ได้กำหนดวันเวลากับกลุ่มแม่บ้านเรียบร้อยแล้วคือวันเสาร์ที่ 25 กรกฎาคม 2563 ที่ปางช้างแม่ตะมานโดยมีแผนกสตรีและเจ้าหน้าที่ฝ่ายสังคมจะอำนวยความสะดวกด้านการเดินทางของทีมวิทยากร

นำถุงยังชีพให้กับพี่น้องที่ปางช้างแม่แตง แม่ตะมาน เมืองกึ๊ด ป่าไม้แดงและปางช้างโชคชัย จำนวน 120
ครอบครัว

ฉลองอารามนักบุญเบเนดิกต์ 11 กรกฎาคม

ฉลองอารามนักบุญเบเนดิกต์

11 กรกฎาคม 2020

วันเสาร์ที่ 11 กรกฎาคม โอกาสฉลองนักบุญเบเนดิกต์  สังฆมณฑลเชียงใหม่  มีนักบวชคณะเบเนดิกติน  (OSB) ชาวเวียดนาม 5 คน ตั้งแต่ ค.ศ. 2014  อารามตั้งอยู่บ้านเลขที่ 107 หมู่  6 ตำบลน้ำแพร่  อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่  50230

เย็นวันนี้มีพระสงฆ์  นักบวช  และสัตบุรุษ  ประมาณ 80 คน  มาร่วม ฉลองอาราม   และโอกาสครบรอบ 1 ปี การเสียชีวิตของ  ฟรังซิสโก  พลอากาศโท ณฤพล  เลิศกุศล (หลานของครอบครัววิจิตรพร) ครูฝึกบินผู้เสียสละให้ศิษย์ดีดตัวก่อน  ประคองเครื่องบินตกในป่า ที่ไม่มีบ้านผู้คน”

“ขอให้ ฟรัสซิสโก  น.ท. ณฤพล เลิศกุศล จงประสบสุข  เดชะพระเมตตาของพระเป็นเจ้าเทอญ”

ฟ.วีระ  อาภรณ์รัตน์ รายงาน

ประกาศเลขที่ ชม. 100/2020 เรื่อง อนุญาตให้รับศีลบวชเป็นพระสงฆ์

ประกาศเลขที่ ชม. 100/2020

เรื่อง อนุญาตให้รับศีลบวชเป็นพระสงฆ์

หลังจากที่ได้มีการพิจารณาร่วมกันกับคณะที่ปรึกษาพระสังฆราชฯ เรื่องการอนุญาตให้ สังฆานุกรบวชเป็นพระสงฆ์นั้น มีมติให้

1. สังฆานุกร เปาโล พิชิต จําปาพยุง               สัตบุรุษวัดนักบุญเปาโล นาเกียน
2. สังฆานุกร มัทธิว ธรรมชาติ ชอบพงไพร   สัตบุรุษวัดนักบุญยอห์น อัครสาวก แม่เหาะ
3. สังฆานุกร คริสโตเฟอร์ นนทชัย ริทู          สัตบุรุษวัดนักบุญยอห์น บัปติสต์ แม่โถ
4. สังฆานุกร โทมัส เธียรชัย สงวนไพรวัลย์   สัตบุรุษวัดอัครเทวดาราฟาแอล ขุนแปะ

มีความเหมาะสม ที่รับศีลบวชเป็นพระสงฆ์ เราจึงอนุญาตให้บวชเป็นพระสงฆ์ได้ พิธีบวชจะมีขึ้นในวันที่ 29 สิงหาคม ค.ศ.2020 ณ อาสนวิหาร พระหฤทัยเชียงใหม่ เวลา 10.00 น.

ประกาศ ณ วันที่ 13 กรกฎาคม ค.ศ.2020 สํานักพระสังฆราชสังฆมณฑลเชียงใหม่

(บิชอป ฟรังซิส เซเวียร์ วีระ อาภรณ์รัตน์)
สมณประมุขศาสนปกครองเขตเชียงใหม่

(บาทหลวง ยอแซฟ ศราวุธ แฮทู)
เลขาธิการศาสนปกครองเขตเชียงใหม่

ขอท่านอ่านเรื่องนี้ ถ้าท่านมีเวลา … สำหรับพระเจ้า

(เรื่องเล่า ให้ข้อคิด)

