คู่มือการสอนคำสอนคาทอลิก (ฉบับใหม่)

คู่มือการสอนคำสอนคาทอลิก (ฉบับใหม่)

วาติกัน 25 มิถุนายน 2020 (CNA)

อาร์บิชอป ริโน ฟิซิเคลล่า ได้แถลงข่าวที่วาติกัน ถึงหนังสือคู่มือสำหรับการสอนคำสอนฉบับล่าสุด เพราะมีการพัฒนาหลายอย่างทางด้านวิทยาศาสตร์ใหม่ๆ เราจึงต้องปรับปรุงคู่มือนี้ เพื่อให้เคารพพระประสงค์สร้างสรรค์ของพระเจ้า และศักดิ์ศรีมนุษย์

หนังสือ 300 หน้า ให้ข้อกำหนดสากลแก่บรรดาผู้อภิบาล และครูคำสอนในงานการประกาศข่าวดี หนังสือนี้ถูกเขียนโดยต่อเนื่องกับคู่มือของพระศาสนจักร ตั้งแต่ ค.ศ. 1971 และ 1997 เสนอการสอนของพระศาสนจักรคาทอลิก ในประเด็นที่กำลังเผชิญในสังคมปัจจุบัน รวมทั้งปัญหาด้านชีวจริยศาสตร์ใหม่ๆ ที่ไม่มีกล่าวถึงในคู่มือฉบับก่อนนี้

ปัญหาด้านชีวจริยศาสตร์ท้าทายการสอนคริสตศาสนธรรม และหน้าที่ให้ความรู้ความเข้าใจ ดังนั้นในการสอน ผู้สอนจำเป็นต้องรับการอบรมที่ดีในปัญหาต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องชีวิต

เราจำเป็นต้องให้ความสนใจต่อการพัฒนาต่างๆในวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี่ ต้องรับมือกับเรื่องเพศ (gender) และชีวจริยศาสตร์ในย่อหน้าที่ 373-378 และตอนท้ายของภาคนี้ก็ให้ “องค์ประกอบพื้นฐาน” 4 ประการ สำหรับการช่วยตัดสินที่เกี่ยวกับเรื่องชีวจริยศาสตร์

“พระเจ้าเป็นจุดอ้างอิงของชีวิตเริ่มต้น และจุดสุดท้าย ตั้งแต่การปฏิสนธิ จนถึงความตายแบบธรรมชาติ บุคคลเป็นหนึ่งเดียวเสมอของจิต และร่างกาย วิทยาศาสตร์ก็เพื่อรับใช้มนุษย์ เราต้องยอมรับเงื่อนไข เพราะธรรมล้ำลึกปัสกาของพระเยซูคริสตเจ้าช่วยไถ่กู้เรา

สมณกระทรวงเพื่อส่งเสริมการประกาศข่าวดีใหม่ได้เสนอคู่มือฉบับนี้ใน วันที่ 25 มิถุนายน ค.ศ. 2020 อาร์คบิชอปริโน ฟิซิเคลล่า ได้บอกบรรดานักข่าวว่า คู่มือนี้ต้องตอบ “ทุกเรื่องในสถานการณ์เหล่านี้” ซึ่งเกี่ยวข้องกับชีวจริยศาสตร์ เพราะสัมพันธ์ต่อมนุษย์ในมิติมนุษย์วิทยา คู่มือนี้มิได้ตอบทุกปัญหาที่ยังไม่ชัดเจน ดังนั้นจึงเสนอปัญหาทั่วๆไป

จุดมุ่งหมายของคู่มือนี้ เพื่อบรรดาบิชอป ผู้อภิบาล และชาวคาทอลิกทุกคนที่เกี่ยวข้องในการสอนความเชื่อ ยืนยันได้ว่าการค้นคว้าวิจัยทางวิทยาศาสตร์ และข้อประยุกต์ มิใช่เป็นกลางด้านศีลธรรม

กิจการด้านศีลธรรมไม่สามารถยึดหลักด้านประสิทธิผลด้านเทคนิคอย่างเดียว คือจากผลประโยชน์ หรือจากแนวคิดที่มีอิทธิพล เพราะมันขัดแย้งกับศักดิ์ศรีมนุษย์

คู่มือนี้รวมเรื่องชีวจริศาสตร์ด้วย เช่น ฐานะบุคคลของทารกก่อนคลอด การช่วยให้กำเนิดโดยอาศัยการแพทย์ คำนิยามเรื่องความตาย การุณยฆาต การดูแลแบบผ่อนคลาย สุขภาพและการทดลองเกี่ยวกับมนุษย์ เช่น การจัดการด้านพันธุศาสตร์ และชีวเทคโนโลยี….

