ข้อคิดข้อรำพึง อาทิตย์ที่ 17 เทศกาลธรรมดา ปี A

ข้อคิดข้อรำพึง อาทิตย์ที่ 17 เทศกาลธรรมดา ปี A

“อาณาจักรสวรรค์เปรียบได้กับขุมทรัพย์ที่ซ่อนอยู่ในทุ่งนา”

ในช่วงฤดูใบไม้ผลิของปี ค.ศ. 1947 มีคนเลี้ยงแพะ/แกะ ชาวเบดูอินคนหนึ่งชื่อ มูฮัมเหม็ด เดอะ วูล๊ฟ ได้พาฝูงแพะของเขาไปเลี้ยงแถวชายฝั่งตะวันตกของทะเลตาย (Dead Sea) แต่มีแพะตัวหนึ่งหายไป เขาต้องปีนหน้าผาสูงชันเพื่อไปตามหามัน เขาผ่านถ้ำแห่งหนึ่งมีหินก้อนใหญ่อยู่บริเวณด้านหน้า จึงขว้างก้อนหินเข้าไปข้างใน ทันใดนั้นเขาได้ยินเสียงของแตกกระจาย เขาตกใจและกลัว จึงวิ่งไปเรียกเพื่อนอีกคนหนึ่งมา และเข้าไปดูด้วยกัน ปรากฏว่าเขาพบหม้อไหที่ทำด้วยดินเหนียวเผาหลายใบ ข้างในนั้นพบว่ามีผ้าลินินห่อของที่มีลักษณะเป็นม้วนๆ และนี่ก็คือ การค้นพบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งทางโบราณคดี มันคือ ม้วนหนังสือแห่งทะเลตาย

เด็กทั้งสองที่พบขุมทรัพย์โดยบังเอิญนี้ไม่รู้ว่ามันเป็นสิ่งที่มีค่ามาก เขาพยายามนำม้วนหนังสือไปเร่ขายให้พ่อค้าที่เมืองเบธเลเฮม ด้วยราคาเพียง 20 ปอนด์ แต่พ่อค้าก็ไม่ยอมซื้อ จนกระทั่งต่อมาม้วนหนังสือ 4 ม้วนตกไปอยู่ในมือของปาตริอาร์คชาวซีเรียที่อยู่ในเยรูซาเล็ม และอีก 3 ม้วนถูกลักลอบออกนอกประเทศไปที่สหรัฐอเมริกา นั่นเอง ความจริงที่ว่าของเหล่านี้มีคุณค่ามหาศาลจึงเป็นที่ปรากฏออกมา ในจำนวนม้วนหนังสือ มีอักษรจารึกโบราณเขียนด้วยลายมือเกี่ยวกับกฎเกณฑ์ของกลุ่มสมาชิกกุมรานที่อยู่ด้วยกัน (the Qumran community) และชิ้นส่วนต่างๆ ของพระคัมภีร์ (fragments of scripture) เมื่อพิสูจน์ด้วยวิธีคาร์บอน 14 กับผ้าลินินที่ห่อม้วนนี้ไว้ทำให้ทราบว่ามันอยู่ในช่วงกลางปี ค.ศ. 33

ช่วงเวลาประมาณนี้ ไม่ห่างจากสถานที่เก็บซ่อนม้วนหนังสือ แต่ต้องขึ้นไปทางเหนือของกุมราน พระเยซูเจ้าแห่งนาซาเร็ธกำลังเทศน์สอนเรื่องชาวนาที่พบขุมทรัพย์ในทุ่งนา แล้วก็ไปขายสมบัติทุกสิ่งที่มีมาซื้อนาแปลงนั้น หรือเหมือนกับพ่อค้าที่พบไข่มุกเม็ดงามที่มีค่ามากที่สุด ก็ไปขายทุกสิ่งที่มีเพื่อมาซื้อไข่มุกเม็ดนั้น

พระเยซูเจ้า ทรงต้องการให้เรามองดูอาณาจักรแห่งพระเจ้าเป็นสิ่งที่มีค่าสูงสุด เพื่อเราจะได้สละทุกสิ่งที่มี มาแลกกับการได้ครอบครองพระอาณาจักรแห่งพระเจ้า

กษัตริย์โซโลมอนในบทอ่านแรกไม่ได้เห็นว่าความมั่งคั่ง หรืออายุที่ยืนยาว หรืออำนาจที่จะทำลายศัตรูเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต สำหรับพระองค์แล้วความรู้ความเข้าใจและปรีชาญาณในการตัดสินและปกครองประชากรของพระเป็นสิ่งสำคัญที่สุด จึงวอนขอพระพรจากพระเจ้าเช่นนี้ และเป็นการขอที่พระเจ้าทรงพอพระทัยอย่างยิ่ง

สำหรับพระเยซูเจ้าแล้ว สมบัติที่มีค่าอย่างยิ่งของพระองค์ คือ พระประสงค์ของพระเจ้า พระองค์จึงทรงยอมสละทุกสิ่งที่มี เช่น ครอบครัว บ้านของพระองค์ ความปลอดภัยของพระองค์ เพื่อทำตามพระประสงค์ของพระบิดาในการประกาศพระอาณาจักรของพระเจ้า ที่สุด ทรงยอมสละแม้กระทั่งชีวิต ซึ่งคนอื่นๆ และรวมทั้งบรรดาสาวกด้วยในตอนนั้นที่ไม่เข้าใจการกระทำของพระองค์ แต่ถ้าเราดูให้ดีๆ จะเห็นชัดในจุดประสงค์ของพระองค์ที่ทรงทำเช่นนี้ นั่นคือ แม้ในความตายพระเยซูก็ยังคงยึดสมบัติล้ำค่านี้ไว้ คือ ทำตามพระประสงค์ของพระบิดา

แล้วเราแต่ละคนเป็นอย่างไร เรามองชีวิตของเราอย่างไร เราเห็นคุณค่าของพระอาณาจักรพระเจ้าในแบบที่พระเยซูเจ้าทรงนำเสนอหรือไม่ คือพระอาณาจักรพระเจ้าเป็นสิ่งที่มีคุณค่าสูงสุด เราต้องยอมสละทุกสิ่งเพื่อให้ได้มาซึ่งพระอาณาจักรนั้น ความจริงของที่มีคุณค่ามากที่สุด เช่น พระอาณาจักรนี้ก็อยู่ปลายจมูกเรา ที่เราสามารถค้นพบได้ ไม่เหมือนลอตเตอรี่ รางวัลที่ 1 ที่มีน้อยคนเท่านั้นที่จะถูก ไม่เหมือนทุ่งนาที่พบว่ามีสายแร่ทองอยู่ข้างในนั้น ซึ่งน้อยคนจะได้พบเช่นนี้ แต่พระอาณาจักรของพระเจ้าสำหรับเรา อยู่กับบรรดาผู้คนที่เราใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันนี่แหละ ต้องถือเป็นโอกาสที่เราพบหน้าค่าตากันทุกๆ วัน เพื่อกระทำให้คุณค่าที่พระเยซูเจ้าทรงนำเสนอเป็นความจริงขึ้นมา สิ่งต่างๆ เหล่านี้อาจจะไม่เปล่งแสงออกมาจากตัวมันเอง แต่ภายในหัวใจของคนธรรมดาสามัญเหล่านี้แหละ ที่เราพบการสถิตอยู่ของพระเยซูเจ้า พระองค์ทรงเป็นผู้ที่ทรงคุณค่าสูงสุด ทรงซ่อนเร้นพระองค์ในสถานที่ธรรมดาๆ หวังว่าเราจะพบความเป็นจริงนี้ได้โดยไม่ต้องรอคอยให้ยืดยาวออกไป