วันหนึ่ง  ซาตาน  และพระเยซูเจ้าสนทนากัน  ที่สวนเอเดน  มันหัวเราะและพูดว่า  แค่ทำให้โลกมีประชาชนมากมาย  ใช้เหยื่อล่อ  ผมรู้ว่า  พวกเขาทนไม่ได้  ทุกคนจะแพ้

พระเยซูถาม  :    แกจะทำอะไรกับพวกเขา

ซาตาน  :             ผมจะทำให้เขาสนุก  จะสอนวิธีแต่งงาน  และหย่า  วิธีเกลียด   และวิธีละเมิดต่อกัน  ดื่ม ดื่ม  ดื่ม   และสูบบุหรี่  แน่นอน  ผมจะสอนวิธีประดิษฐ์ปืน  และระเบิด  เพื่อทำร้ายกัน  มันสนุกแน่ๆ

พระเยซู  :          แกจะทำอะไร  เมื่อแกเบื่อพวกเขา 

ซาตานกล่าว พร้อมสายตาส่อความเกลียดชัง  และยะโสว่า “ผมจะฆ่าพวกเขา”

พระเยซู  :          แกต้องการเท่าไหร่  สำหรับไถ่พวกเขา

ซาตาน  :          พระองค์ไม่ชอบพวกเขา  พวกเขาไม่ดี  ทำไมพระองค์สนใจพวกเขาล่ะ  พวกเขาเกลียดพระองค์  จะถ่มน้ำลายรดหน้า  และประหารชีวิตพระองค์  พระองค์ไม่ชอบคนเหล่านี้แน่

พระเยซูถามอีก  :   เท่าไร

ซาตานมองพระเยซูเจ้า  และตอบแบบถากถางว่า “เลือด  น้ำตา  และชีวิตของพระองค์”

พระเยซูเจ้าตรัส  :   ตกลง  และนี่คือวิธีที่เราจ่าย

หมายเหตุ         ข้าพเจ้าสงสัยว่าทำไมมันง่ายนักที่มนุษย์ไม่เคารพพระเจ้า … และแปลกใจว่าทำไม  โลกกำลังไปนรก …  ตลกดีที่ บางคนกล่าวว่า  “ข้าพเจ้าเชื่อในพระเจ้า”  แต่ติดตามซาตาน   น่าสนใจที่คุณส่งข้อความตลกๆ มากมาย  ทางอีเมล  เหมือนดินปืน  แต่เมื่อคุณเริ่มส่งข้อความเกี่ยวกับพระเยซูเจ้าให้คนอื่น .. ต้องคิดก่อน 2 รอบก่อนแชร์ออกไป  ตลกนะ … คนคิดว่าผู้อื่นจะคิดถึงเขาอย่างไรมากกว่าจะคิดว่าพระเจ้าคิดอะไร