ข้อมูลเกี่ยวกับการสอนของพระศาสนจักรคาทอลิกเรื่องชีวจริยศาสตร์ ท่านสามารถค้นคว้าจากหนังสือคำสอนของพระศาสนจักรคาทอลิก (CCC 2373 – 2379) และสภาประมุขบาทหลวงสามารถพิจารณาสภาพแวดล้อมเฉพาะในแต่ละประเทศได้

ฟ.วีระ อาภรณ์รัตน์ แปล
26/6/2020

การเข้าเฝ้าแบบทั่วไปกับสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส วันพุธที่ 24 มิถุนายน ค.ศ. 2020 การสวดภาวนาของดาวิด

การเข้าเฝ้าแบบทั่วไปกับสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส
วันพุธที่ 24 มิถุนายน ค.ศ. 2020 การสวดภาวนาของดาวิด

“โดยที่ได้รับการโปรดปรานพิเศษจากพระเจ้า ดาวิดได้รับการเลือกให้ทำพันธกิจพิเศษ
ซึ่งจะมีบทบาทในประวัติศาสตร์แห่งประชากรของพระเจ้าและในความเชื่อของเรา”

วันพุธที่ 24 มิถุนายน 2020

การเข้าเฝ้าสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสแบบทั่วไปเช้านี้ เริ่มเวลา 9.25 น. ถ่ายทอดสดจากห้องสมุดวาติกัน

ในการปราศรัยเป็นภาษาอิตาเลียน สมเด็จพระสันตะปาปาทรงสอนคำสอนเรื่องการสวดภาวนาต่อไปจากอาทิตย์ที่แล้วโดยเน้นเรื่อง “การสวดภาวนาของดาวิด” (สดด. 18: 2-3; 29, 33) 

หลังจากที่สรุปคำสอนเป็นภาษาต่างๆแล้วสมเด็จพระสันตะปาปาทรงกล่าวต้อนรับผู้ที่มาเข้าเฝ้า

การเข้าเฝ้าสิ้นสุดลงด้วยการสวดภาวนาข้าแต่พระบิดาของข้าพเจ้าทั้งหลาย ตามด้วยการอวยพรของสมเด็จพระสันตะปาปา

ต่อไปนี้เป็นคำแปลของคำปราศรัยโดยสำนักข่าววาติกัน

***

การสอนคำสอนของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส

อรุณสวัสดิ์ ลูกๆ และพี่น้องชายหญิงที่รักทั้งหลาย

        ในการสอนคำสอนเกี่ยวกับการสวดภาวนาวันนี้ พวกเราจะไตร่ตรองถึงการภาวนาของกษัตริย์ดาวิด  เพราะเขาได้รับการโปรดปรานตั้งแต่เด็ก เขาถูกเลือกให้ทำพันธกิจพิเศษซึ่งมีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์แห่งประชากรของพระเจ้าและกับความเชื่อของพวกเรา  ในพระวรสารพระเยซูคริสต์ถูกกล่าวขานว่าเป็น “บุตรแห่งดาวิด” หลายต่อหลายครั้ง  ความจริงก็คือพระองค์ทรงบังเกิดที่ตำบลเบธเลเฮ็ม ตามคำสัญญาพระผู้ไถ่จะมาจากลูกหลานของดาวิด จะเป็นกษัตริย์ที่เป็นไปตามพระประสงค์ของพระเจ้า จะนบนอบอย่างครบครันต่อพระบิดา ซึ่งการกระทำของเขาจะซื่อสัตย์ตามแผนการแห่งการไถ่กู้ของพระเจ้า (ดู คำสอนของพระศาสนจักร ข้อ 2579) 

        เรื่องราวของดาวิดเริ่มขึ้นแถวเนินเขาที่ล้อมรอบเบธเลเฮ็ม ซึ่งเขาเลี้ยงแกะของเจสซีผู้บิดา เขาดูเป็นเด็กธรรมดา เขาเป็นคนสุดท้องที่มีพี่หลายคนกดู จนกระทั่งเมื่อประกาศกซามูเอลได้รับพระบัญชาจากพระเจ้าให้ไปแสวงหากษัตริย์คนใหม่ ดูเหมือนบิดาของเขาแทบจะลืมนึกถึงบุตรชายคนเล็ก (ดู 1 ซมอ.16: 1-13)  เขาทำงานกลางแจ้ง พวกเราอาจนึกถึงเขาว่าเป็นมิตรกับสายลม กับเสียงธรรมชาติ กับแสงอาทิตย์ เขามีมิตรเพียงหนึ่งเดียวนั่นคือพิณเพื่อบรรเทาดวงวิญญาณของเขา และในวันที่ยืดยาวในการที่อยู่อย่างสันโดษในท้องทุ่ง เขาชอบดีดพิณและร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า นอกจากนั้นเขายังชอบยิงหนังสติ๊กด้วย

        ดังนั้นประการแรกดาวิดจึงเป็นเด็กเลี้ยงแกะ เป็นคนเลี้ยงดูปศุสัตว์ที่คอยปกป้องฝูงสัตว์มิให้มีอันตรายและหาหญ้าให้สัตว์เลี้ยงเหล่านั้น  เมื่อพระประสงค์ของพระเจ้าต้องการให้เขาเป็นคนเลี้ยงดูประชากร  สิ่งต่างๆที่เขาจะทำจึงไม่ค่อยจะแตกต่างกันสักเท่าใด นี่คือเหตุผลที่ภาพลักษณ์ของคนเลี้ยงแกะจึงปรากฏขึ้นบ่อยๆในพระคัมภีร์ แม้กระทั่งพระเยซูคริสต์เองก็ทรงเรียกพระองค์เองว่าเป็น “ผู้เลี้ยงแกะที่ดี” ซึ่งนิสัยใจคอย่อมแตกต่างจากพ่อค้าหรือคนรับจ้าง  พระองค์ทรงยอมมอบชีวตของตนเพื่อฝูงแกะ ทรงแนะนำฝูงแกะ พระองค์ทราบชื่อของแกะแต่ละตัว” (ยน. 10: 11-18)