เราคงไม่เป็นเหมือนคนเลี้ยงแพะ/แกะ ชาวเบดูอิน 2 คนนั้น ที่ไม่รู้คุณค่าของสิ่งที่ได้พบโดยบังเอิญ เพียงเพราะมันถูกหุ้มห่อด้วยสิ่งของธรรมดาที่ใช้ในชีวิตประจำวัน

(คุณพ่อ วิชา หิรัญญการ เขียนลงสารวัดนักบุญยอแซฟ อยุธยา เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม ค.ศ. 2011
Based on : Seasons of the Word ; by : Denis McBride, C.SS.R.)

วันที่ 26 กรกฎาคม ระลึกถึง นักบุญโยอาคิม และ นักบุญอันนา บิดามารดาของพระนางมารีย์พรหมจารี

วันที่ 26 กรกฎาคม
ระลึกถึง นักบุญโยอาคิม และ นักบุญอันนา บิดามารดาของพระนางมารีย์พรหมจารี

(SS. Joachim and Anne, Parents of the Blessed Virgin Mary, memorial)

ในพระวรสารไม่ได้มีการกล่าวถึงบิดามารดาของพระแม่ของเรา แต่ในหนังสือพระวรสารเดิมของนักบุญยากอบ (Proto-Gospel of James = ซึ่งไม่นับเนื่องเข้าในสารบบพระคัมภีร์) ซึ่งนับย้อนไปถึงกลางศตวรรษที่ 2 ได้ให้ชื่อพวกท่านว่า อันนา (Anna) หรือ Hannah ซึ่งหมายถึง “พระหรรษทาน” และโยอาคิม ที่มีความหมายว่า “พระยาเวห์ผู้ช่วยให้รอด” และประกาศว่าบุตรีของพวกท่านที่ชื่อ “มารีย์” ได้ถือกำเนิดมาเป็นการสนองตอบคำภาวนาอย่างศรัทธาร้อนรนหลังจากที่แต่งงานกันมานาน แต่ไม่มีบุตร

นักบุญอันนา และ นักบุญโยอาคิม สืบทอดเชื้อสายมาจากความเชื่อของท่านอับราฮัม เป็นประชากรที่ถูกวางรูปแบบโดยท่านโมเสส ซึ่งในหนังสืออพยพบรรยายไว้ในฐานะที่กระหายหาที่จะรู้จักพระพักตร์ของพระเจ้า นักบุญอันนาเจิดจรัสในหมู่นักบุญเพราะจากในตัวท่านที่ “ผู้ปฏิสนธินิรมล” เองได้เกิดมา ซึ่งทำให้ท่านได้เป็นมารดาของพระมารดาพระเจ้า ผลก็คือได้เป็น “คุณยาย” ของพระเมสสิยาห์ St. John Damasus ได้กล่าวไว้ว่า “สำหรับเธอผู้ที่ได้บังเกิดมาจะต้องเป็นบุตรีคนแรก เพราะเธอจะเป็นพระมารดาของผู้เป็นปฐมแห่งสิ่งสร้างทั้งปวง (the mother of the first-born of all creation) ที่ซึ่งในพระองค์สรรพสิ่งถูกรวมไว้ด้วยกัน”

ในการนำพระแม่มารีย์ไปที่พระวิหารเมื่ออายุ 3 ขวบ และมอบพระนางให้ถวายรับใช้แด่พระเจ้านั้นเป็นการทำตามที่นักบุญอันนาได้บนบานไว้ให้สำเร็จไป ทั้งนักบุญอันนา และ นักบุญโยอาคิมได้เป็นแบบอย่างที่ครบครันของพ่อแม่ที่เป็นคริสตชนทุกยุคทุกสมัย – แบบอย่างของความซื่อสัตย์ และ ความขยันขันแข็ง ของความศรัทธาและความถ่อมตน พระสันตะปาปา ซิสตุส ที่ 5 ในปี ค.ศ. 1585 ได้ประกาศวันฉลองทางพิธีกรรมในวันที่ 21 พฤศจิกายน ว่าเป็นวันถวายองค์ในพระวิหารของพระนางมารีย์เพื่อระลึกถึงเหตุการณ์ที่เกี่ยวเนื่องกันเป็นพิเศษเช่นนี้ คุณลักษณะโดดเด่นของแม่พระในการตัดสินใจทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า ความพร้อมของพระแม่เมื่อต้องเผชิญกับวิกฤติ การภาวนาอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย การถือตามบทบัญญัติของชาวยิวอย่างศรัทธา การอุทิศตนไปรับใช้ญาติพี่น้อง (= ช่วยนางเอลีซาเบ็ธ) สิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องหมายชี้ให้เห็นถึงความใกล้ชิดของครอบครัวที่เลี้ยงดูและปลูกฝังพระแม่มาในความรักและศรัทธาในพระเป็นเจ้านั่นเอง

ที่จริงวันฉลอง นักบุญอันนา และ นักบุญโยอาคิม ค่อนข้างมีมาแต่โบราณในพระศาสนจักรตะวันออก (ตั้งแต่ ศตวรรษที่ 4) แต่กลายมาเป็นทั่วพระศาสนจักรสากลในศตวรรษที่ 15-16 แต่เดิมวันที่ 26 กรกฎาคม เป็นวันฉลองนักบุญอันนาผู้เดียว จนกระทั่งต่อมากลายเป็นวันฉลองของบิดามารดาของพระแม่เมื่อไม่นานมานี้เอง

วันฉลองนี้ ในแง่หนึ่งเตือนใจพ่อแม่และปู่ย่าตายาย ถึงความรับผิดชอบที่จะเลี้ยงดูอบรมให้ลูกหลานถือตามคุณค่าของมนุษย์ที่ปฏิบัติกันสืบต่อๆมา และนำเสนอให้พวกเขาเห็นแสงแห่งความหวังสืบทอดต่อไปในรุ่นแห่งอนาคต ในอีกแง่หนึ่ง เตือนผู้เยาว์ว่า มุมมองที่กว้างขวางกว่าของผู้สูงอายุ ประสบการณ์ที่ลึกซึ้ง และความซาบซึ้งที่ลึกซึ้งของจังหวะชีวิตของผู้อาวุโส เป็นส่วนทั้งหมดของปรีชาญาณที่ไม่อาจมองข้ามไป หรือรับไว้โดยไม่เห็นคุณค่าความหมาย