10  อย่างที่พระเจ้าไม่ถามคุณ

1️⃣พระเจ้าจะไม่ถามคุณว่า คุณใช้รถยนต์รุ่นอะไร

พระองค์จะถามคุณว่า  คุณเคยรับกี่คน

2️⃣พระเจ้าจะไม่ถามคุณว่า บ้านของคุณกว้างกี่ตารางเมตร

พระองค์จะถามคุณว่า  คุณให้กี่คนเข้าบ้าน

3️⃣พระเจ้าจะไม่ถามคุณว่า ในตู้เสื้อผ้า มีเสื้อแบรนด์อะไร

พระองค์จะถามว่า คุณได้ให้เสื้อผ้าใครบ้าง

4️⃣พระเจ้าจะไม่ถามคุณว่า คุณได้เงินเดือนมากเท่าไหร่

พระองค์จะถามว่า คุณทำงานหาเลี้ยงชีพซื่อสัตย์ไหม

5️⃣พระเจ้าจะไม่ถามว่าคุณมีไตเติ้ลอะไรนำหน้า

พระองค์ถามคุณว่า  คุณทำงาน สุดความสามารถหรือไม่

6️⃣พระเจ้าจะไม่ถามคุณว่าคุณมีเพื่อนกี่คน

พระองค์จะถามคุณว่า  ใครบ้างคิดว่าคุณเป็นเหมือนเพื่อนของเขา

7️⃣พระเจ้าจะไม่ถามคุณว่า คุณอาศัยอยู่แถบไหน 

พระองค์จะถามคุณว่า   คุณได้ปฏิบัติกับเพื่อนบ้านอย่างไร

8️⃣พระเจ้าจะไม่ถามคุณว่าผิวคุณสีอะไร

พระองค์จะถามคุณเกี่ยวกับความบริสุทธิ์ภายในตัวคุณ

9️⃣พระเจ้าจะไม่ถามคุณว่า ทำไมใช้เวลานานแสวงหาความรอด

พระองค์จะต้อนรับคุณด้วยความรัก  สู่บ้านในสวรรค์ ไม่ใช่ประตูนรก

🔟พระเจ้าจะไม่ถามคุณว่า แชร์บทความบทนี้ให้กี่คน

พระองค์จะถามคุณง่ายๆว่า  คุณอายที่จะแชร์ไหม…

พระเยซูคริสตเจ้าตรัสว่า “ถ้าท่านปฏิเสธเราต่อหน้าเพื่อนๆ  เราจะปฏิเสธท่านต่อหน้าพระบิดา วันนี้เป็นวันที่เราอวยพรท่าน  อวยพรชีวิต ครอบครัว บ้าน โครงการ  และความฝันต่างๆของท่าน”

ฟ.วีระ  อาภรณ์รัตน์  (แปล)

https://www.facebook.com/anna.garciacondes/posts/1001080523682509

ซิสเตอร์ชนะคดี ในสหรัฐ

ซิสเตอร์ชนะคดี ในสหรัฐ

8 กรกฎาคม 2020 สำนักข่าว CNA

คณะซิสเตอร์น้อยของคนจนได้ชนะคดีในศาลสูงสุด  สหรัฐอเมริกา  เป็นเวลา 9 ปี ที่ซิสเตอร์ต้องต่อสู้กับ “Obama-era”  (ยุคโอบาม่า) ออกคำสั่งเรื่องการป้องกันการตั้งครรภ์  ให้บรรดานายจ้างต้องดูแลค่าใช้จ่ายการคุมกำเนิดแก่บรรดาลูกจ้าง  อาศัยแผนดูแลสุขภาพ 

“มากกว่า  150 ปี  ที่ซิสเตอร์คณะนี้  ปฏิบัติหน้าที่บริการ  และเสียสละอย่างซื่อสัตย์เพราะนโยบายของคณะว่า จะอุทิศตนช่วยพี่น้องชายหญิง”

แต่ 7 ปีที่ผ่านมามีกฎดังกล่าว  จึงต้องต่อสู้เพื่อทำงานโดยไม่ขัดกับความเชื่อ และคำสอนของศาสนาคริสต์คาทอลิก

การตัดสินคดีของศาล 7:2 สำหรับรัฐเพนซิลวาเนีย  และแคลิฟอร์เนีย โดยได้รับการบริหารของประธานาธิบดีทรัมป์ ว่าเป็นข้อโต้แย้งด้านศีลธรรม   และศาสนา

ซิสเตอร์ต้องขึ้นศาล  ตั้งแต่ ค.ศ. 2011  เมื่อการบริหารของโอบาม่าสั่งให้นายจ้างต้องรับผิดชอบค่าทำคุมกำเนิด  การทำหมัน  และการทำแท้ง  ในแผนสุขภาพของลูกจ้าง  เรื่องมาถึงศาลสูงสุด  ค.ศ.2016 จนถึง 8 กรกฎาคม ค.ศ.2020 จึงสรุปว่า  ซิสเตอร์ชนะคดี

โจ ไบเดิ้น  อดีตรองประธานาธิบดี  พรรคเดโมแครต บอกว่าถ้าเขาได้รับเลือกตั้ง  จะรื้นฟื้นนโยบาย  โอบาม่า-ไบเดิ้น … แม้เป็นคาทอลิก   แต่เขาจะมีนโยบายให้ผู้หญิงทุกคนคุมกำเนิด  ฟรี

ซึ่งขัดต่อคำสอนในศาสนาคริสต์  เรื่องอย่าฆ่าคน  และศักดิ์ศรีของมนุษย์

ฟ.วีระ  อาภรณ์รัตน์

ทูตสวรรค์แจ้งข่าว (Angelus) วันอาทิตย์ที่ 12 กรกฎาคม 2020 ความเป็นไปได้ของนิทานเปรียบเทียบเรื่อง “ผู้หว่าน”

ทูตสวรรค์แจ้งข่าว (Angelus) วันอาทิตย์ที่ 12 กรกฎาคม 2020

ความเป็นไปได้ของนิทานเปรียบเทียบเรื่อง “ผู้หว่าน”