        ดาวิดเรียนรู้งานของตนเองเป็นอย่างดีจากงานเก่าของเขา  ดังนั้นเมื่อประกาศกนาธานตำหนิเขาเพราะเขาทำบาปหนัก (2 ซมอ. 12: 1-15) ดาวิดเข้าใจโดยทันทีว่าตนเป็นผู้เลี้ยงแกะที่เลว ตนได้ทำลายชายอีกคนหนึ่งที่ตนรัก ตนมิได้เป็นผู้รับใช้อย่างสุภาพอีกต่อไป แต่เป็นคนที่ลุแก่อำนาจ เป็นคนขี้ขโมย และเป็นคนที่แสวงหาผู้ที่จะตกเป็นเหยื่อ

        คุณสมบัติประการที่สองแห่งกระแสเรียกของดาวิดคือดวงวิญญาณที่เป็นนักกวี หรือศิลปินของเขา จากการสังเกตพวกเราสามารถอุปมาได้ว่าดาวิดไม่ใช่คนต่ำต้อยธรรมดาๆดังที่บ่อยครั้งพวกเราพบกับกรณีของปัจจเจกบุคคลบางคนที่ถูกบังคับให้ต้องดำเนินชีวิตอยู่อย่างสันโดษจากสังคมเป็นเวลาช้านาน ตรงกันข้ามเขาเป็นคนที่มีความรู้สึกไว เป็นคนที่รักดนตรีและชอบร้องเพลง เขาจะมีพิณติดตัวอยู่เสมอ บางครั้งเขาก็ขับร้องเพลงแสดงความชื่นชมยินดีถวายพระเจ้า (2 ซมอ. 6: 16) บางครั้งก็แสดงความเสียใจ หรือสารภาพบาปของตน (สดด. 51: 3)

        โลกที่ปรากฏอยู่ต่อหน้าต่อตาของเขาไม่ได้เป็นฉากที่เงียบสงบ เนื่องจากเขาเห็นพระธรรมล้ำลึกที่ยิ่งใหญ่ในสิ่งต่างๆที่เขาพิศเพ่ง นี่คือบ่อเกิดแห่งการสวดภาวนาของเขาจากการที่เชื่อมั่นว่าชีวิตมิใช่อะไรที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เป็นพระธรรมล้ำลึกที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับบทกวี ดนตรี ความกตัญญู การสรรเสริญ กระทั่งการคร่ำครวญและการวิงวอนในตัวของพวกเรา  เมื่อผู้ใดขาดซึ่งมิติแห่งจินตกวี  หรือขาดสุนทรีของกวีกลอน ดวงวิญญาณของเขาก็จะพิการ  ดังนั้นกิตติศัพท์จึงเล่าลือกันว่าดาวิดเป็นศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ผู้อยู่เบื้องหลังบทเพลงสดุดี บทเพลงสดุดีหลายบทต้นๆ มีการอ้างอย่างชัดเจนถึงกษัตริย์แห่งอิสราเอล และบางเหตุการณ์ที่ไม่ค่อยสวยงามนักในชีวิตของเขา

        เพราะฉะนั้นดาวิดจึงมีความฝันที่จะเป็นผู้เลี้ยงแกะที่ดี บางครั้งเขาก็จริงจังมาก บางครั้งก็หย่อนยานหน่อย ทว่าในบริบทแห่งประวัติศาสตร์ของการไถ่กู้เขาเป็นคำทำนายองของกษัตริย์อีกองค์หนึ่งซึ่งเขาเองเป็นเพียงผู้ป่าวประกาศ และเป็นภาพพจน์ล่วงหน้า

        จงมองไปยังดาวิด จงคิดเกี่ยวกับดาวิด เป็นทั้งคนศักดิ์สิทธิ์และคนบาป เป็นทั้งผู้ที่ถูกเบียดเบียนและเป็นผู้เบียดเบียน เป็นทั้งเหยื่อและเป็นผู้ฆ่า ฟังแล้วดูจะขัดแย้งกัน ดาวิดเป็นทุกอย่าง ซึ่งพวกเราเองก็เช่นเดียวกัน พวกเราต่างก็มีประวัติที่ขัดแย้งกันในละครแห่งชีวิต บ่อยครั้งทุกคนทำบาปเพราะความไม่เสมอต้นเสมอปลาย มีแนวทางอยู่แนวเดียวในชีวิตของดาวิดที่สร้างความเป็นเอกภาพให้กับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น นั่นคือการสวดภาวนาซึ่งเป็นเสียงที่ไม่เคยดับ  ดาวิดผู้เป็นนักสวดภาวนา ดาวิดผู้เป็นคนบาปสวดภาวนา ดาวิดผู้ถูกเบียดเบียนสวดภาวนา ดาวิดนักเบียดเบียนสวดภาวนา ดาวิดแม้จะเป็นคนที่ฆ่าคนก็สวดภาวนา นี่คือแนวโน้มดุจทองคำล้ำค่าที่อยู่กับดาวิดจนตลอดชีวิต เขาเป็นบุคคลแห่งการสวดภาวนา นี่เป็นเสียงที่ไม่เคยหยุดไม่ว่าจะเป็นเสียงแห่งความชื่นชมยินดี หรือเสียงคร่ำครวญก็เป็นการสวดภาวนาทั้งสิ้น เพียงแต่ถ้วงทำนองเท่านั้นที่แปรเปลี่ยนไป  ในการกระทำดังกล่าวดาวิสสอนพวกเรา ให้พวกเราทำทุกสิ่งเป็นการเสวนากับพระเจ้า ทั้งเรื่องที่น่ายินดีและเรื่องความผิดพลาดของพวกเรา ทั้งเรื่องความรักและเรื่องความทุกข์ ทั้งเรื่องมิตรภาพและเรื่องความเจ็บไข้ได้ป่วย ทุกอย่างเป็นคำพูดได้กับ “พระองค์” ผู้ทรงสดับฟังพวกเราอยู่เสมอ