(ถอดความโดย คุณพ่อ วิชา หิรัญญการ จากหนังสือ Saint Companions For Each Day ; เขียนโดย A.J.M. Mausolfe และ J.K. Mausolfe)

คุณพ่อชาวอิตาเลี่ยน ทำพิธีแต่งงานให้ผู้หญิง 2 คน

คุณพ่อชาวอิตาเลี่ยน ทำพิธีแต่งงานให้ผู้หญิง 2 คน

วันที่ 23 กรกฎาคม คุณพ่อเอมมานูเอล มอสกาเตลล่า บาทหลวงคาทอลิกชาว   อิตาเลี่ยน ได้ทำพิธีแต่งงานให้ผู้หญิง2คน(เลสเบี่ยน) วันที่ 11 กรกฎาคม ที่หอประชุมเทศบาลเมือง Civita Castelana ซึ่งผิดต่อประมวลกฎหมายพระศาสนจักร (CIC) 1369ผิดต่อคำสั่งของสมณกระทรวงข้อความเชื่อ(CDF) ค.ศ.2003 และผิดคำสอนพระศาสนจักรคาทอลิก (CCC )ย่อหน้าที่ 2357

ดังนั้นพระสังฆราชโรมาโน่ รอสซี่จึงสั่งให้คุณพ่อเอมมานูแอล พักจากหน้าที่ระยะหนึ่งเพื่อไตร่ตรองชีวิตสงฆ์ จนกว่าจะชัดเจนและยินดีทำตามคำสอนของพระศาสนจักร

ฟ.วีระ อาภรณ์รัตน์ สรุป
25/7/63

https://www.lifesitenews.com/news/italian-catholic-priest-resigns-from-parish-after-officiating-lesbian-civil-union

📚หนังสือคำสอนพระศาสนจักรคาทอลิก 📚 เรื่องความบริสุทธิ์และความใคร่เพศเดียวกัน


👬 2357 ความใคร่เพศเดียวกันหมายถึงความสัมพันธ์ระหว่างชายหรือหญิงที่ชอบเพศสัมพันธ์กับบุคคลเพศเดียวกันกับตนเท่านั้นหรือเป็นส่วนใหญ่ ตลอดเวลาหลายศตวรรษที่ผ่านมาในอดีตและในวัฒนธรรมต่างๆ กิจกรรมนี้ได้มีรูปแบบที่แตกต่างกันอย่างมาก สาเหตุทางจิตของพฤติกรรมนี้ส่วนใหญ่ยังคงไม่ได้รับคำอธิบาย ธรรมประเพณี (ของพระศาสนจักร) อิงอยู่กับพระคัมภีร์ที่เล่าถึงพฤติกรรมนี้ว่าเป็นความเสื่อมทรามอย่างร้ายแรง (เทียบ ปฐก 19:1-29; รม 1:24-27; 1 คร 6:9-10; 1 ทธ 1:10) ได้ประกาศเสมอมาว่า “พฤติกรรมความใคร่ต่อเพศเดียวกันเป็นพฤติกรรมที่ผิดธรรมชาติในตัวเอง” เป็นพฤติกรรมที่ขัดกับกฎธรรมชาติ พฤติกรรมเช่นนี้ไม่ยอมให้กิจกรรมทางเพศเป็นการให้ชีวิต พฤติกรรมนี้ไม่สืบเนื่องมาจากความรักและเพศสัมพันธ์ที่เป็นการเสริมสร้างกัน พฤติกรรมนี้จึงไม่อาจเป็นที่ยอมรับได้ไม่ว่าในกรณีใดๆ


👭 2358 ชายและหญิงจำนวนไม่น้อยแสดงออกถึงแนวโน้มความใคร่เพศเดียวกัน ที่ฝังรากลึกอยู่ภายในความโน้มเอียงนี้ แม้ในตัวจะเป็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง ส่วนใหญ่แล้วนับได้ว่าเป็นความท้าทายอย่างหนึ่ง บุคคลเหล่านี้จึงควรได้รับความเคารพ ความเห็นใจ และความอ่อนโยน เกี่ยวกับคนเหล่านี้จึงควรหลีกเลี่ยงการแสดงการเลือกที่รักมักที่ชังอย่างอยุติธรรมทุกอย่าง พระเจ้าทรงเรียกบุคคลเหล่านี้ให้ปฎิบัติตามพระประสงค์ในชีวิตของตน และถ้าเขาเป็นคริสตชน เขาจะต้องนำความยากลำบากที่เขาอาจพบได้ในสภาพชีวิตของตนเข้ามารวมไว้กับการถวายบูชาบนไม้กางเขนขององค์พระผู้เป็นเจ้า


👬 2359 บุคคลที่มีความใคร่เพศเดียวกันก็ได้รับเรียกให้มีความบริสุทธิ์ด้วย บุคคลเหล่านี้ อาศัยคุณธรรมการควบคุมตนเองซึ่งสอนเขาให้มีอิสรภาพภายใน และบางครั้งอาศัยความช่วยเหลือของมิตรภาพที่ไม่เห็นแก่ตัว อาศัยการอธิษฐานภาวนาและพระหรรษทานของศีลศักดิ์สิทธิ์ ก็อาจและต้องตั้งใจจริงค่อยๆ เข้ามาถึงความครบครันแบบคริสตชนให้ได้ด้วย

Italian Catholic priest resigns from parish after officiating lesbian civil union

The priest who officiated the homosexual ceremony will now ‘take a suitable period for reflection in order to recover the clarity and joy of his presbyteral ministry in the concreteness of today’s world,’ his bishop said.

SANT’ORESTE, Italy, July 23, 2020 (LifeSiteNews) — A parish priest in Italy has resigned from his position and agreed with his bishop to take a break from active ministry after he performed a same-sex civil union ceremony in a local town hall.

Earlier this week Italian media published the news that Father Emanuel Moscatelli, of St. Lorenzo’s parish in Sant’Oreste, officiated at a civil union ceremony between two women on July 11, which was described in reports as a “wedding.”

In response to the reports, local Bishop Romano Rossi of the Civita Castellana diocese announced in a statement that Moscatelli has agreed to resign and take a break from active ministry.

“On the afternoon of Tuesday, July 14, we met in the bishop’s office with Fr. Emanuele, and we agreed that he would resign his assignment as pastor, as a sign of taking distance from what had happened,” Rossi stated.

“We also peacefully agreed that he should take a suitable period for reflection in order to recover the clarity and joy of his presbyteral ministry in the concreteness of today’s world. Fr. Emanuele expressed his full faith in the Church as Mother and in the Bishop, and also his openness to the itinerary that will be proposed to him. Last Sunday I concelebrated [Mass] with him in the parish and announced the events to the community,” he continued.