นี่เป็นแม่บทของนิทานเปรียบเทียบ

สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสในคำปราศรัยช่วงสวดทูตสวรรค์แจ้งข่าวของวันอาทิตย์ที่ 12 กรกฎาคม 2020 ทรงไตร่ตรองถึงนิทานเปรียบเทียบที่พวกเราทราบกันดีเรื่อง “ผู้หว่าน” พระสันตะบิดรตรัสว่านี่อาจเป็น “แม่บท” ของบรรดานิทานเปรียบเทียบทั้งมวลในพระวรสาร

        พระสันตะปาปาตรัสกับฝูงชนที่รักษา “ระยะห่างทางสังคม” ณ ลานมหาวิหารนักบุญเปโตร พระองค์ทรงกล่าวถึงดินชนิดต่างๆ เมื่อเมล็ดพืชพันธุ์ถูกหว่านลงไป และทรงอธิบายว่าประชาชนที่ได้ฟังได้รับพระวาจาของพระเจ้าอย่างไร พวกเราเป็นดินประเภทใด เป็นดินที่มีแต่หิน เป็นดินบางๆ เป็นดินที่มีแต่หนาม หรือว่าเป็นดินดี?

        “บ่อยครั้งพวกเราหลงอยู่กับผลประโยชน์ต่างๆมากมาย กับสิ่งที่ล่อตาล่อใจอันหลากหลาย จึงยากที่จะทำการแยกความชั่วและพระวาจาของพระเจ้า ซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้พวกเราเป็นไท” สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงเตือนใจ “นี่คือเหตุผลที่ทำไมจึงมีความสำคัญที่พวกเราจะต้องทำตนให้คุ้นเคยในการฟังพระวาจาของพระเจ้าและอ่านพระวาจาของพระองค์  พ่อขอแนะนำอีกครั้งหนึ่ง: พวกท่านต้องมีหนังสือพระคัมภีร์หรือพระวรสารติดตัว ซึ่งเป็นฉบับกระเป๋าที่ติดตัวเสมอ… แล้วอ่านข้อความเพียงสั้นๆทุกวัน เพื่อที่ท่านจะได้คุ้นเคยกับการอ่านพระวาจาของพระเจ้า โดยเข้าใจดีถึงเมล็ดพันธุ์ที่พระเจ้าทรงมอบให้กับท่าน แล้วคิดถึงผืนดินที่รับเมล็ดพันธุ์พืชเหล่านั้น”

คำปราศรัยของสมเด็จพระสันตะปาปาที่เผยแพร่โดยสำนักข่าววาติกัน

ลูกๆ และพี่น้องชายหญิงที่รักทั้งหลาย

อรุณสวัสดิ์ทุกคน!

        ในข้อความพระวรสารของวันอาทิตย์นี้ (เทียบ มธ. 13: 1-23) พระเยซูคริสต์ทรงเล่านิทานเปรียบเทียบให้ฝูงชนฟัง ซึ่งพวกเราต่างก็ทราบกันดี นั่นคือเรื่องผู้หว่านที่หว่านเมล็ดพันธุ์พืชลงไปในดิน 4 ชนิด พระวาจาของพระเจ้าเป็นสัญลักษณ์ของเมล็ดพันธ์ของพระวาจาที่เป็นนามธรรม แต่เป็นพระเยซูคริสต์เอง เป็นพระวาจาของพระบิดาซึ่งกลายเป็นพระบุตรในครรภ์ของพระแม่มารีย์ เพราะฉะนั้นการยอมรับพระวาจาของพระเจ้าหมายถึงการรับพระเยซูคริสต์เอง

        มีหลายวิธีด้วยกันที่จะรับพระวาจาของพระเจ้า พวกเราอาจเป็นเสมือนถนนหนทางซึ่งนกจะมากินเมล็ดพันธุ์ นี่อาจเป็นเพราะความว้าวุ่นใจ ซึ่งเป็นอันตรายยิ่งในยุคสมัยของพวกเรา เพราะมัวแต่สาละวนอยู่กันการพูดจาเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องกับนักฝันอุดมการ์ต่างๆ ซึ่งทำให้เกิดความวุ่นวายใจไม่ขาดสายทั้งภายในและภายนอกบ้าน พวกเราอาจจะสูญเสียความสนใจที่จะรักษาความเงียบ สำหรับการไตร่ตรอง สำหรับการเสวนากับพระเจ้า จนกระทั่งเสี่ยงที่จะเสียความเชื่อ ไม่ได้รับพระวาจาของพระเจ้าเนื่องจากพวกเราสนใจมองทุกสิ่ง วุ่นวายกับทุกสิ่ง โดยเฉพาะกับสิ่งที่เป็นโลกียวิสัย

