คำสอน 5 นาที : แผนกิจกรรม เลาดาโตซี 7 ปี

คำสอน 5 นาที : แผนกิจกรรม เลาดาโตซี 7 ปี

แผนกิจกรรมเลาดาโตซี (Laudato Si Action Platform) 7 ปี เริ่มต้น พฤษภาคม ค.ศ.2020 จุดประสงค์เพื่อทำให้ชุมชนทั่วโลกสนใจนิเวศแบบองค์รวม ดูแลรักษาโลก บ้านที่เราอาศัยอยู่ร่วมกัน

ระหว่าง ปีพิเศษเลาดาโตซี ( 24 พฤษภาคม 2020 – 24 พฤษภาคม 2021) โอกาสครบ 5 ปี ของสมณสาส์น Laudato Si (ขอสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า)ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส แผนกสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติของวาติกัน ได้ประชาสัมพันธ์ แผน 7 ปี ขอความร่วมมือจากสถาบันต่างๆ

1.ครอบครัว
2.สังฆมณฑล
3.โรงเรียน
4.มหาวิทยาลัย
5.โรงพยาบาล ศูนย์ดูแลสุขภาพ
6.ธุรกิจ ฟาร์มเกษตรกรรม
7.คณะนักบวช ร่วมดำเนินการ 7 ปี มุ่งสู่นิเวศวิทยาแบบองค์รวม
(คนกับสิ่งแวดล้อม)

มาตรฐานวัด นิเวศวิทยาแบบองค์รวม ตามเจตนาของสมณสาส์นเลาดาโตซี
1. การตอบสนองต่อเสียงค่ำครวญของแผ่นดิน (การใช้พลังงานทดแทนที่สะอาด การลดเชื้อเพลิงถ่านหิน เพื่อพิทักษ์ และส่งเสริมความแตกต่างทางชีวภาพ การช่วยให้ชาวบ้านมีน้ำสะอาดบริโภค ฯลฯ)
2. การตอบสนองต่อเสียงคร่ำครวญของคนจน (ปกป้องชีวิตมนุษย์ตั้งแต่การปฏิสนธิจนสิ้นชีวิต… สนใจช่วยเหลือชนพื้นเมือง ผู้อพยพ เด็กๆที่เสี่ยงต่อการค้าทาส ฯลฯ)
3. เศรษฐศาสตร์ระบบนิเวศ ผลิตผลที่ดี ยุติธรรม มีศีลธรรม ไม่ทำร้ายธรรมชาติ พลังงานทดแทน ฯลฯ
4. การใช้ชีวิตที่เรียบง่าย การใช้ทรัพยากร และพลังงาน อย่างมีสติ หลีกเลี่ยงการใช้พลาสติกครั้งเดียว ลดการบริโภคเนื้อ การใช้ขนส่งสาธารณะ หลีกเลี่ยงการทำให้อากาศเป็นพิษ ดินเป็นพิษ ฯลฯ
5. สิ่งแวดล้อมศึกษา ช่วยปลูกจิตสำนึกด้านรักษาสิ่งแวดล้อม มีกิจกรรมส่งเสริมการรักษาธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม แก่เยาวชน ครู และ ผู้นำการศึกษา ฯลฯ
6. จิตวิญญาณเชิงนิเวศ ค้นพบวิสัยทัศน์ด้านศาสนาของสิ่งที่พระเจ้าสร้างสรรค์ สนับสนุนประชาชนให้สัมผัสธรรมชาติ ชื่นชม สรรเสริญ กตัญญู จัดพิธีรักษ์สิ่งสร้าง พัฒนาคำสอนด้านนิเวศ การภาวนา การฟื้นฟูจิตใจ การอบรม ฯลฯ
7. ข้อตกลงในชุมชน และปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม เพื่อดูแลธรรมชาติ ในระดับท้องถิ่น เขต ระดับชาติ และนานาชาติ (ส่งเสริมการณรรงค์ภาคประชาชน ดูแลรักษาระบบนิเวศในท้องถิ่น ฯลฯ)

การมอบรางวัลเลาดาโตซี เพื่อให้กำลังใจ รับรู้การอุทิศตนที่ดูแลบ้านที่เราอาศัยอยู่ร่วมกัน เริ่มในปี ค.ศ. 2021 เป็นต้นไป ในแต่ละปี
1. แก่ผู้นำระดับท้องถิ่น ระดับสากล
2. ครอบครัวที่เด่น
3. สถานบันการศึกษา โรงเรียน มหาวิทยาลัย
4. ชุมชนคริสตชน เขตวัด สังฆมณฑล นักบวช
5. ความคิดริเริ่มเด่นๆของกลุ่มชาวบ้าน และ เยาวชน
6. เศรษฐกิจ ธุรกิจ การดูแลสุขภาพ เกษตรกรรมเด่น
7. การสื่อสารเลาดาโตซี (ผลงานศิลปะ ผลงานวิชาการ ฯลฯ)

“เราทุกคนสามารถร่วมมือ ในฐานะเป็นเครื่องมือของพระเจ้า เพื่อดูแลรักษาธรรมชาติ ตามวัฒนธรรม ประสบการณ์ การมีส่วนร่วม และความสามารถของตน” (โป๊ปฟรังซิส)

ฟ.วีระ อาภรณ์รัตน์
แปลจาก ข่าววาติกัน แผนกพัฒนามนุษย์ฯ 25/08/2020

ข้อตกลงระดับโลกเรื่องการศึกษา

ข้อตกลงระดับโลกเรื่องการศึกษา

สมณกระทรวง เรื่องการศึกษาคาทอลิกได้ประกาศเลื่อนการจัดประชุม ข้อตกลงด้านการศึกษา (Global Compact on Education) จากวันที่ 10-17 พฤษภาคม ค.ศ. 2020 เพราะการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า เป็นวันที่ 11- 18 ตุลาคม ค.ศ. 2020

สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส สนับสนุนการประชุมครั้งนี้ “เพื่ออุทิศตนจริงจังเพื่อ และพร้อมกับเยาวชนรุ่นใหม่

การประชุมนี้ มิได้จำกัด เฉพาะสถาบันศึกษาเท่านั้น เราเชื่อว่า การอุทิศตนด้านการศึกษานี้ ทุกคนต้องมีส่วนร่วม เกี่ยวถึงผู้แทนศาสนา สถาบันนานาชาติ และการพัฒนามนุษย์ต่างๆ ทั้งด้านการศึกษา เศรษฐกิจ วัฒนธรรม และการเมือง

สมเด็จพระสันตะปาปาทรงปรารถนาให้ท่านเข้าใจว่า ยิ่งมีการร่วมมือ กว้างขวาง หลากหลายยิ่งดี ข้อตกลงระดับโลก เรื่องการศึกษาครั้งนี้จะได้ประกอบด้วย หลักฐาน และจุดมุ่งหมายของการร่วมมือของพันธมิตร

ฟ.วีระ อาภรณ์รัตน์ แปลสรุป
7 กันยายน 2563

Global Compact on Education event moved to October

The Congregation for Catholic Education announces that the Global Compact on Education will take place from 11-18 October 2020. The event had originally been scheduled for May 2020.