“It is important for us to have clarity on a doctrinal level, communion on a pastoral level, and lucid and delicate attention to brothers in difficulty,” the bishop said.

Italian media outlet ADN Kronos also reports that Rossi told them that Moscatelli will not be able to return “to be a parish priest in St. Orestes” but that he will eventually return to active ministry and “be able to do everything, when the time comes.”

In his comments to ADN Kronos, Rossi said that “there is a canon that prevents priests from officiating civil ceremonies regardless of who gets married.”

However Rossi has not stated whether Moscatelli will undergo a canonical trial as a result of his actions.

Canon 1369 of the 1983 Code of Canon Law states: 

A person who in a public show or speech, in published writing, or in other uses of the instruments of social communication utters blasphemy, gravely injures good morals, expresses insults, or excites hatred or contempt against religion or the Church is to be punished with a just penalty.

While some prominent Catholic bishops have expressed support for civil unions between people of the same-sex, the Vatican’s Congregation for Doctrine of the Faith (CDF) taught in its 2003 document Considerations regarding proposals to give legal recognition to unions between homosexual persons that “respect for homosexual persons cannot lead in any way to approval of homosexual behavior or to legal recognition of homosexual unions.”

“In those situations where homosexual unions have been legally recognized or have been given the legal status and rights belonging to marriage, clear and emphatic opposition is a duty. One must refrain from any kind of formal cooperation in the enactment or application of such gravely unjust laws and, as far as possible, from material cooperation on the level of their application. In this area, everyone can exercise the right to conscientious objection,” the CDF document continued.

The Catholic Church teaches that homosexual acts are “intrinsically disordered” and “under no circumstances can they be approved” (CCC 2357).

รับรางวัลคริสตชนต้นแบบ

รับรางวัลคริสตชนต้นแบบ

ประเภทที่ 1 ผู้รับใช้พระคริสตเจ้า ด้ายความซื่อสัตย์และเสียสละ
บาทหลวงไพศาล เต็มอรุณรุ้ง อธิการโบสถ์นักบุญไมเกิล การีกอยส์ เชียงดาว
ต้นแบบ เป็นผู้มีความมั่นคงและซื้อสัตย์ต่อความเชื่อ ศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก เผยแผ่ความหลากหลายของชาติพันธุ์ โดยการนำวัฒนธรรมของชนเผ่าหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว ในความเชื่อของคริสตชน

25 กรกฏาคม ฉลองนักบุญยากอบ อัครสาวก (นักบุญยากอบ องค์ใหญ่) (St. James, Apostle, feast)

25 กรกฏาคม ฉลองนักบุญยากอบ อัครสาวก (นักบุญยากอบ องค์ใหญ่)

(St. James, Apostle, feast)

     นักบุญยากอบ กับ นักบุญยอห์น ผู้นิพนธ์พระวรสาร เป็นบุตรของเศเบดี ซึ่งเป็นชาวประมงที่มั่งคั่งแห่งทะเลสาบกาลิลี แม่ของพวกท่านชื่อ ซาโลเม บางคนเชื่อว่าเป็นน้องสาวของพระแม่มารีย์ ถ้าเป็นเช่นนี้ สองพี่น้องผู้ได้รับสมญาว่า “บุตรแห่งฟ้าร้อง” ก็จะเป็นลูกพี่ลูกน้องของพระเยซูเจ้า

     สองพี่น้องช่วยบิดาเขาทำงาน และเป็นหุ้นส่วนกับ ซีโมน เปโตร และน้องชายอันดรูว์ สี่คนนี้ดูเหมือนได้รับความนับถือในบรรดาอัครสาวก ซึ่งอาจเนื่องมาจากเรื่องเล่าที่นางซาโลเมมาขอร้องพระเยซูเจ้าให้ลูกทั้งสองอยู่เบื้องขวาและซ้ายในพระอาณาจักรของพระองค์

     นักบุญเปโตร นักบุญยากอบ และนักบุญยอห์น (ซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของความเชื่อ ความหวังไว้ใจ และความรัก) เป็นกลุ่มศิษย์ที่ได้รับอภิสิทธิ์ให้เป็นพยานการที่องค์พระเป็นเจ้าทรงปลุกลูกสาวของไยรัสให้คืนชีวิตขึ้นมา และเมื่อพระองค์ประจักษ์พระวรกายต่อหน้าอัครสาวก รวมทั้งสุดท้ายที่ทรงเข้าตรีทูตที่สวนเกธเสมนี

     นักบุญยากอบ เป็นอัครสาวกองค์แรกที่เป็นมรณสักขี กษัตริย์เฮร็อด อากริปปา ที่ 1 (หลานของเฮร็อดผู้ยิ่งใหญ่ – ผู้สั่งฆ่าทารกผู้วิมล) พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อเอาใจชาวยิว และในปี ค.ศ. 43 จึงจับกุมนักบุญยากอบ และตัดศีรษะ ในฐานะเป็นกลุ่มผู้นำพระศาสนจักรที่เติบโตอย่างรวดเร็ว

     มีเรื่องเล่ากันมาแต่โบราณ ย้อนไปถึงสมัยนักบุญเคลเมนต์ แห่งอเล็กซานเดรีย (ค.ศ.205) ว่าคนที่กล่าวหานักบุญยากอบต่อหน้าอากริปปาต่อมากลับใจเป็นคริสตชน เพราะเห็นการประกาศความเชื่ออย่างกล้าหาญ ปราศจากความกลัวใดๆ ของท่านอัครสาวก

     อีกธรรมประเพณีหนึ่งที่เล่าขานกันมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 9 อ้างว่า นักบุญยากอบเคยมาเทศน์สอนในสเปน และร่างกายของท่านถูกนำมาไว้ที่ กอมโปสเตล่า (Compostela) ในแถบตะวันตกเฉียงเหนือ มุมของคาบสมุทรไอบีเรีย ที่นี่จึงกลายเป็นศูนย์กลางแห่งการแสวงบุญที่ยิ่งใหญ่ของบรรดาคริสตชนตั้งแต่สมัยกลางเรื่อยมา

     จนทุกวันนี้ ข้อเท็จจริงที่ว่า การมาเทศน์สอนที่สเปนของท่านยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่

     อย่างไรก็ตาม ท่านได้รับความเคารพมาอย่างต่อเนื่องในฐานะเป็น นักบุญองค์อุปถัมภ์ของประเทศสเปน และประเทศชิลี ของเภสัชกร และของช่างปั้นหม้อ และได้รับคำร้องขอให้ช่วยเหลือในช่วงเวลาสงคราม และในการต่อสู้กับโรครูมาติก (อาการปวดและบวมอักเสบตามข้อหรือกล้ามเนื้อ)

(ถอดความโดย คุณพ่อ วิชา หิรัญญการ
จากหนังสือ Saint Companions For Each Day ;
เขียนโดย A.J.M. Mausolfe และ J.K. Mausolfe)