        ดาวิดผู้ทรงทราบดีถึงความสันโดษ  อันที่จริงแล้วเขาไม่เคยต้องอยู่ตามลำพัง ในที่สุดจะเป็นพลังแห่งคำภาวนาสำหรับทุกคนที่มีพื้นที่สำหรับการสวดภาวนาในชีวิต การสวดภาวนาทำให้พวกเรามีศักดิ์ศรี ดาวิดมีเกียรติมีศักดิ์ศรีก็เพราะเขาสวดภาวนา แต่เขาเป็นคนฆ่าคนที่สวดภาวนาด้วย   เขาเสียใจแล้วศักดิ์ศรีก็หวนกลับมาหาเขาอีกครั้งหนึ่ง  การสวดภาวนาทำให้พวกเรามีศักดิ์ศรีเช่นกัน ซึ่งสามารถสร้างมิตรภาพของพวกเรากับพระเจ้า ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมเดินทางที่แท้จริงในการเดินทางของมนุษย์ทุกคนท่ามกลางอุปสรรคร้อยแปดแห่งชีวิต ไม่ว่าจะดีหรือร้ายแต่ต้องสวดภาวนาเสมอ  ข้าแต่พระเจ้า ขอขอบคุณพระองค์ ลูกรู้สึกกลัว โปรดช่วยลูกด้วยเถิดพระเจ้าข้า โปรดให้อภัยแก่ลูกด้วยเถิดพระเจ้าข้า  ความไว้วางใจของดาวิดนั้นยิ่งใหญ่จนว่าเมื่อเขาถูกเบียดเบียนแล้วต้องหนีตาย  เขาไม่ได้ขอร้องให้ใครมาปกป้องเขา “หากพระเจ้าทำให้ข้าพเจ้าต้องตกต่ำเช่นนี้ พระองค์ทรงทราบดีว่าพระองค์กำลังทำอะไรอยู่”  เพราะศักดิ์ศรีแห่งการสวดภาวนาทำให้พวกเราอยู่ในพระหัตถ์ของพระเจ้า พระหัตถ์เหล่านั้นที่ถูกทำให้มีบาดแผลเพราะความรัก เป็นพระหัตถ์แท้จริงแต่อย่างเดียวที่พวกเรามี                            

พระสันตะปาปาทรงทักทายเป็นภาษาอังกฤษ

        ขอต้อนรับพี่น้องที่พูดภาษาอังกฤษทุกคนที่ร่วมใจกับเราทางสื่อ พ่อขอความชื่นชมยินดี และความสุขของพระเยซูคริสต์จงประทับอยู่กับท่านและครอบครัวของท่าน ขอพระเจ้าทรงอวยพรทุกคน

พระสันตะปาปาทรงทักทายเป็นภาษาสเปน

        ในการทักทายสัตบุรุษเป็นภาษาสเปน สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงเอ่ยถึงแผ่นดินไหวที่รุนแรงทางตอนใต้ของประเทศเม็กซิโกเมื่อวานนี้ ก่อให้เกิดการสูญเสียชีวิตการบาดเจ็บและความสูญเสียเป็นอันมาก “ขอให้พวกเราภาวนาสำหรับพวกเขาที่ประสบภัย” พระองค์ตรัส “ขอให้ความช่วยเหลือของพระเจ้าและบรรดาพี่น้องประทานพละกำลังและการสนับสนุน พี่น้องชายหญิงที่รักทั้งหลาย  พ่ออยู่ใกล้ชิดกับพวกท่าน”

(วิษณุ ธัญญอนันต์ – เก็บการสอนคำสอนของพระสันตะปาปามาแบ่งปันและไตร่ตรอง)

ปี เลาดาโต ซี

ปี เลาดาโต ซี

24 พฤษภาคม ค.ศ.2020 ถึง 24 พฤษภาคม ค.ศ. 2021 ทั้งปี

🌏🥦🥑🥭🍇☀️🌽🍊🍉🌶🌕

ขอเชิญร่วมฉลองครบ 5 ปีของ ‘สมณสาส์นเลาดาโต ซี’ โป๊ปฟรังซิสทรงเชิญเราฉลอง ‘สมณสาส์นเลาดาโต ซี’ ตั้งแต่วันที่ 24 พฤษภาคม ค.ศ.2020 ถึง 24 พฤษภาคม ค.ศ. 2021 ทั้งปีมีหลายทางที่เธอสามารถมีส่วนร่วมจากที่บ้านของเธอเอง พร้อมกับสมาชิกในครอบครัว กลุ่ม เขตวัด และหมู่คณะ