By Vatican News

The Global Compact on Education, an event promoted by Pope Francis “to revive commitment to and with the younger generations”, has been postponed from 10-17 May to 11-18 October 2020.

The decision to reschedule the event was taken in light of the “uncertainty linked to the spread of Coronavirus, along with the decisions taken by public authorities on a global scale”, according to a press release from the Congregation for Catholic Education, which has been entrusted with task of organizing the event.

“The Global Pact is not limited to educational and academic institutions but rather, in the belief that commitment to education must be shared by all, involves representatives of religions, international bodies and the various humanitarian institutions, of the academic, economic, political and cultural world”, the Congregation said.

“From this perspective”, the statement continues, “it can be understood that the broader and more varied participation desired by Pope Francis is not an additional dimension to the Global Compact on Education but rather constitutes at the same time the premise and purpose of such an alliance”.

เลือกตั้งแม่อธิการอารามกลาริส

เลือกตั้งแม่อธิการอารามกลาริส

วันเสาร์ที่  5  กันยายน  10.30 น.

            สมาชิกคณะกลาริส  6 คน  มาอยู่ที่  อำเภอสารภี  จังหวัดเชียงใหม่  ตั้งแต่  วันที่ 23 พฤษภาคม 2019  คุณแม่อธิการขอให้พ่อไปเป็นประธานในการเลือกอธิการคนใหม่  เริ่มด้วยการขับร้องเพลง  เชิญพระจิต(ภาษาละติน)  และเลือกตั้ง  ผลออกมาคือ

  1. ซิสเตอร์ มารีอาโรซา เกียร่า บุญฉิม  เป็นอธิการ
  2. ซิสเตอร์ มารีอา เยลทรูด  เบวีอากวา  รองอธิการ
  3. ซิสเตอร์มารีอา คาธารีนา กิจสกุล เป็นเลขา

            หลังจากประกาศผลการเลือกตั้ง   เราจึงร่วมมิสซาบูชาขอบพระคุณ  และรับประทานอาหารเที่ยงร่วมกัน  พ่อได้ปรึกษากับสมาชิกเรื่องการทำถนนให้สูงขึ้นกันน้ำท่วมอีก

            เวลาเยี่ยมซิสเตอร์ประจำวัน  คือ  9.30 – 12.00 น.   และ 15.00 – 16.30 น  โทร 06-5445-7948

(ฟ.วีระ   อาภรณ์รัตน์   รายงาน)

แผนกิจกรรม เลาดาโตซี 7 ปี

แผนกิจกรรม เลาดาโตซี 7 ปี

แผนกิจกรรมเลาดาโตซี  (Laudato Si  Action Platform) 7 ปี  เริ่มต้น พฤษภาคม ค.ศ.2020  จุดประสงค์เพื่อทำให้ชุมชนทั่วโลกสนใจนิเวศแบบองค์รวม ดูแลรักษาโลก  บ้านที่เราอาศัยอยู่ร่วมกัน

ระหว่าง  ปีพิเศษเลาดาโตซี  ( 24 พฤษภาคม  2020 – 24  พฤษภาคม 2021) โอกาสครบ 5 ปี ของสมณสาส์น Laudato Si (ขอสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า)ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส แผนกสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติของวาติกัน  ได้ประชาสัมพันธ์  แผน 7 ปี ขอความร่วมมือจากสถาบันต่างๆ

  1. ครอบครัว
  2. สังฆมณฑล
  3. โรงเรียน
  4. มหาวิทยาลัย
  5. โรงพยาบาล ศูนย์ดูแลสุขภาพ
  6. ธุรกิจฟาร์มเกษตรกรรม
  7. คณะนักบวช

ร่วมดำเนินการ  7  ปี  มุ่งสู่นิเวศวิทยาแบบองค์รวม  (คนกับสิ่งแวดล้อม)

            มาตรฐานวัด นิเวศวิทยาแบบองค์รวม ตามเจตนาของสมณสาส์นเลาดาโตซี

  1. การตอบสนองต่อเสียงค่ำครวญของแผ่นดิน (การใช้พลังงานทดแทนที่สะอาด การลดเชื้อเพลิงถ่านหิน  เพื่อพิทักษ์  และส่งเสริมความแตกต่างทางชีวภาพ   การช่วยให้ชาวบ้านมีน้ำสะอาดบริโภค ฯลฯ)
  2. การตอบสนองต่อเสียงคร่ำครวญของคนจน (ปกป้องชีวิตมนุษย์ตั้งแต่การปฏิสนธิจนสิ้นชีวิต… สนใจช่วยเหลือชนพื้นเมือง  ผู้อพยพ  เด็กๆที่เสี่ยงต่อการค้าทาส ฯลฯ)
  3. เศรษฐศาสตร์ระบบนิเวศ ผลิตผลที่ดี   ยุติธรรม   มีศีลธรรม ไม่ทำร้ายธรรมชาติ   พลังงานทดแทน ฯลฯ
  4. การใช้ชีวิตที่เรียบง่าย การใช้ทรัพยากร  และพลังงาน  อย่างมีสติ  หลีกเลี่ยงการใช้พลาสติกครั้งเดียว  ลดการบริโภคเนื้อ  การใช้ขนส่งสาธารณะ  หลีกเลี่ยงการทำให้อากาศเป็นพิษ  ดินเป็นพิษ  ฯลฯ
  5. สิ่งแวดล้อมศึกษา ช่วยปลูกจิตสำนึกด้านรักษาสิ่งแวดล้อม มีกิจกรรมส่งเสริมการรักษาธรรมชาติ  และสิ่งแวดล้อม  แก่เยาวชน  ครู  และ ผู้นำการศึกษา ฯลฯ
  6. จิตวิญญาณเชิงนิเวศ ค้นพบวิสัยทัศน์ด้านศาสนาของสิ่งที่พระเจ้าสร้างสรรค์ สนับสนุนประชาชนให้สัมผัสธรรมชาติ  ชื่นชม สรรเสริญ  กตัญญู  จัดพิธีรักษ์สิ่งสร้าง   พัฒนาคำสอนด้านนิเวศ  การภาวนา  การฟื้นฟูจิตใจ  การอบรม ฯลฯ
  7. ข้อตกลงในชุมชน และปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม  เพื่อดูแลธรรมชาติ  ในระดับท้องถิ่น  เขต  ระดับชาติ  และนานาชาติ  (ส่งเสริมการณรรงค์ภาคประชาชน  ดูแลรักษาระบบนิเวศในท้องถิ่น ฯลฯ)