แนวทางใหม่สำหรับวัดคาทอลิก

แนวทางใหม่สำหรับวัดคาทอลิก

สมณกระทรวงเพื่อพระสงฆ์ ได้พิมพ์แนวทางใหม่สำหรับวัด เพื่อช่วยสมาชิกให้ตระหนักว่า วัดเป็นชุมชนธรรมทูตแห่งการประกาศข่าวดี

แนวทาง (Guidelines) นี้มิได้ให้ข้อกำหนดหรือนโยบายใหม่  แต่ให้กำลังใจเราคาทอลิกคิดเกี่ยวกับวัดว่า  คืออะไร  มีวัดเพื่ออะไร … มีหัวข้อที่น่าคิด คือ

  1. วัดคือมิชชั่น (พันธกิจ)

            ขอให้เราออกจากตนเอง  หาเครื่องมือฟื้นฟูหรือโครงสร้าง ด้วยจิตใจที่สัมพันธ์และร่วมมือ  พบปะและใกล้ชิด  เมตตาและกังวลใจ เพื่อการประกาศพระวรสาร

  1. ศีลมหาสนิท และคนยากไร้  ควรเป็นศูนย์กลางชีวิตเขตวัด

             ศีลมหาสนิทเป็นบ่อเกิดและสุดยอดของชีวิตคริสตชน

            วัดเป็นสักการสถานเปิดไว้แก่ทุกคน ไม่มีข้อยกเว้น

  1. เขตแดนก็สำคัญ แต่ไม่จำกัด

            วัดส่วนมากมีกำหนดขอบเขต  แต่ก็มีข้อยกเว้น  ชาวบ้านไปร่วมมิสซาที่วัดที่รู้สึกได้รับการต้อนรับ  แต่วัฒนธรรมดิจิตัลขยายเขตวัด แนวทางนี้ยืนยันว่า คริสตชนมิได้คิดถึงบริบททางภูมิศาสตร์เท่าใด  เพราะวัฒนธรรมดิจิตัลเปลี่ยนความคิดเรื่องสถานที่  เป็นพิเศษ เยาวชน กิจการอภิบาล  ที่จำกัดขอบเขต  ล้าสมัยแล้ว  เราควรเข้าใจว่า  วัดเป็นชุมชน  ที่ร่วมกันประกาศพระวรสารด้วยกัน

  1. โครงสร้างเพื่อพันธกิจ แต่ระบบสำนักงานมากไปก็ไม่ดี

            วัดจำเป็นต้องมีนโยบาย  โครงการ และโครงสร้าง  เพื่อทำพันธกิจให้สำเร็จ  แต่ต้องระวังการจัดการแบบสำนักงาน  และให้บริการ  โดยขาดพลังแห่งการประกาศข่าวดี

            วัดต้องมีการเปลี่ยนแปลงวิธีคิด  และมีการฟื้นฟูภายใน  เป็นพิเศษในบรรดาผู้รับผิดชอบงานอภิบาล

  1. ความรับผิดชอบพันธกิจของวัด เป็นของทุกคน แต่ละคนมีบทบาทของตน

            ความรับผิดชอบร่วมกันของพระสงฆ์  นักบวช  และฆราวาสในเขตวัด  เน้นที่แต่ละคนทำงานเพื่อพระอาณาจักร  เพราะเราได้รับศีลล้างบาป และมีกระแสเรียก

            บางแห่งขาดแคลนพระสงฆ์  จึงต้องอาศัยบรรดาฆราวาสมาร่วมรับผิดชอบงานอภิบาล 

            ฆราวาสเป็นประจักษ์พยานชีวิตประจำวัน  ที่สอดคล้องกับพระวรสาร  ด้วยความรับผิดชอบ

            เอกสารฉบับนี้สรุปว่า  เราได้รับเรียกให้ออกไปอย่างมีพลัง  เพื่อประกาศข่าวดี  รวมพลังสมาชิกที่แตกต่างกัน  อาศัยพิธีมิสซา  แสดงถึงภราดรภาพและเมตตาธรรมในสังคม

ฟ.วีระ อาภรณ์รัตน์ สรุป
จาก Catholic News Agency
21 กรกฎาคม 2020
https://www.catholicnewsagency.com/news/vatican-issues-new-guidelines-for-catholic-parishes-5-things-you-need-to-know-70410

ประชุมกรรมการคำสอนระดับชาติ 21-22 กรกฎาคม 2020 ที่บ้านผู้หว่าน สามพราน

ประชุมกรรมการคำสอนระดับชาติ 21-22 กรกฎาคม 2020 ที่บ้านผู้หว่าน สามพราน

คณะกรรมการคำสอนระดับชาติ มีชื่อทางการว่า คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรม แผนกคริสตศาสนธรรม  มีประชุมทุก 6 เดือน ครั้งนี้มีสมาชิกร่วมประชุม 25 คน จาก 10 สังฆมณฑล (ขาด 8 คน)  คุณพ่อออกัสตินเปรมปรี  วาปีโส  จากโคราช  เป็นผู้อำนวยการ (ปีที่ 15 แล้ว)

                จากการรายงานของสังฆมณฑลต่างๆ  จากศูนย์อบรมคริสตศาสนธรรมระดับชาติ(NCC)  สาขาวิชาคริสตศาสนศึกษา  (วิทยาลัยแสงธรรม)  เนื่องจากมีการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า  มีนาคม – มิถุนายน  ทำให้ไม่สามารถจัดคำสอนฤดูร้อน ที่ NCC และค่ายคำสอนในทุกสังฆมณฑล  นอกจากบางวัด บางสังฆมณฑลจัดแบบออนไลน์

                นักศึกษา สาขาวิชาคริสตศาสนศึกษา ปีนี้

ปี 1 (รุ่นที่ 20)  8 คน        พักที่ NCC  3 คน
ปี 2 (รุ่นที่ 19)  11 คน        พักที่ NCC 7 คน
ปี 3 (รุ่นที่ 18)  7 คน        พักที่ NCC 6 คน
ปี 4 (รุ่นที่ 17)   7 คน       พักที่ NCC 7 คน
ปี 5 (รุ่นที่ 16)  15 คน            พักที่ NCC 3 คน
รวม 48 คน                           รวม 26 คน

                ในการรายงานจากสังฆมณฑลต่างๆ เราเน้น

  1. การสร้างบุคลากร
  2. การอบรมต่อเนื่องสำหรับฆราวาส
  3. การจัดทำหลักสูตร และผลิตหนังสือคำสอน
  4. สื่อการสอน เพื่อการอภิบาลและการประกาศข่าวดี
  5. ฟื้นฟูชีวิตอาศัยพระวาจา
  6. วิถีชุมชนวัด
  7. ปัญหาและข้อเสนอ

                ผลจากการประชุม  นอกจากการรู้จักกัน  เพื่อประสานงานมิตรภาพ  และการแบ่งปันสื่ออุปกรณ์  เป็นพิเศษจากอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ  และราชบุรี