ปีนี้เชิญเราเอาใจใส่ดูแลรักษาโลก ธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม เรียนรู้ ร่วมกิจกรรมและสวดภาวนา การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ เป็นเรื่องสำคัญต้องช่วยกันรักษาธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม เราต้องกลับใจด้านนิเวศวิทยา

เราอยู่ในวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า วิถีชีวิตใหม่เราต้องเอาใจใส่ดูแลแก้ไขสิ่งที่ตามมา เรามีโอกาสมาร่วมมือกันทำให้วิถีชีวิตใหม่ดีกว่าแต่ก่อน โป๊ปฟรังซิสทรงสอนเราให้สร้างโลกที่ยุติธรรม และยั่งยืนยิ่งขึ้นด้วยกัน

เหตุผลของ ปี เลาดาโต ซี

1. ฉลอง 5 ปี ของพระสมณสาส์น เลาดาโต ซี
2. การแพร่ระบาดของโควิด 19 ช่วยให้เราตระหนักว่า ทุกสิ่งทุกอย่างสัมพันธ์กัน และขึ้นต่อกันและกัน
3. เพื่อเตรียมโลกที่ดีกว่าปัจจุบันแก่เด็กๆ ของเรา

“โลกแบบใด ที่เราต้องการเก็บไว้ให้เด็กๆ ที่กำลังเติบโต ตามหลังเรา” โป๊ปฟรังซิส

บทภาวนา ปี เลาดาโต ซี

🙏ข้าแต่พระเจ้าผู้ทรงรักเรา

พระผู้สร้างสวรรค์ และแผ่นดิน และทุกสิ่งที่อยู่ในนั้น พระองค์ทรงสร้างข้าพเจ้าทั้งหลายให้มีภาพลักษณ์ของพระองค์เอง และทรงมอบหน้าที่ให้ดูแลสิ่งสร้างทั้งหมดของพระองค์ พระองค์ได้อวยพรแก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย โดยอาศัยดวงอาทิตย์ น้ำ และแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ เพื่อว่าทุกสิ่งจะได้รับการบำรุงเลี้ยง

🙏โปรดเปิดจิตใจ และสัมผัสหัวใจของข้าพเจ้าทั้งหลาย🙏

เพื่อข้าพเจ้าทั้งหลาย ดูแลของประทานแห่งสิ่งสร้างจากพระองค์ โปรดช่วยข้าพเจ้าทั้งหลายให้ตระหนักว่า บ้านส่วนรวมของเรา มิได้เป็นของเราเท่านั้น แต่เป็นของทุกสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างขึ้น และชนทุกรุ่นในอนาคต และเป็นความรับผิดชอบของเราที่จะต้องปกปักรักษาไว้ โปรดให้ข้าพเจ้าทั้งหลายช่วยเหลือ แต่ละคนให้มั่นใจว่า จะมีอาหาร และทรัพยากรที่จำเป็น

🙏โปรดประทับอยู่กับบรรดาคนขัดสน ในยามถูกทดลอง เป็นพิเศษคนยากจนที่สุด และผู้ที่เสี่ยงถูกทิ้งไว้ข้างหลัง โปรดเปลี่ยนความกลัว และความรู้สึกโดดเดี่ยว ให้มีความหวังและภราดรภาพ เพื่อข้าพเจ้าทั้งหลายมีประสบการณ์การกลับใจที่แท้จริง

🙏โปรดช่วยข้าพเจ้าทั้งหลายปฏิบัติความเป็นปึกแผ่นหนึ่งเดียวกันที่สร้างสรรค์ ต่อผลที่ตามมาจากการแพร่ระบาดทั่วโลกครั้งนี้ โปรดทำให้ข้าพเจ้าทั้งหลาย กล้ายอมรับการเปลี่ยนแปลงต่างๆที่จำเป็น เพื่อความดีส่วนรวม ปัจจุบันนี้ยิ่งกว่าก่อน ข้าพเจ้าทั้งหลายรู้สึกว่าข้าพเจ้าทั้งหลายสัมพันธ์กัน และขึ้นต่อกัน โปรดช่วยข้าพเจ้าทั้งหลายให้สามารถรับฟัง และตอบสนองเสียงร้องคร่ำครวญของโลก และเสียงร้องคร่ำครวญของคนยากจน โปรดให้ความทุกข์ปัจจุบัน ช่วยให้เกิดโลกที่รู้สึกเป็นพี่น้องกัน และช่วยเหลือกันมากยิ่งขึ้น

🙏ภายใต้สายตาแห่งความรัก ของพระนางมารีย์ ความช่วยเหลือของบรรดาคริสตชน ข้าพเจ้าทั้งหลายภาวนา อาศัยพระคริสตเจ้า องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้าทั้งหลาย อาแมน

++++++++++

(ฟ.วีระ อาภรณ์รัตน์ แปล 24/6/2020 )

(ฟ. วีระ อาภรณ์รัตน์)