การมอบรางวัลเลาดาโตซี   เพื่อให้กำลังใจ  รับรู้การอุทิศตนที่ดูแลบ้านที่เราอาศัยอยู่ร่วมกัน  เริ่มในปี ค.ศ. 2021  เป็นต้นไป  ในแต่ละปี

  1. แก่ผู้นำระดับท้องถิ่น ระดับสากล
  2. ครอบครัวที่เด่น
  3. สถานบันการศึกษา โรงเรียน  มหาวิทยาลัย
  4. ชุมชนคริสตชน  เขตวัด  สังฆมณฑล  นักบวช
  5. ความคิดริเริ่มเด่นๆของกลุ่มชาวบ้าน และ เยาวชน
  6. เศรษฐกิจ ธุรกิจ  การดูแลสุขภาพ  เกษตรกรรมเด่น
  7. การสื่อสารเลาดาโตซี (ผลงานศิลปะ  ผลงานวิชาการ ฯลฯ)

            “เราทุกคนสามารถร่วมมือ  ในฐานะเป็นเครื่องมือของพระเจ้า  เพื่อดูแลรักษาธรรมชาติ  ตามวัฒนธรรม  ประสบการณ์  การมีส่วนร่วม  และความสามารถของตน” (โป๊ปฟรังซิส)

ฟ.วีระ  อาภรณ์รัตน์

แปลจาก ข่าววาติกัน  แผนกพัฒนามนุษย์ฯ  25/08/2020

ปีเลาดาโต ซี

ปีเลาดาโต ซี

สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสได้ออกสมณสาส์น  เลาดาโตซี (ขอสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า)  เมื่อวันที่  24 พฤษภาคม ค.ศ. 2015  เราได้ฉลองสัปดาห์เลาดาโตซี  16 – 24  พฤษภาคม ค.ศ. 2020 โอกาส ครบ 5 ปี ของสมณสาส์นฉบับนี้  และที่สุดทางวาติกันถือเป็น  ปีเลาดาโตซี  ตั้งแต่วันที่ 24 พฤษภาคม  2020 – 24 พฤษภาคม 2021  โดยมีกิจกรรมดังนี้

  1. มีบทภาวนาเพื่อโลก  และมนุษยชาติ  เพื่อรณรงค์ภาวนา เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2020
  2. เทศกาลแห่งสิ่งสร้าง (1 กันยายน – 4 ตุลาคม)
  3. ข้อตกลงด้านการศึกษาระดับโลก (15 ตุลาคม 2020)  ที่กรุงโรม
  4. เศรษฐกิจของฟรังซิสโก ( 21 พฤศจิกายน 2020 )  ที่เมืองอัสซีซี
  5. การประชุมด้านเศรษฐกิจโลก, ที่ดาวอส (26 – 29  มกราคม  2021)
  6. (เสนอ) ประชุมผู้นำศาสนา (ต้นฤดูใบไม้ผลิ)
  7. วันน้ำโลก ( 22 มีนาคม 2021)
  8. ฉลองปิดปีเลาดาโตซี 20-22 พฤษภาคม 2021 จัดประชุมพิเศษ  การแสดงดนตรีของเยาวชน และมีการมอบรางวัล เลาดาโด ซี

(ฟ.วีระ อาภรณ์รัตน์)

ข้อคิดข้อรำพึง
อาทิตย์ที่ 23 เทศกาลธรรมดา ปี A

ข้อคิดข้อรำพึง อาทิตย์ที่ 23 เทศกาลธรรมดา ปี A

การตักเตือนด้วยความรักฉันพี่น้อง ท่านจะได้พี่น้องกลับคืนมา

ในห้องเรียนห้องหนึ่ง อาจารย์ถามลูกศิษย์ว่า “ทำไมเวลาคนโกรธกันแล้วต้องตะคอกใส่กันด้วย” ห้องเรียนเงียบไปหลายวินาที ก่อนที่นักเรียนคนหนึ่งจะตอบว่า “เพราะเราโมโห เราก็เลยต้องเสียงดังครับ” “แต่ทำไมต้องเสียงดังด้วยล่ะ ในเมื่ออีกคนก็อยู่ใกล้กันแค่นี้ คุยธรรมดาก็ได้ยินแล้วนี่ ทำไมคนเราถึงต้องขึ้นเสียงกันด้วย” นักเรียนผลัดกันตอบคำถาม แต่ไม่มีใครให้คำตอบที่อาจารย์พอใจ อาจารย์จึงเฉลยว่า “เวลาคนสองคนโกรธกัน หัวใจสองดวงก็จะห่างกันมากขึ้น เขาเลยต้องตะโกนเพื่อไปให้ถึงหัวใจของอีกฝ่าย” ห้องเรียนเงียบสงัด ก่อนที่อาจารย์จะเสริมว่า “เวลาคนสองคนรักกัน สังเกตสิว่าเขาจะไม่ตะโกน แต่จะคุยกันด้วยเสียงอ่อนโยน เพราะอะไร? ก็เพราะว่าหัวใจของทั้งสองคนอยู่ใกล้กันไง แล้วพอคนสองคนรักกันยิ่งกว่าเดิม เสียงพูดนั้นจะแผ่วเบาจนกลายเป็นเสียงกระซิบ และสุดท้ายเขาก็ไม่จำเป็นต้องกระซิบด้วยซ้ำ แค่มองตาก็เข้าใจทุกอย่างแล้ว ดังนั้น คราวหน้าถ้าเธอตะคอกใส่คนที่เธอรัก จงจำไว้ว่าเธอได้สร้างระยะห่างให้หัวใจของเธอกับเขาแล้ว”