        ความเป็นไปได้อีกประการหนึ่งคือ พวกเราอาจรับพระวาจาของพระเจ้าดุจดินที่มีแต่หินมีดินปนนิดหน่อย เมล็ดพันธุ์งอกขึ้นมาทันที แต่ไม่ช้าก็เหี่ยวแห้งไป เพราะไม่อาจหยั่งรากลงลึกได้ นี่เป็นภาพของผู้ที่ได้รับพระวาจาของพระเจ้าด้วยความกระตือรือล้นเพียงชั่วคราว อยู่ได้เพียงผิวเผิน ไม่ได้ย่อยพระวาจาของพระเจ้า ด้วยเหตุนี้พอพบกับความทุกข์ยากลำบากเพียงครั้งแรก เช่นความไม่สะดวกสบายหรือความกระวยกระวายใจของชีวิตแม้เพียงเล็กน้อย ความเชื่อของเขาก็จะมลายไปดุจเมล็ดพันธุ์ที่เหี่ยวแห้งตายไปเพราะตกไปบนหิน

        แล้วยังมีความเป็นไปได้ประการที่สามที่พระเยซูคริสต์กล่าวไว้ในนิทานเปรียบเทียบ พวกเราอาจรับพระวาจาของพระเจ้าดุจดินที่เต็มไปด้วยพุ่มไม้ที่เป็นกอหนาม หนามคือการหลอกลวงแห่งความร่ำรวย ความสำเร็จ ซึ่งเป็นเรื่องของโลกียวิสัย ณ ดินเช่นนี้เมล็ดพันธุ์จะเติบโตได้นิดหน่อย ลำต้นจะไม่แข็งแรง แล้วก็ตายไปโดยไม่บังเกิดผล

        สุดท้าย ความเป็นไปได้ประการที่สี่ พวกเราอาจได้รับพระวาจาในดินที่ดี ตรงนี้และตรงนี้เท่านั้นที่เมล็ดพันธุ์จะออกรากและเกิดดอกออกผล เมล็ดพันธุ์ตกไปในดินที่อุดมสมบูรณ์ซึ่งหมายถึงคนที่ฟังพระวาจา รับพระวาจาไว้ ปกป้องพระวาจาไว้ในหัวใจพร้อมกับนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน

        นิทานเปรียบเทียบผู้หว่านนี้เป็นสิ่งที่คล้ายกับ “แม่บท” แห่งนิทานเปรียบเทียบทั้งปวง เพราะพูดถึงการฟังพระวาจาของพระเจ้า เตือนใจพวกเราว่าพระวาจาของพระเจ้าเป็นเมล็ดพันธุ์ ซึ่งในตัวเองจะบังเกิดผลและมีประสิทธิภาพ พระเจ้าทรงหว่านไว้ทุกแห่ง พระองค์ไม่ทรงต้องการที่จะให้ผู้ใดทำให้พระวาจาเสียหาย นี่คือดวงพระทัยของพระเจ้า  พวกเราแต่ละคนเป็นดินที่เมล็ดพันธุ์แห่งพระวาจาจะถูกหว่านลงมาโดยไม่ยกเว้นผู้ใด พระวาจาทรงมอบให้แก่พวกเราทุกคน พวกเราอาจถามตัวเราเองว่า ฉันเป็นดินประเภทไหน?  ฉันเป็นเพียงทางเดิน เป็นหิน เป็นพุ่มหนามหรือเปล่า?  แต่หากพวกเราต้องการจริงๆ พวกเราสามารถเป็นดินที่ดีได้ ผืนดินที่พวกเราไถและหว่านพืชพันธุ์พร้อมกับการดูแลเอาใจใส่ เพื่อที่จะให้เมล็ดพันธุ์แห่งพระวาจาเจริญงอกงาม ซึ่งมีแล้วอยู่ในหัวใจของพวกเรา แต่การทำให้เล็ดพันธุ์บังเกิดผลขึ้นอยู่กับตัวพวกเรา นั่นต้องขึ้นอยู่กับการรักษาพระวาจาไว้เหมือนกับที่พวกเราเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์