แผนกกลุ่มชาติพันธุ์ฯ และวัดคาทอลิกฝาง ร่วมแบ่งปันแก่ชุมชน

แผนกกลุ่มชาติพันธุ์ฯ และวัดคาทอลิกฝาง ร่วมแบ่งปันแก่ชุมชน

หลังจากสถานการณ์โรคระบาด COVID-19 ดีขึ้น แผนกกลุ่มชาติพันธุ์ ภายใต้ฝ่ายงานสังคม สังฆมณฑลเชียงใหม่ และศูนย์ประสานงานหลักประกันสุขภาพประชาชนเครือข่ายชาติพันธุ์จังหวัดเชียงใหม่ ได้ลงพื้นที่อำเภอฝางและอำเภอแม่อาย เพื่อติดตามกิจกรรมการส่งเสริมความมั่นคงทางอาหารที่ได้รับการสนับสนุนจาก สสส.สำนัก 5 ร่วมกับวัดคาทอลิกฝางและผู้นำกลุ่มชาติพันธุ์ พบว่า ในช่วงเมษายน-พฤษภาคม 2563 วัดคาทอลิกฝางและเครือข่ายชาติพันธุ์ได้นำผลผลิตที่เกิดในโครงการแบ่งปันให้กับชาวบ้านรอบๆ โบสถ์และในชุมชน รวมถึงได้วางแผนปฎิบัติการร่วมมือกันส่งเสริมให้กลุ่มชาติพันธุ์อนุรักษ์เมล็ดพันธุ์เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหารทั้งระดับวัดและระดับชุมชนต่อไป

ข้อตกลงจากการสัมมนาพระสงฆ์สังฆมณฑลเชียงใหม่

ข้อตกลงจากการสัมมนาพระสงฆ์สังฆมณฑลเชียงใหม่

บรรดาพระสงฆ์สังฆมณฑลเชียงใหม่  สัมมนาเรื่อง “ถุงหนังใหม่สำหรับเหล้าองุ่นใหม่” วันที่ 17-19 มิถุนายน  ค.ศ. 2020 ณ ศูนย์เรียนรู้นักบุญฟรังซิสอัสซีซี  อำเภอขุนยวม  จังหวัดแม่ฮ่องสอน  ผู้ร่วมสัมมนา 39 คน  หลังจากได้มองประวัติศาสตร์การแพร่ธรรมของสังฆมณฑล  การตั้งศูนย์สงเคราะห์เด็กและเยาวชน ฯลฯ  จึงมี ข้อตกลง ดังต่อไปนี้

  1. การเยี่ยมเยียน  เราจะพยายามออกไปเยี่ยมเยียนสัตบุรุษมากขึ้น
  2. การสร้างทีม  วางระบบการทำงาน  และการประเมินผล
  3. การใช้สื่อเพื่อการประกาศข่าวดี มากขึ้น เป็นพิเศษทางเฟสบุ๊คสังฆมณทล
  4. ดินแดนธรรมทูต ดังที่ตุลาคม 2019 ทั้ง 4 เขตได้ออกไปเยี่ยม เช่น อำเภอปาย  กัลยาณิวัฒนา อำเภอสบเมย  อำเภออมก๋อย  ตำบลเสาหิน  และ ตำบลแม่เหาะ
  5. การทำบัญชีของวัด เงินตอบแทนบุคลากร  ทุกวัดจะทำส่ง  แผนกการเงินทุก 2 เดือน
  6. เงินทำบุญมิสซา ให้เข้าวัด  พระสงฆ์รับได้ วันละ 150 บาท
  7. ศูนย์เรียนรู้นักบุญฟรังซิส  แบ่งเป็น 3 เขต  คือ ศูนย์เรียนรู้  และนา พ่อประภาส เจ้าวัดดูแล  วัฒนธรรม   พ่อทูน  เกษตรกรรม  พ่อคำมา  ผู้รับผิดชอบหลักคือพ่อเจริญ  (หัวหน้าเขต 4)  พ่อดุรงค์ฤทธิ์  พ่อณรงค์ชัย และพ่อบุญเลิศ  (อุปสังฆราช)

ศูนย์สงเคราะห์เด็กและเยาวชนคาทอลิก  หลังจากได้ฟังประวัติของศูนย์ขุนยวม  และแม่ลาน้อย  สรุปวัตถุประสงค์ของศูนย์คาทอลิก  คือ

ก.  เพื่อการศึกษาต่อเนื่องของเด็ก  และเยาวชนคาทอลิก
ข.  เพื่อสอนคำสอน  ชีวิตคริสตชน  และส่งเสริมกระแสเรียก
ค.  เพื่อรักษาวัฒนธรรม  ประเพณี

            เมื่อรัฐบาลกำหนดให้ทุกศูนย์ต้องมีนักจิตวิทยา  นักสังคมสงเคราะห์  และการพิทักษ์คุ้มครองเด็ก  เราพิจารณาสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน  และบุคลากรของเรา เห็นสมควรว่า

  1. ต้องเพิ่มบุคลากร ทั้งชาย – หญิง ให้มีคุณภาพ นอกจากพระสงฆ์  และนักบวช
  2. ในเขต 4 ควรพัฒนา ศูนย์ขุนยวม แม่ลาน้อย และลดศูนย์อื่นที่ขาดผู้ดูแล  ในอนาคตอันใกล้

เราปิดสัมมนาในวันสมโภชพระหฤทัยพระเยซูเจ้า  วัน Sanctification   สำหรับพระสงฆ์   และร่วมกันภาวนา  ขอพระแม่มารีย์ปกป้องคุ้มครองผู้เยาว์  และทรงรักษาความปรารถนาของเราให้เป็น “ถุงหนังใหม่  สำหรับเหล้าองุ่นใหม่”