ข้อตกลงร่วมกัน คือ

  1. จัดห้องสมุดของ NCC และศูนย์ต่างๆ สำรวจหนังสือ และจัดระบบเพื่อความสะดวกในการสืบค้นและต่อไป E-book
  2. เขียนบทความลง “แสงธรรมปริทัศน์”
  3. จัดสัมมนาบุคลากรศูนย์ฯ (ครั้งที่ 16)  วันที่ 15-19 กุมภาพันธ์ 2021 ที่เชียงราย
  4. จัดเปิดตัวหนังสือคำสอนสำหรับเด็กและผู้ปกครองวันจันทร์ที่ 17 สิงหาคม 2020 ที่กรุงเทพฯ

เรารับรู้เรื่อง คู่มือแนะแนวการสอนคำสอน  ฉบับใหม่ (25 มิถุนายน 2020)  และคู่มือเล่มใหม่สำหรับวัด  (20 กรกฎาคม 2020)  เพื่อสมาชิกในเขตวัดตระหนักว่า

  • ตนเป็นชุมชนธรรมทูต แห่งการประกาศข่าวดี 
  • ศีลมหาสนิทและคนจน เป็นศูนย์กลางชีวิตเขตวัด
  • ทุกคนมีส่วนร่วมรับผิดชอบ มีบทบาทของตน

                เราไปถวายมิสซาและรับประทานอาหารกับสมาชิกที่ศูนย์ซีซีด้วยทุกครั้งที่มีประชุม

ฟ. วีระ  อาภรณ์รัตน์

บทความจาก “องค์กรการีตัสสากล” การไตร่ตรองเชิงอภิบาลเกี่ยวกับโควิด-19

บทความจาก “องค์กรการีตัสสากล” การไตร่ตรองเชิงอภิบาลเกี่ยวกับโควิด-19

“พวกเราหนีรอดไปได้เหมือนนกที่หลุดจากตาข่ายของนายพราน ตาข่ายฉีกขาด พวกเราจึงหลุดรอดไปได้
พวกเราได้รับความช่วยเหลือจากพระนามของพระเจ้า พระผู้ทรงสร้างท้องฟ้าและแผ่นดิน” (สดด. 124: 7-8)

เกือบสามเดือนหลังเกิดโรคระบาดโควิด-19 ประเทศต่างๆทั่วโลกต่างมีมาตรการป้องกันโรคระบาด แต่จนกระทั่งทุกวันนี้ก็ยังเร็วเกินไปที่จะประกาศชัยชนะ เฉกเช่นที่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงเตือนใจในช่วงที่มีการสวดทูตสวรรค์แจ้งข่าว เมื่อวันอาทิตย์ที่ 7 มิถุนายน 2020  ทว่าพวกเราก็ยังสามารถที่จะนำข้อความเหล่านี้จากพระคัมภีร์ของผู้แต่งเพลงสดุดีที่เกิดจากหัวใจของผู้ที่มีความเชื่อ ได้มอบความวางใจในพระเจ้าและมั่นใจในพระวาจาของพระองค์

        เพราะผู้เชื่อวางใจในพระเจ้าในทุกสถานการณ์ของชีวิต ผู้นั้นทราบดีว่าเขาต้องทำทุกสิ่งที่อยู่ภายใต้อำนาจของตน แต่ผลสุดท้ายนั้นก็สุดแล้วแต่พระประสงค์ของพระเจ้า เขาทำราวกับว่าทุกสิ่งขึ้นอยู่กับตนเอง ขณะที่เขาภาวนาราวกับว่าทุกสิ่งขึ้นอยู่กับพระเจ้า (นักบุญอิกญาซีโอแห่งโลโยลา)

        นี่คือบทเรียนในเรื่องความสุภาพถ่อมตน ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกคน แต่เป็นพิเศษสำหรับพวกเราคริสตชน พวกเราที่กำลังดำเนินพันธกิจในการอภิบาลสังคมของพระศาสนจักรและยังเป็น “มืออาชีพ” ในด้านมนุษยธรรมด้วย

ณ สำนักเลขาธิการการีตัสสากล ก่อนที่จะมีการปิดประเทศ พวกเราตัดสินใจที่จะสวดวอนขอแม่พระ ผู้เป็นที่พึ่งทุกวันในช่วงของการสวดทูตสวรรค์แจ้งข่าว พวกเราทราบดีว่าชนชาติที่เป็นคริสตชนต่างหันหน้าไปหาพระแม่มารีย์ในยามทุกข์ยาก ซึ่งไม่เคยต้องผิดหวัง  เมื่อพวกเราถูกบังคับให้ต้องปิดสำนักงาน พวกเราหลายคนต่างร่วมใจกันสวดภาวนาพร้อมกับสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ในช่วงที่พระองค์ทรงถวายบูชาขอบพระคุณ ซึ่งได้มีการถ่ายทอดทุกเช้าเวลา 7.00 น. จากวัดน้อยนักบุญมาร์ธา ภายในสถานพำนักของพระองค์ ณ นครรัฐวาติกัน พร้อมกับสมเด็จพระสันตะปาปาพวกเราอธิษฐานภาวนาสำหรับครอบครัว และชุมชนที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องสูญเสียสมาชิกในครอบครัวไป พวกเราภาวนาสำหรับคนชราซึ่งถือว่าเป็นผู้ที่มีความอ่อนแอเปราะบางมากที่สุด ซึ่งสถิติบอกว่าพวกเขาเสียชีวิตมากที่สุดเพราะโรคระบาดนี้  พวกเราไม่ลืมเจ้าหน้าที่ซึ่งดูแลรักษาพยาบาลรวมถึงบรรดาศาสนบริกร และผู้ที่ให้การอภิบาลด้วย พวกเขาอยู่แนวหน้าในการดูแลผู้ป่วยและจัดหาทุกสิ่งให้เท่าที่จะสามารถทำได้ พวกเขาเสี่ยงที่จะติดโรคระบาด หลายคนต้องเสียชีวิตที่นี่ในประเทศอิตาลี ณ ที่พวกเราพำนักอยู่และเชื่อแน่ว่าในประเทศอื่นก็เช่นเดียวกัน

ขอให้ประสบการณ์นี้ทำให้พวกเราเชื่อมั่นว่า ยุคนี้ยิ่งกว่ายุคไหน “ความช่วยเหลือของพวกเราในพระนามของพระเจ้า” และการกระตุ้นให้พวกเราอธิษฐานภาวนาอย่างไม่หยุดหย่อน เพื่อกิจกรรมทุกอย่างของพวกเราจะได้พบกับต้นตอในพระเจ้าแห่งชีวิต และประสบกับความสำเร็จในพระองค์