พระวรสารที่นิพนธ์โดยนักบุญมัทธิวต้องถือว่าเป็น “พระวรสารของพระศาสนจักร” (The gospel of the Church) มากกว่าผู้นิพนธ์พระวรสารท่านอื่นๆ ท่านได้พูดถึงเรื่องพระศาสนจักรมากกว่าใครๆ พระศาสนจักรที่หมายถึงกลุ่มประชาคมที่อยู่ร่วมกันเพื่อมุ่งไปสู่ความศักดิ์สิทธิ์หรือการเป็นนักบุญ ดังนั้น พระศาสนจักรจึงมีกรอบที่ควรปฏิบัติ โดยเฉพาะเมื่อมีการทำผิดต่อกัน กรอบปฏิบัตินั้นคือ การตักเตือนกันด้วยความรักฉันพี่น้อง

เริ่มต้นจากการที่ตักเตือนเป็นการลำพังเสียก่อน ทำโดยให้เกียรติต่อกัน เพื่อไม่ให้เกิดความอับอาย วิธีนี้ดีที่สุด ถ้าเขาเชื่อฟังก็จะได้พี่น้องนั้นกลับมา นักบุญมัทธิวชอบเล่าเรื่องพระเยซูเจ้าทรงไปตามหาแกะที่พลัดหายไป ให้กลับมาเข้าฝูงดังเดิม แต่ถ้าเขาไม่เชื่อฟัง ก็ให้พาพยานคนหนึ่งหรือสองคนไปด้วย เพราะเขาอาจจะคิดว่าเขาทำถูกต้องแล้ว เราก็คิดว่าเราถูกต้องแล้ว ดังนั้น ควรมีพยานที่ยืนยันเข้าข้างความถูกต้องที่แท้จริง ทำดังนี้อาจจะได้พี่น้องกลับมา แต่ถ้าเขาไม่ยอมก็ถึงขั้นตอนของหมู่คณะ และการขับออกจากหมู่คณะเป็นขั้นตอนสุดท้ายที่สุด ซึ่งในใจลึกๆแล้ว ในใจที่มีความรักต่อกันฉันพี่น้องอย่างยิ่งแล้ว ไม่มีใครอยากใช้มาตรการขั้นนี้แน่ๆ เพราะไม่ใช่วิธีที่จะเอาชนะใจพี่น้องคนนั้นได้

แต่เรื่องนี้ไม่ง่ายนัก การจะต้องไปพูดกับคนที่ทำผิดต่อเราไม่ใช่เรื่องกล้วยๆ มันมีเรื่องของ อารมณ์ ความรู้สึก อคติ ฯลฯ มาเกี่ยวข้องอีกมากมาย มันสู้ไปพูดให้คนอื่นฟังไม่ได้หรอก มันง่ายกว่ากัน จะใส่สีตีไข่อะไรลงไปก็มันขึ้นอีกต่างหาก อีกทั้งคนฟังก็ดูเหมือนชอบฟัง อยากฟังอยากรู้เรื่อง ให้ความร่วมมือ อยาก(สอด)รู้(สอด)เห็น ให้เรื่องมันขยายใหญ่มากขึ้น ให้มันละเอียดมากขึ้น จะได้นำไปเล่าต่อ ช่วยๆกันเล่าหลายๆคน สนุกสนานเพลิดเพลินเจริญใจ แทนที่จะทำตามจิตตารมณ์และขั้นตอนที่พระวรสารของวันนี้แนะนำ กลับทำผิดจิตตารมณ์ของการตักเตือนกันด้วยความรัก รวมทั้งวิธีการก็ผิดด้วย คือแทนที่จะไปพูดกับคนที่ทำผิดต่อเราเป็นการส่วนตัว ก็ไปพูดกับคนอื่นๆ โดยลืมคิดไปว่า ถ้ามีใครมาพูดว่าลับหลังหรือให้ร้ายต่อเราลับหลัง เราจะรู้สึกอย่างไร และแทนที่จะพาพยานไปคนหรือสองคนเพื่อพูดความจริงด้วยความรัก กลับไปพูดกับคนมากมาย และชักชวนกันมากกว่าสองหรือสามคนให้แพร่กระจายข่าวไปเรื่อยๆ จนไม่มีวันได้พี่น้องนั้นกลับคืนมา

ดังนั้น อยากให้เราเปิดใจรับฟังพระวาจาของพระเจ้าดีๆ และนำเรื่องของการตักเตือนกันด้วยความรักฉันพี่น้องไปปฏิบัติให้เป็นรูปธรรม การตักเตือนคนที่ทำผิดด้วยความรัก โดยมีเป้าหมายให้เขาเปลี่ยนแปลงชีวิต กลับมาสู่หนทางที่ถูกต้องนั้น เป็นสิ่งที่พระเจ้าทรงเรียกร้อง ดังตัวอย่างที่เราได้พบในบทอ่านแรก ประกาศกเอเสเคียลกล่าวว่า พระเจ้าทรงแต่งตั้งท่านเป็นคนยามสำหรับพงศ์พันธุ์อิสราเอล คนยามจะยืนบนหอสูงหรือในที่สูงที่มองเห็นศัตรูว่าจะลุกคืบมาเมื่อใด ก็จะเป่าเขาสัตว์เป็นเสียงเตือนให้ประชาชนระวังภัย บทบาทของประกาศกก็คอยตักเตือนประชาชนให้อยู่ในหนทางของพระเจ้า แม้นักบุญเปาโลก็บอกว่าเราจงอย่าเป็นหนี้ผู้ใด นอกจากหนี้รักซึ่งกันและกัน การตักเตือนกันเป็นส่วนหนึ่งของความรักที่พึงมีต่อกัน

สุดท้ายให้เรานำพระวาจาที่พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ถ้าท่านสองคนบนแผ่นดินพร้อมใจกันอ้อนวอนขอสิ่งหนึ่งสิ่งใด พระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์จะประทานให้” โดยนำมาประยุกต์เพื่อการภาวนาให้พี่น้องผู้หลงผิดไป ได้กลับมาในหนทางของพระองค์ คือ แทนที่จะรวมสมัครพรรคพวกมานินทาว่าร้ายกัน ให้มารวมใจกันสวดโดยมีพระเยซูเจ้าอยู่ท่ามกลางเรา เพื่อให้พี่น้องของเรากลับมาสู่หนทางของพระองค์ พระเจ้าคงจะทรงพอพระทัยในคำภาวนาแบบนี้เป็นอย่างยิ่ง