                                                                                           ฟ.วีระ  อาภรณ์รัตน์ สรุป (22/6/2020)

พบไม้กางเขนเก่าแก่ในปากีสถาน

พบไม้กางเขนเก่าแก่ในปากีสถาน

17 มิถุนายน 2020 (Mondo e Missione)

ที่เมือง Skardu  บนภูเขา Karakorum นักโบราณคดีแห่งมหาวิทยาลัย Baltistan ได้ค้นพบไม้กางเขนหินอ่อนใหญ่  ซึ่งทำให้รู้ว่าศาสนาคริสต์อยู่ที่เขตนั้น  นานมาแล้ว

            ประมาณพันปีในเขตเมือง Skardu บนภูเขาทางภาคเหนือของประเทศปากีสถาน  มีชุมชนคริสตชน  โดยมีการประกาศอย่างเป็นทางการ   ในวันอาทิตย์  ที่ 14 มิถุนายน 2020  ว่าค้นพบไม้กางเขน  สูง  2 เมตร  ที่บริเวณภูเขาแอลป  K2 สูง 8609  เมตร (จากระดับน้ำทะเล)  ซึ่งสูงเป็นอันดับที่ 2 ของโลก …กางเขนนี้น่าจะมีอายุ  1000 ปีแล้ว  และเมือง  Skardu น่าจะมีอายุ  1500 ปี  มีชุมชนคริสตชน  ในบริบทของศาสนาพุทธ  (200 ก่อน ค.ศ. – ค.ศ. 500) ก่อนที่ศาสนาอิสลามจะเข้าสู่ดินแดนนี้ (ค.ศ. 711)

            ข้อมูลการค้นพบไม้กางเขนที่ Skardu นี้อาจยืนยันร่องรอยโบราณของศาสนคริสต์บนเทือกเขาปากีสถาน  อาจเป็นผลของการประกาศข่าวดียิ่งใหญ่  ของพระศาสนจักรตะวันออก  บรรดาธรรมทูตยิ่งใหญ่ของพันปีแรกในทวีปอาเซีย  ดังที่ ฟิลิป เจนกินส์  เขียนหนังสือ “เรื่องราวที่สูญหายของศาสนาคริสต์”  (สำนักพิมพ์  EMI) การเทศน์สอนของฤาษีเนสโตเรียนทำให้เกิดชุมชนคริสตชนในประเทศจีน  และหลายแห่งในทวีปอาเซียกลาง การเผยแผ่ข่าวดีในส่วนใหญ่ลำบาก ในศตวรรษต่อมา  ยกเว้นในประเทศอินเดีย  ที่พระศาสนจักรของนิกายมาลาบาร์ (เกราล่า)  และมาลังการา  ที่รู้จักว่าเป็นชาวคริสต์ของนักบุญโทมัส  เหมือนประเพณีเดียวกับอัสซีเรีย

หมายเหตุ         ปากีสถาน มีประชากรประมาณ 180 ล้านคน  นับถือศาสนา

  • ศาสนาอิสลาม  ร้อยละ 96      ประมาณ 173  ล้านคน
  • ศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู  1.85   ประมาณ 3.2   ล้านคน
  • ศาสนาคริสต์ร้อยละ        1.6     ประมาณ  2.8  ล้านคน
  • ศาสนาซิกซ์  ร้อยละ        0.01   ประมาณ 20,000 คน
  • ศาสนาพุทธ  ร้อยละ        0.01  ประมาณ 20,000 คน      (วิถิพีเดีย)

ฟ.วีระ  อาภรณ์รัตน์  แปลสรุป
(21 มิถุนายน 2020)

ประชุมแลกเปลี่ยนเรื่อง กลไกคุ้มครองสิทธิพื้นที่ชาติพันธุ์

ประชุมแลกเปลี่ยนเรื่อง กลไกคุ้มครองสิทธิพื้นที่ชาติพันธุ์

วันที่ 22 มิถุนายน 2020 แผนกกลุ่มชาติพันธุ์ฯ ภายใต้ฝ่ายงานสังคมสังฆมณฑลเชียงใหม่ ร่วมกับ ศูนย์ประสานงานหลักประกันสุขภาพประชาชนเครือข่ายชาติพันธุ์จังหวัดเชียงใหม่ ร่วมเป็นวิทยากรแลกเปลี่ยนเรื่องกลไกคุ้มครองสิทธิพื้นที่ชาติพันธุ์ ตามพรบ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ร่วมกับเครือข่ายผู้พิการจังหวัดเชียงใหม่ และเทศบาลแม่ปูคา อำเภอสันกำแพง โดยมีนายกเทศบาลแม่ปูคาเป็นประธานกล่าวเปิดงาน รวมถึงมีเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลสันกำแพงร่วมเป็นวิทยากรแบ่งปันในครั้งนี้ด้วย

สาส์นถึงสุภาพสตรีพรหมจารี (ถือโสด) ผู้ถวายตัวแด่พระเจ้า

สาส์นถึงสุภาพสตรีพรหมจารี (ถือโสด) ผู้ถวายตัวแด่พระเจ้า

สาส์นของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสโอกาสครบ 50 ปี
ในการส่งเสริมให้ปรับปรุงพิธีกรรมการถวายตัวของบรรดาสภาพสตรีพรหมจารีถวายตัวแด่พระเจ้า