มีการพูดกันบ่อยครั้งว่า มนุษย์ไม่ได้เรียนอะไรจากประวัติศาสตร์ และนี่คือเหตุผลที่ประวัติศาสตร์เกิดแบบซ้ำรอยบ่อยๆ  สำหรับองค์กรสมาชิกการีตัสและพวกมืออาชีพไม่ควรมีอะไรที่เป็นเหมือนเดิม โรคระบาดนี้ไม่ไว้หน้าใครเลย แม้แต่ประเทศที่เรียกกันว่าพัฒนาแล้ว และนี้คือความพิเศษอย่างหนึ่ง  เป็นไปไม่ได้ที่จะส่งทีมงานและวัตถุปัจจัยไปช่วยคนยากจนที่อยู่ไกลแสนไกลซี่งภัยพิบัติและโรคระบาดเกิดขึ้นเช่นเดียวกัน ครั้งนี้แม้แต่ประเทศที่ร่ำรวยก็ไม่สามารถช่วยตัวเองได้อย่างสิ้นเชิง พวกเขาขาดสิ่งที่จำเป็นแม้กระทั่งหน้ากากอนามัย แม้แต่ความเอื้ออาทรก็ไม่หลงเหลืออยู่เลย แต่ละประเทศต่างก็รีบปิดชายแดน กักตุนอาหารปัจจัยต่างๆซึ่งจะช่วยชีวิตพวกเขาไว้ได้ท่ามกลางประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงในสหภาพยุโรปด้วย  ครั้งนี้คนยากจนคือพวกเราแต่ละคนไม่ว่าพวกเราจะอยู่ที่ไหน หลายชุมชนและหลายประเทศล้วนมีประสบการณ์กับการสิ้นเนื้อประดาตัว และการที่ไม่ได้มีการเตรียมตัว ตั้งแต่แรกประสบการณ์อันเหี้ยมโหดของโรคระบาดนี้ทำให้ข้าพเจ้าคิดถึงภาษิตในประเทศของข้าพเจ้าที่ว่า “ท่านอาจคุยได้ว่าท่านเป็นนักดับเพลิงที่ดี เพราะนั่นไม่ใช่บ้านแม่ยายที่กำลังไหม้”

ข้าพเจ้าจะไปไม่ไกลถึงขนาดที่จะกล่าวว่า “อะไรที่ชั่วเป็นสิ่งที่ดี” และ “ทุกหมอกเมฆมีเส้นสีเงิน” โดยเสี่ยงที่มองอะไรแบบผิวเผิน แต่ว่าพวกเราจะไม่ได้เรียนรู้อะไรเลยหากสถานการณ์นี้ไม่ได้ทำให้พวกเรารับรู้ถึงความจำเป็นที่จะสร้างความเข้าใจถึงคำว่า ครอบครัวมนุษย์  ที่พวกเราใช้คำนี้กันบ่อยๆ ใช่แล้วพวกเราเป็นมนุษย์  แต่บางทีพวกเราไม่ได้รับรู้ถึงความจริงว่า พวกเราอ่อนแอและรู้จักตายโดยฉพาะเรื่องความสมบูรณ์พูนสุข ซึ่งพวกเรามีสวัสดิการสังคมและการคุ้มครองต่างๆ ความจริงแล้วโรคระบาดนี้ได้นำแสงสว่างมาให้พวกเราอย่างเจ็บแสบ เช่นระดับของความยากจนและความไม่เท่าเทียมกัน แม้กระทั่งในประเทศที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก เช่น สหรัฐอเมริกา เกินกว่า 20% ของประชากรที่ไม่มีประกันสุขภาพ

ใช่แล้ว โรคระบาดนี้มาเตือนใจพวกเราถึงความเปราะบางของตัวเราในฐานะที่เป็นสมาชิกของครอบครัวมนุษย์ไม่ว่า พวกเราจะอยู่ที่ไหน เป็นใคร และพวกเรามีอะไร โรคระบาดโควิด19 มาเพื่อเขย่าการเห็นแก่ตัว และการเมินเฉยต่อการท้าทายความยะโสของพวกเรา จนในที่สุดเชื้อเชิญพวกเราให้ค้นพบความหมายที่แท้จริงของความเอื้ออาทร และความดีส่วนรวมเสียใหม่เพื่อที่จะทำให้โลก “บ้านส่วนรวมของพวกเรา” เป็นที่น่าอยู่สำหรับทุกคน

สิ่งชั่วร้ายบางสิ่งกลับกลายเป็นสิ่งดี พวกเราถูกหลอกให้พูดเช่นนี้อีกครั้งหนึ่ง!  สำหรับครอบครัวโลก เช่นชาวการีตัส พวกเราพบความสามารถของพวกเราที่จะปฏิบัติการในทุกกรณี ทุกสถานการณ์ เพราะพวกเรายึดติดอยู่กับพระศาสนจักรและชุมชนท้องถิ่น นี่เป็นเรื่องน่าประทับใจที่องค์กรสมาชิกของพวกเราสามารถเผชิญได้กับวิกฤตที่ร้ายแรงที่สุด ท่านเพียงไปเยี่ยมเวทีวิกฤตโควิด-19 ที่บาวบับ (Baobab) ก็จะเห็นแจ้งเอง  เป็นการเพียงพอที่จะเห็นการเรียกร้องขอความช่วยเหลือที่มาถึงพวกเราจากประเทศต่างๆ ซึ่งพวกเราก็พยายามที่จะตอบสนองแม้จะไม่ค่อยทั่วถึงโดยอาศัยกองทุนโควิด-19 ที่ตั้งขึ้นโดยการขอร้องของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสในความร่วมมือกับสมณสภาเพื่อการพัฒนามนุษย์แบบองค์รวม ดังที่ฌ็อง โรแด็ง (Jean Rodhain) หนึ่งในผู้สถาปนาการีตัสสากลกล่าวว่า “ความรักเมตตาปราศจากกาลเวลาและไม่มีข้อจำกัด”

ครั้งนี้ครั้งเดียวข้าพเจ้าหวังว่าพวกเราคงได้เรียนรู้ว่าพลังอำนาจของพวกเราจริงๆแล้วอยู่ที่ความร่วมมือเสียสละแห่งบรรดาสมาชิก ด้วยการไม่เห็นแก่ตัวของอาสาสมัคร และทุกคนที่มอบชีวิตของตนเองให้กับผู้อื่น การนำศักยภาพของพวกเราออกสู่สังคมอย่างเต็มที่ เพื่อให้การสนับสนุนพวกเขาจะทำให้เขาเกิดความเข้มแข็ง จูงใจพวกเขา ช่วยให้พวกเขาดำเนินชีวิตในการร่วมมือกันฉันพี่น้อง ในความจริง สิ่งเหล่านี้จะแสดงว่าพวกเราได้เรียนรู้บทเรียนอย่างแท้จริงจากโรคระบาดที่ไร้พรมแดนนี้ ซึ่งไม่มีอะไรที่จะเป็นเช่นเดิมอีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นคำพูดของพวกเรา หรือกุศโลบายหรือพฤติกรรมของพวกเรา