        บ่อยครั้งพวกเรามักจะวุ่นวายกับผลประโยชน์ และสิ่งล่อลวงต่างๆมากมาย จึงทำให้ยากที่จะแยกแยะเสียงต่างๆ และพระวาจาของพระเจ้าซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้พวกเราเป็นไท นี่จึงเป็นเรื่องสำคัญที่พวกเราทำตัวเราเองให้คุ้นเคยกับการฟังพระวาจาของพระเจ้าโดยการอ่านพระคัมภีร์บ่อยๆ พ่อขอแนะนำอีกครั้งหนึ่งให้มีคู่มือเล่มเล็กๆแห่งพระวรสารที่เป็นฉบับกระเป๋าติดตัวได้ง่าย แล้วอ่านพระวาจาเพียงสั้นๆทุกวัน จนเคยชินกับพระวาจาพร้อมกับเข้าใจดีถึงสิ่งที่พระเจ้าทรงมอบให้แก่ท่านและคิดถึงดินที่รับพระวาจา

        ขอให้พระแม่มารีย์ผู้ทรงเป็นแบบฉบับแห่งดินดี และอุดมสมบูรณ์ได้โปรดช่วยพวกเราด้วยคำภาวนาของพระแม่ ขอให้พวกเราพร้อมที่จะเป็นดินดีที่ปราศจากหนามและกรวดหิน เพื่อว่าพวกเราจะได้บังเกิดผลสำหรับตัวเราเอง และสำหรับลูกๆ และบรรดาพี่น้องชายหญิงของพวกเรา

หลังสวดทูตสวรรค์แจ้งข่าว สมเด็จพระสันตะปาปาปราศรัยต่อไป

ลูกๆ และพี่น้องชายหญิงที่รัก

        วันทะเลสากล เป็นวันอาทิตย์ที่สองในเดือนกรกฎาคม พ่อขอส่งความปรารถนาดีไปยังทุกคนที่ทำงานในท้องทะเลโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ที่อยู่ห่างไกลจากบุคคลที่ตนรักและจากประเทศของตน ขอแสดงความปรารถนาดีต่อทุกคนเช้านี้ ผู้อยู่ที่ท่าเรือ ชีวิลตา-ตาร์กูจีนีอา (Civiltavecchia-Targujinia) ประเทศอิตาลี เพื่อเฉลิมฉลองมหกรรมศีลมหาสนิท

        ทะเลทำให้ความคิดของพ่อมุ่งไปไกลเลยไปถึงอิสตันบุล พ่อคิดถึงอากีอา โซฟีอา  (Hagia Sophia) พ่อรู้สึกเศร้าใจมาก (รัฐบาลตุรกีประกาศให้เปลี่ยนเป็นสุเหร่า เดิมทีอาสนวิหารนักบุญโซเฟีย เป็นของชาวคริสต์ ต่อมาเป็นพิพิธภัณฑ์ เวลานี้จะเปลี่ยนเป็นสุเหร่า ซึ่งจะมีผลให้ชาวมุสลิมไปละหมาด ตั้งแต่วันที่ 24 กรกฏาคม นี้ ผมจะนำข่าวนี้มานำเสนอภาคภาษาไทยต่อไป)

        พ่อขอแสดงความปรารถนาดีต่อประชาสัตบุรุษแห่งกรุงโรม และผู้แสวงบุญจากประเทศต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับครอบครัวของกระบวนการโฟโกลาเร พ่อรู้สึกกตัญญูต่อผู้แทนพันธกิจอภิบาลจากสังฆมณฑลกรุงโรม พ่อคิดถึงพระสงฆ์จำนวนมาก นักบวชชายหญิง ตลอดจนบรรดาฆราวาสที่อยู่เคียงข้างกับผู้ป่วยตลอดเวลาในยามที่เกิดโรคระบาดโควิด19 ขอขอบคุณสำหรับสิ่งที่ท่านได้ทำไปแล้ว และสำหรับสิ่งที่ท่านกำลังกระทำอยู่ ขอบคุณทุกคน!

        ขอให้ท่านทุกคนมีความสุขอยู่กับวันอาทิตย์ โปรดอย่าลืมภาวนาสำหรับพ่อด้วย ขอให้รับประทานอาหารด้วยความสุข แล้วค่อยพบกันใหม่

(วิษณุ ธัญญอนันต์ – เก็บคำปราศรัยของพระสันตะปาปามาแบ่งปันและไตร่ตรอง)