(คุณพ่อ วิชา หิรัญญการ เขียนลงสารวัดพระกุมารเยซู เมื่อวันที่ 7 กันยายน ค.ศ. 2008
และนำมาเรียบเรียงใหม่ วันที่ 1 กันยายน ค.ศ. 2020)

ข้อคิดข้อรำพึง อาทิตย์ที่ 23 เทศกาลธรรมดา ปี A

“จงตักเตือนกันด้วยความรัก”

อดีตประธานาธิบดี คิม แด จุง แห่งเกาหลีใต้ ได้รับการยกย่องว่าเป็นบุรุษที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่งในศตวรรษที่ 20-21 เขาได้รับรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพ ในปี ค.ศ. 2000

แต่ก่อนที่เขาจะได้เป็นประธานาธิบดี ในปี ค.ศ. 1998 นั้น เขาต้องต่อสู้อยู่หลายสิบปีในฐานะเป็นผู้นำฝ่ายค้าน คู่แข่งทางการเมืองของเขาพยายามทุกวิถีทางที่จะทำให้เขาออกไปให้พ้นทาง เขาเคยถูกลอบฆ่าแต่รอดชีวิตมาได้ เคยถูกลักพาตัว เคยติดคุกหลายครั้ง เคยถูกโบย ถูกเนรเทศ และเคยถูกตัดสินประหารชีวิต แต่เขาก็รอดตัวมาได้ทุกครั้ง

เขาเคยกล่าวคำที่น่าทึ่งคำนี้ไว้ “เป็นการดีที่เราจะรู้จักเจรจากับศัตรูของเรา” และเขาก็ได้ทำตามที่กล่าวไว้ คือในปี ค.ศ. 2000 เขาได้พบกับผู้นำของเกาหลีเหนือ ซึ่งเขาเป็นคนแรกที่ทำเช่นนั้น ตั้งแต่สิ้นสุดสงครามเกาหลี ในปี ค.ศ. 1953 ในการเจรจาครั้งนี้สามารถทำให้สัมพันธภาพระหว่างสองประเทศดีขึ้นมาก

เป็นที่น่าสังเกตว่าในสมัยปัจจุบันเมื่อต้องเผชิญหน้ากับกลุ่มผู้ก่อการร้าย เราจะใช้วิธีการเจรจาก่อน จนมีคำกล่าวกันเล่นๆว่า กลุ่มผู้ก่อการร้าย คือกลุ่มที่เราสามารถเจรจาความกันได้ แล้วกลุ่มผู้ก่อการดีล่ะ จะเจรจาได้ไหม นี่เป็นปัญหาที่น่าคิด

พระวาจาของพระเจ้าในวันนี้ ทั้งในบทอ่านแรกและในพระวรสารได้พูดถึงเรื่อง การตักเตือนกัน ซึ่งต้องถือว่าเป็นหน้าที่ของเราแต่ละคนเมื่อพี่น้องทำผิดต่อเรา ส่วนนักบุญเปาโลในบทอ่านที่สองแถมให้ด้วยว่า “ความรักไม่ทำความเสียหายแก่เพื่อนมนุษย์ ความรักเป็นการปฏิบัติตามธรรมบัญญัติอย่างครบถ้วน” เหมือนกับนักบุญเปาโลส่งเสริมให้เราตักเตือนกันและกันด้วยความรัก

นักบุญมัทธิวในพระวรสารโดยสรุปในภาพรวมของท่าน ต้องเรียกว่าเป็น “พระวรสารของพระศาสนจักร” (The Gospel Of The Church) พระเยซูเจ้าในพระวรสารของท่านได้ให้คำอุปมามากมายเกี่ยวกับเนื้อแท้ของพระศาสนจักร (เทียบ มธ. 13) จริงๆ แล้วพระศาสนจักรมิใช่เป็นกลุ่มประชาคมของผู้ที่เป็นนักบุญแล้ว แต่เป็นกลุ่มประชาคมที่ต้องการจะเป็นนักบุญต่างหาก เหมือนกับในพระศาสนจักรยังมีทั้งคนดีและคนไม่ดี ซึ่งพระเจ้าทรงอดทนต่อสิ่งเหล่านี้ ทรงปล่อยให้ข้าวสาลีขึ้นปะปนไปกับข้าวละมาน

แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องเอาหูไปนาเอาตาไปไร่กับบาปและความเลวทุกชนิด โดยเฉพาะถ้ามันเป็นสิ่งที่ทำร้ายประชาคม เราเองเป็นสมาชิกในกลุ่มที่เป็นพี่เป็นน้องกัน ที่ต้องร่วมกันรับผิดชอบเมื่อมีความไม่ดีเกิดขึ้น

ประกาศกเอเสเคียล ได้แสดงความรับผิดชอบเช่นนี้ไว้ให้ดูเป็นตัวอย่าง ถ้าบ้านเมืองมีคนยามคอยเฝ้าระแวงภัยจากศัตรูที่จะมาจู่โจมเพื่อให้บ้านเมืองปลอดภัย ประกาศกก็เช่นกันถูกแต่งตั้งจากพระเจ้าให้เป็นคนยามคอยเฝ้าเตือนประชากร ถ้าไม่เตือน ประกาศกจะต้องรับผิดชอบในสิ่งที่จะเกิดขึ้น แต่ถ้าเตือนแล้ว ประชากรไม่เชื่อฟัง ความผิดก็จะตกอยู่กับตัวประชากรเอง