โดย ปีแอร์ ชิบัมโบ (Pierre Cibambo)
CI Ecclesiastical Assistant
มิถุนายน 2020

(วิษณุ ธัญญอนันต์ – เก็บบทความนี้มาแบ่งปันและไตร่ตรอง)

22 กรกฎาคม ฉลองนักบุญมารีย์ ชาวมักดาลา (St Mary Magdalene, feast day)

ฉลองนักบุญมารีย์ ชาวมักดาลา (St Mary Magdalene, feast day)

22 กรกฎาคม 2020

พระวรสารทั้งหมดต่างเห็นคล้องต้องกันถึงบทบาทสำคัญของนักบุญมารีย์ ชาวมักดาลา ที่ไม่มีใครเหมือนในบรรดาผู้ติดตามพระเยซูเจ้าทั้งหลาย ชื่อ “มักดาลา” อาจมีที่มาจากสถานที่เกิดของท่าน คือมีเมืองชื่อ มักดาลา ตั้งอยู่ใกล้ทิเบเรียส บนชายฝั่งทะเลสาบกาลิลี ตามธรรมประเพณีโบราณของพระศาสนจักรลาตินเชื่อว่า มารีย์ ผู้เป็นคนบาป เป็นคนเดียวกับมารีย์ แห่งเบธานี ซึ่งเป็นน้องสาวของมารธาและลาซารัส และเป็นคนเดียวกับ มารีย์ ชาวมักดาลา มารีย์คนนี้ที่ถูกเรียกว่า “ชาวมักดาลา” เป็นผู้ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงขับไล่ผีเจ็ดตนออกไปจากนาง คนบาปผู้นี้ได้ชโลมพระบาทของพระองค์ด้วยความรัก และตามพระวรสารของนักบุญยอห์น ที่เล่าว่าคือ มารีย์ แห่งเบธานี (ดังนั้นก็เป็นน้องสาวของมารธา) ผู้ซึ่ง “นั่งแทบพระบาทขององค์พระผู้เป็นเจ้า และคอยฟังพระวาจาของพระองค์” แต่อย่างไรก็ตาม พระศาสนจักรตะวันออก ให้ความเคารพนับถือมารีย์โดยแยกแยะเป็นสามบุคคลที่ต่างกัน นักพระคัมภีร์ และนักวิชาการต่างๆในปัจจุบันส่วนใหญ่ ก็เชื่อว่าเป็นสามบุคคลแตกต่างกัน

มารีย์ชาวมักดาลาซึ่งเป็นผู้ติดตามที่รักพระองค์อย่างเหลือล้นผู้นี้ ได้ยืนอยู่กับพระมารดาผู้เป็นที่รักของพระองค์แทบเชิงกางเขนของพระเยซูเจ้า ท่านยังเป็นพยานในการฝังพระองค์ในพระคูหา และเป็นคนแรกที่ได้เห็นทั้งพระคูหาที่ว่างเปล่า และได้เห็นพระอาจารย์เจ้าผู้ทรงกลับฟื้นคืนพระชนมชีพ (the risen “Rabboni”) ในเช้าตรู่ของวันปัสกา โดยแท้จริงแล้ว เป็นท่านเองที่ถูกส่งไปโดยพระผู้ทรงกลับฟื้นคืนพระชนมชีพให้นำข่าวดีไปแจ้งให้อัครสาวกคนอื่นๆทราบ ภารกิจนี้ทำให้ท่านได้รับขนานนามว่าเป็น “อัครสาวกของบรรดาอัครสาวก” (= Apostle to the Apostles) ในสมัยพระศาสนจักรแรกเริ่ม

ชาวคาทอลิกนับถือนักบุญมารีย์ ชาวมักดาลา ว่าเป็นแบบอย่างของชีวิตรำพึงภาวนา และของการเป็นทุกข์กลับใจ ท่านอาจสิ้นชีพที่เมืองเอเฟซัส แต่ตำนานทางฝรั่งเศสพูดกันว่า มารีย์ มารธา และลาซารัส ได้มาถึงภาคใต้ของฝรั่งเศส และทำให้ผู้คนในละแวก Provence ได้กลับใจ

(ถอดความโดย คุณพ่อ วิชา หิรัญญการ จากหนังสือ Saint Companions For Each Day ; เขียนโดย A.J.M. Mausolfe และ J.K. Mausolfe)

ประชุมที่ศูนย์ซีซี

ประชุมที่ศูนย์ซีซี

20 กรกฎาคม 2020 เวลา 16.00 น.

วันนี้คณะกรรมการบริหารศูนย์อบรมคริสตศาสนธรรมระดับชาติ มาประชุมกันที่ศูนย์ฯสามพราน  เพื่อติดตามงาน  พัฒนา  และวางแผน  การอบรมครูคำสอนครั้งนี้พิเศษ  คือต้อนรับ   ซิสเตอร์มารีอา เพ็ชรรัตน์  สุขสำราญ  คณะรักกางเขนแห่งจันทบุรี   ผู้อำนวยการคนใหม่  ต่อจาก  ซิสเตอร์วรรณี  ฉัตรสุภางค์  (คณะซิสเตอร์ซาเลเซียน) และคุณพ่อวัชศิลป์  กฤษเจริญ  อาจารย์  และหัวหน้าภาควิชาคริสตศาสนศึกษา  วิทยาลัยแสงธรรม

            หลังจากดำเนินการประชุม  ตามวาระต่างๆ  เช่น การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า  ในช่วงเดือนมีนาคม  ถึงมิถุนายน  ที่ผ่านมา  ทำให้เราไม่สามารถจัดอบรมครูคำสอน  ภาคฤดูร้อน  จึงตั้งใจจะจัดในปีหน้า

            คุณพ่อวัชศิลป์  กฤษเจริญ  ได้เสนอข้อคิดเห็น  3 ประการ  คือ

  1. เรียนจบแล้ว นักศึกษาสอนคำสอนได้ไหม
  2. การสอนต้องสร้างชุมชน และประกาศข่าวดีมิใช่ได้องค์ความรู้ เท่านั้น
  3. คุณพ่อกำลังทำสำรวจ “ทำไมผู้ใหญ่กลับใจ” ด้วยการสัมภาษณ์  หวังว่าจะมีประโยชน์ในการสอนคำสอน

    *  เราน่าจะจัดเสวนาเรื่อง  “ทิศทางการอบรมครูคำสอนไทย  ค.ศ. 2020”  มิใช่เน้นโรงเรียนเท่านั้น ควรเน้นครูคำสอนนอกระบบโรงเรียนด้วย  เชิญ “ อาจารย์   มาแมร์…” รวมพลังศิษย์เก่า  จากแสงธรรม  จาก NCC จากโรม ฯลฯ มาแสดงความคิดเห็น  หาแนวทางในยุค New Normal

ฟ.วีระ  อาภรณ์รัตน์  รายงาน