เราอยู่ในพระศาสนจักรเดียวกัน เป็นประดุจอวัยวะแห่งพระกายทิพย์ ซึ่งมีพระเยซูเจ้าทรงเป็นศีรษะ ดังนั้น จงรู้จักรับผิดชอบต่อพระศาสนจักร รู้จักเตือนกันด้วยความรักเมื่อมีผู้กระทำผิด พระเจ้าทรงตั้งเราให้เป็นเหมือนยามหรือเหมือนประกาศก ที่มีหน้าที่ต้องตักเตือนเมื่อมีการกระทำผิด เราอย่ากล่าวเหมือนคาอินว่า “ฉันเป็นผู้ดูแลน้องชายของฉันหรือ” โธ่…ถ้าเขาเป็นผู้ดูแลจริงๆ เขาคงไม่ฆ่าน้องชายทิ้งเพราะความริษยาหรอก แต่โดยแท้จริงแล้ว เราต้องเฝ้าดูแลพี่น้อง เช่น ผู้ที่เป็นอธิการต้องดูแลผู้อยู่ใต้ปกครอง พ่อแม่ต้องดูแลลูกๆ เจ้าหน้าที่รัฐต้องดูประชาชน พระสังฆราชต้องดูแลสัตบุรุษและสังฆมณฑล เจ้าอาวาสต้องดูแลลูกวัด ครูต้องดูแลนักเรียน และนอกเหนือจากนั้น เรายังต้องเอาใจใส่ดูแลอย่างเหมาะสมต่อเพื่อนพี่น้องคนอื่นๆ ที่ไม่ใช่เป็นลูกน้อง หรือผู้ที่ต้องขึ้นกับเราเท่านั้น

อยากจะจบลงที่ว่า เตือนคนอื่นมันก็ง่ายอยู่หรอก แต่ถ้าเราทำผิด แล้วคนอื่นมาเตือนเรา จะรับได้หรือไม่ เราจะเป็นยิ่งกว่า ผู้ก่อการร้าย อีก ถ้าเราไม่ยอมรับการเจรจาใดๆ เลย ขอจบลงตรงนี้ที่ว่า จงยอมรับการตักเตือนจากผู้อื่นด้วยใจสงบ ถ้าพบว่าเราผิดจริงก็ควรแก้ไขให้ทันท่วงที

(คุณพ่อ วิชา หิรัญญการ เขียนลงสารวัดนักบุญยอแซฟ อยุธยา เมื่อวันที่ 4 กันยายน ค.ศ. 2011
Based on : Speak, Lord! ; by Fr Herman Mueller, SVD)

วาติกันประกาศ แผน 7 ปีส่งเสริมเลาดาโต ซี

วาติกันประกาศ แผน 7 ปีส่งเสริมเลาดาโต ซี

บาทหลวง  โจสตรม  ไอแซค   คูรีธาดัม  ผู้ประสานงานแผนกสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติ  ของรัฐวาติกัน  เพื่อส่งเสริมการพัฒนามนุษย์แบบองค์รวม  ได้กล่าวถึงแผน  7 ปีเพื่อส่งเสริมพระสมณสาส์น  เลาดาโตซี  (ขอสรรเสริญองค์พระผู้เจ้า)  เกี่ยวกับการดูแลรักษาโลก  บ้านที่เราอาศัยอยู่ร่วมกัน

            โครงการนี้จะมีกิจกรรม  และเหตุการณ์ฉลองต่างๆ ที่ชุมชนพระศาสนจักรท้องถิ่น  และกลุ่มต่างๆ ในชุมชนสามารถร่วมมือกัน

            เป้าหมายผู้ร่วมกิจกรรมทั้งชาวคาทอลิก  นักบวช  กลุ่ม – หน่วยงานรัฐ  และสถาบันเอกชนต่างๆ

โครงการพิเศษ  เริ่มปี 2020 นี้  จะมีคลิปวีดีโอสารคดีเกี่ยวกับเลาดาโตซี  ที่เน้นกิจกรรมเด่นๆ  ที่ พิทักษ์สิ่งแวดล้อม

            การสร้างวัดน้อย  และสวนในประเทศต่างๆ   การสร้างเครือข่ายพิทักษ์สิ่งแวดล้อม

            โครงการ 7 ปี  จะมีเป้าหมาย 7 ประการ  วันที่ 18 มิถุนายน 2020  วาติกันพิมพ์เอกสาร  200 หน้า เป็นแนวปฏิบัติ  ส่งเสริมนิเวศ  และดูแลสิ่งสร้าง  หัวข้อคือ  การก้าวเดินร่วมกันเพื่อรักษาบ้านที่เราอาศัยอยู่ร่วมกัน”

พระศาสนจักรคาทอลิก  กำลังสร้างเครือข่ายของ “เลาดาโตซี” ขยายงานทุกปี เพื่อรักษาธรรมชาติ  และสิ่งแวดล้อม  ตามที่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสได้กล่าวในสมณสาส์น   ทรงต้องการสร้างสะพานเชื่อมระหว่างสิ่งแวดล้อมและนิเวศด้านสังคม   ทรงเชิญทุกคนให้เป็นผู้พิทักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  รวมทั้งดูแลพี่น้องร่วมโลก คือความยุติธรรมสังคม

ภาวะขาดอาหาร  อากาศเสีย  การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ  และความไม่เสมอภาค  กำลังฆ่าประชาชนทุกวัน  ทุกคนจำเป็นต้องกลับใจด้านนิเวศของโลก  เพื่อสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืน

พระองค์ทรงตั้งกลุ่มทำงาน 7 กลุ่ม  ทำงานใน 7 ปีนี้  เช่นครอบครัว  โรงเรียน  มหาวิทยาลัย  สังฆมณฑล  นักบวช  แผนกสุขภาพอานามัย  และหน่วยงานเกษตรกรรม

โดยรวม  เราจะศึกษาคำสอนด้านสังคมของพระศาสนจักร  และความเป็นปึกแผ่นหนึ่งเดียว  สมเด็จพระสันตะปาปาต้องการเชื่อมหน่วยงานธุรกิจ  และรัฐบาล  เพื่อร่วมมือกันสร้างเครือข่าย  ส่งเสริมสนับสนุนวิสัยทัศน์  เลาดาโตซี

ฟ.วีระ   อาภรณ์รัตน์
แปลจาก  LaCroix International
11/6/2020

นักบุญจอร์จ เปรก้า (St.George Preca)

นักบุญจอร์จ เปรก้า

(St.George Preca)

นักบุญจอร์จ เปรต้า เป็นชาวมอลต้า เกิดวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1880 ได้บวชเป็นพระสงฆ์ และเป็นผู้ตั้ง Society of Christian Doctrine (สมาคมข้อคำสอนคริสตชน ) คล้ายการ์เมไล้ทชั้น 3 นักบุญ ยอห์น ปอลที่ 2 ได้ขนานนามว่า “บิดาแห่งความเชื่อ(อัครสาวก)คนที่ 2 ของชาวมอลต้า” เป็นคนที่มีชื่อเสียงด้านงานอภิบาล และการสอนคำสอน

ท่านเป็นลูกคน ที่ 7 ใน 9 คน ของ วินเซนต์ และนาตาลี เชราไวโล เปรก้า บิดาเป็นพ่อค้า และผู้ตรวจสุขภาพ วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 1880 ได้รับศีลล้างบาป แต่สุขภาพไม่ค่อยดี อายุ 5 ขวบ เกือบจมน้ำตายที่ท่าเรือ แต่มีชาวเรือช่วยชีวิตไว้

ค.ศ. 1886 ได้รับศีลมหาสนิทครั้งแรก

2 สิงหาคม 1888 ได้รับศีลกำลัง ที่วัดนักบุญกาเยตัน จากบิชอป อันตน มารีอา บูฮาเกีย

ค.ศ. 1897 คุณพ่อ แอร์โคเล มัมปาลาโอ ชวนให้เข้าบ้านเณร จึงได้ศึกษาภาษาละติน อังกฤษ และอิตาเลี่ยน

ก่อนได้รับศีลบวชเป็นพระสงฆ์ไม่นาน ตรวจพบว่าเป็นวัณโรค แต่ได้สวดขอนักบุญยอแซฟองค์อุปถัมภ์ของผู้กำลังสิ้นใจ ความเจ็บป่วยหายไป
8 เมษายน 1905 คุณพ่อ อลอยซีอุส กาเลอา ผู้ฟังแก้บาป เสียชีวิต ท่านตั้ง กลุ่มสังฆนุกรถาวร
22 ธันวาคม 1906 ได้รับศีลบวช พร้อมกับเพื่อน 13 องค์ ท่านสนใจการสอนเยาวชน

ท่านเป็นนักเทศน์ ผู้ฟังแก้บาป ชอบสอนคำสอน และอยู่ใกล้ชิดกับประชนชน ท่านสิ้นชีวิตวันที่ 26 กรกฎาคม ค.ศ. 1962 ได้รับแต่งตั้งเป็นบุญราศี โดยสมเด็จพระสันตะปาปา ยอห์น ปอลที่ 2 ที่ ฟลอรีอานา มอลต้า วันที่9 พฤษภาคม 2001 และได้รับสถาปนาเป็นนักบุญ วันที่ 3 มิถุนายน 2007 ณ จัตุรัสนักบุญเปโตร กรุงโรม โดย สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิ๊กที่ 16 วันระลึกถึง 9 พฤษภาคม ท่านเป็น องค์อุปถัมภ์ ของชาวมอลต้า สมาคมข้อคำสอนคริสตชน และครูคำสอน
ค.ศ. 1957 ท่านเป็นผู้แต่งบทรำพึงสวดสายประคำ ธรรมลำลึกแสงสว่าง

ประเทศมอลตา (สาธารณรัฐมอลตา) เป็นประเทศที่เป็นเกาะเล็กๆ 2 เกาะในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ตอนใต้ของอิตาลีมีประชากรประมาณ 514,564 ประชาชนนับถือคาทอลิก ร้อยละ 94 ชาวคริสต์นิกายอื่น ร้อย 1.3 ไม่ถือศาสนาร้อยละ 4 อิสลามร้อยละ 0.3

ผมเพิ่งรู้จักประวัตินักบุญองค์นี้ 2-3 วันนี่เอง ทำให้ตระหนักว่า “เป็นพระสงฆ์ที่ดี ต้องรักการสอนคำสอน”

ฟ.วีระ อาภรณ์รัตน์ แปล
31 สิงหาคม 2020

เชียงใหม่บวชพระสงฆ์ใหม่ 4 องค์

เชียงใหม่บวชพระสงฆ์ใหม่ 4 องค์

วันที่ 29 สิงหาคม 2020 สังฆมณฑลเชียงใหม่ ได้จัดให้มีพิธีบวชพระสงฆ์ใหม่ 4 องค์ ที่อาสนวิหารพระหฤทัย เชียงใหม่ พร้อมกับฉลองครบรอบ 20 ปีในการบูรณะอาสนวิหารพระหฤทัย ด้วย โดยพระคุณเจ้า ฟรังซิสเซเวียร์ วีระ อาภรณ์รัตน์ ประมุขสังฆมณฑลเชียงใหม่ เป็นประธาน พร้อมกับพระคุณเจ้า ยอแซฟ วุฒิเลิศ แห่ล้อม มุขนายกสังฆมณฑลเชียงราย ได้ให้เกียรติมาร่วมในพิธีครั้งนี้ด้วย

โอกาสนี้นี้แม้เราอยู่ในช่วงบรรยากาศของการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิต ก็ตาม มีบรรดาคุณพ่อ นักบวชหญิง ชาย และพี่น้องคริสตชนได้มาร่วมเป็นจำนวนมาก

สำหรับคุณพ่อใหม่ทั้ง 4 องค์คือ

  • คุณพ่อเปาโล พิชิต จำปาพยุง สัตบุรุษ เขตวัดนักบุญเปาโล นาเกียน อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ คุณพ่อเป็นชนเผ่ากะเหรี่ยงโผล่ง องค์แรกของสังฆมณฑลเชียงใหม่และประเทศไทยด้วย
  • คุณพ่อ คริสโตเฟอร์ นนทชัย ริทู สัตบุรุษเขตวัดนักบุญยอห์นบัปติสต์ แม่โถ อำเภอแม่ลาน้อย จังหวัดแม่ฮ่องสอนและเป็นพระสงฆ์องค์ที่ 9 ของเขตวัดนักบุญยอห์นบัปติสต์ แม่โถ
  • คุณพ่อมัทธิว ธรรมชาติ ขอบพงไพร สัตบุรุษเขตวัดนักบุญยอห์นอัครสาวก บ้านแม่เหาะ อำภอแม่สะเรียง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นพระสงฆ์องค์แรกของหมู่บ้านและของเขตวัด
  • คุณพ่อโทมัส เธียรชัย สงวนไพรวัลย์ สัตบุรุษวัดแม่พระปฏิสนธินิรมล บ้านขุนแตะ เขตวัดอัครเทวดาราฟาแอล ขุนแปะ เป็นพระสงฆ์องค์แรกของหมู่บ้านและของเขตวัดหลังจากที่ได้แยกออกมาจากเขตวัดแม่ปอน

สุดท้ายของพิธีพระคุณเจ้าฟรังซิสเซเวียร์ วีระ อาภรณ์รัตน์ ประธานในพิธีได้ให้ข้อคิดสั้นๆ แก่พระสงฆ์ใหม่ว่า “พระสงฆ์หนุ่มมีไฟแรงกระตือรือร้น ส่วนพระสงฆ์อาวุโส กำลังเริ่มอ่อนแรงแต่มีความสุขุมรอบคอบ ดังนั้นของให้คุณพ่อมีทั้งความกระตือรือร้นในงานแพร่ธรรมประกาศข่าวดีด้วยความกระตือรือร้นและสุขุมรอบคอบ จึงจะสมบูรณ์”

(คุณพ่อณรงค์ชัย หมั่นศึกษา)

มิสซาแรกของคุณพ่อ “โผล่ง” องค์แรกของมิสซังเชียงใหม่

มิสซาแรกของคุณพ่อโผล่งองค์แรกของมิสซังเชียงใหม่

ในวันที่ 31 สิงหาคม 2020 นอกจากมีมิสซาแรกของคุณพ่อโทมัส เธียรชัย สงวนไพรวัลย์ ที่บ้านขุนแตะแล้ว ในวันเดียวกันนี้ ที่วัดนักบุญเปาโล บ้านนาเกียน อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ ได้มีพิธีมิสซาแรกของคุณพ่อเปาโล พิชิต จำปาพยุง ด้วยเช่นกัน สำหรับคุณพ่อเปาโล พิชิต จำปาพยุง เป็นพี่น้องชนเผ่ากะเหรี่ยงโผล่ง ที่บวชเป็นพระสงฆ์องค์แรกของสังฆมณฑลเชียงใหม่ และของประเทศไทยด้วย

สำหรับการแพร่ธรรมในเขตวัดนักบุยเปาโล นาเกียน เริ่มโดยคุณพ่อสมพงษ์ กัมพลกูล เมื่อกว่า 30 ปีที่ผ่านมา

ซึ่งสมัยนั้นคุณพ่อเป็นครูคำสอนประจำอยู่ที่เขตวัดแม่พระรับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ แม่ปอน มีความสนใจและกระตือรือร้นในงานแพร่ธรรม เมื่อมีชาวบ้านคนหนึ่งจากหมู่บ้านแม่สะเตมาบอกคุณพ่อยอแซฟ เซกีน๊อต เจ้าอาวาสเขตแม่ปอนในขณะนั้นว่ามีความสนใจสมัครเข้ามาเรียนคำสอน แต่คุณพ่อบอกว่ายังไม่สามารถขยายพื้นที่งานแพร่ธรรมได้ในช่วงนั้น เพราะมีพื้นที่กว้างขวางอยู่แล้ว ขอให้รอสักระยะหนึ่งก่อน ในที่สุดคุณพ่อสมพงษ์ กัมพลกูล ซึ่งขณะนั้นทำงานครูคำสอนมีความสนใจและสมัครเข้าไปสำรวจความเป็นไปได้ แต่ปรากฏว่าสมัยนั้นยังไม่มีทางรถยนต์ จะต้องเดินเท้าเข้าไปจากตัวอำเภออมก๋อยเข้าหมู่บ้านระยะทางกว่า 50 กิโลเมตร ในที่สุดคนที่นำทางเข้าหมู่บ้านแม่สะเต นั้น รู้สึกเหนื่อยไม่อยากเดินทางต่อไปที่แม่สะเตจึงนอนค้างคืนที่หมู่บ้านนาเกียนนี้ และได้เล่าถึงจุดประสงค์ของการมาเพื่อประกาศความเชื่อแบบคาทอลิก ซึ่งทำให้ชาวบ้านที่หมู่บ้านนาเกียนแห่งนี้มีความสนใจเข้ามาเรียนคำสอนหลังจากนั้นช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อนได้มีสามเณรใหญ่ของสังฆมณฑลเชียงใหม่ได้เข้าไปสอนคำสอนทุกปี ในที่สุดการแพร่ธรรมได้เจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว จนถึงปี ค.ศ. 2016 สังฆมณฑลฯ ได้แบ่งเขตอมก๋อยนี้ออกเป็น 3 เขตวัด คือ วัดแม่พระบังเกิด อมก๋อย เขตวัดนักบุญลอเรนโซ ซึ่งมีพื้นที่ติดกับเขตวัดนักบุญเปาโล แม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ส่วนเขตวัดนักบุญเปาโล นาเกียน เป็นพี่น้องกะเหรี่ยง (โปล่ง) มีคริสตชนที่รับศีลล้างบาปแล้ว 510คน และกำลังเรียนคำสอนเพื่อเตรียมจิตใจสำหรับการเข้าศีล้างบาปอีก 200 กว่าคน กว่า 30 ปี มีคุณพ่อที่เคยดูแลเขตวัดนักบุญเปาโล นาเกียนเริ่มด้วยคุณพ่อสมพงษ์ กัมพลกูล, คุณพ่อสุธี เจริญกูล (สำหรับคุณพ่อสุธี เจริญกูล เป็นเจ้าวัดที่อยู่นานที่สุดและได้ริเริ่มนำตัวอักษาโรมันมาใช้กับภาษาโปล่ง จนมีหนังสือเพลง บทอ่านต่างๆ ด้วย) คุณพ่อสถิต สะอิ คุณอนุพงษ์ ดำรงอุษาศีล คุณพ่อธงชัย สุวรรณใจ คุณพ่อจตุพงษ์ โชคบวรสกุล คุณพ่อประภาส สายธารวนาวาส คุณพ่อธงชัย วิวัน์ชาวพันธ์ และ คุณพ่อศตวรรษ ไฝ่หาคุณธรรม เจ้าวัดปัจจุบัน

ปัจจุบันคริสตชนพี่น้องกระเหรี่ยงโผล่งเขตวัดนักบุญเปาโล นาเกียน มีลูกวัดที่บวชเป็นพระสงฆ์องค์แรก คือคุณพ่อเปาโล พิชิต จำปาพยุง เป็นนักบวชหญิง 4 คน คือ ซิสเอตร์ เทเรซา นฤมล ประเสริฐ คณะแม่ปอน เซอร์ เออร์เชนี จำปาพยุง (น้องสาวคุณพ่อพิชิต) คณะเซนต์ปอลเดอชาร์ตร เซอร์เจสซีกา ประเสริฐ คณะเซนต์ปอลเดอชาร์ตร คณะถวายตนในคณะกาปูชิน อีก 1 คน

(คุณพ่อณรงค์ชัย หมั่นศึกษา)