ถึง ลูกๆ สุภาพสตรีผู้ถือพรหมจรรย์ หรือผู้ถือโสด ที่รัก

นี่เป็นเวลา 50 ปีมาแล้วที่สมณกระทรวงเพื่อการนมัสการพระเจ้า โดยพระบัญชาของนักบุญเปาโลที่ 6 พระสันตะปาปา ได้มีการปรับปรุงจารีตพิธีใหม่ในการถวายตัวของหญิงพรหมจารีแด่พระเจ้า  เนื่องจากโรคระบาดในขณะนี้ จึงทำให้จำเป็นต้องเลื่อนการประชุมระดับสากล ที่สมณกระทรวงเพื่อการนมัสการพระเจ้าจัดสำหรับสถาบันชีวิตผู้ถวายตัวแด่พระเจ้าเพื่อรำลึกถึงโอกาสครบ 50 ปี  กระนั้น พ่อปรารถนาขอร่วมใจกับพวกลูกในการขอบคุณนักบุญเปาโลที่ 6 พระสันตะปาปา ซึ่งได้กล่าวคำปราศรัยกับพวกลูกในโอกาสครบรอบ 25 ปี ซึ่งพระองค์อ้างอิงว่า นี่เป็น “ของขวัญสองประการของพระเจ้าสำหรับพระศาสนจักร” การฟื้นฟูจารีตพิธีกรรม “Ordo fidelium” และ “การฟื้นฟูสู่ชุมชนพระศาสนจักร”  (คำปราศรัยต่อผู้เข้าประชุมสากลเรื่องจารีตพิธีเพื่อสุภาพสตรีพรหมจารี  “Ordo Virginum” วันที่ 2 มิถุนายน ค.ศ. 1995)  รูปแบบชีวิตของพวกลูกมีต้นกำเนิดเบื้องต้น ซึ่งถือตามจารีตพิธีกรรมและตามประมวลกฎหมายพระศาสนจักรมาตรา 604 และ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2018 ตามการแนะนำจากเอกสาร “ภาพลักษณ์ของเจ้าสาวแห่งพระศาสนจักร – Ecclesiae Sponsae Imago” กระแสเรียกของลูกเป็นเครื่องหมายแห่งความมั่งคั่งไม่รู้จบสิ้นอันมากมายด้วยของขวัญแห่งพระจิต ของพระผู้ที่เสด็จกลับฟื้นพระชนม์ ทรงทำให้ทุกสิ่งเป็นของใหม่ (เทียบ  วว. 21:5) เช่นเดียวกันนี่เป็นเครื่องหมายแห่งความหวังด้วยการชี้ให้เห็นถึงความซื่อสัตย์ของพระบิดาเจ้าซึ่งแม้กระทั่งทุกวันนี้ก็ยังจุดประกายในหัวใจของสุภาพสตรีบางคน ให้พวกเขามีความปรารถนาที่จะดำเนินชีวิตโดยการถวายตนเองแด่พระเยซูคริสต์ด้วยการถือพรหมจรรย์ หรือถือโสด ในการดำเนินชีวิตในบริบทของสังคม และวัฒนธรรมที่เป็นรูปธรรมโดยมีรากเหง้าอยู่ในพระศาสนจักรพร้อมกับแสดงออกในงวิถีชีวิตที่เป็นแบบโบราณ แต่ก็อยู่ในความทันสมัย และมีความใหม่อยู่เสมอ

        โดยที่พวกลูกได้รับการติดตามจากผู้นำพระศาสนจักรท้องถิ่น บิชอป ยิ่งวันลูกก็ยิ่งรับรู้ถึงธรรมชาติที่แตกต่างในรูปแบบของชีวิตผู้ถวายตัว พร้อมกับรับรู้ว่าการถวายตัวของลูกนั้นทำให้ลูกอยู่ในบุคคลประเภทผู้มี่ไว้วางใจ “Ordo fidelium” อย่างพิเศษในพระศาสนจักร การดำเนินไปตามเส้นทางนี้ในความร่วมมือกับบิชอปในการพัฒนาโครงการที่ดีเพื่อการไตร่ตรองกระแสเรียก และการอบรมเบื้องต้น รวมถึงการอบรมแบบต่อเนื่องด้วย  ของขวัญแห่งกระแสเรียกของลูกจะเป็นการแสดงออกภายในความเป็นหนึ่งเดียวกันกับพระศาสนจักร ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาเมื่อพระศาสนจักรมองเห็นลูก ซึ่งเป็นสตรีสามารถที่จะดำเนินชีวิตด้วยของขวัญแห่งการเป็นผู้ถวายตัว

        ระยะเวลาห้าสิบปีหลังการฟื้นฟูจารีตพิธีกรรม พ่อปรารถนาที่จะกล่าวสิ่งนี้กับพวกลูก จงอย่าหยุดยั้งธรรมชาติการประกาศพระวรสารแห่งกระแสเรียกของลูก  พวกลูกถูกเรียกไม่ใช่เพราะว่าคุณงามความดีอะไรของลูก  แต่เป็นพระเมตตาของพระเจ้า เพื่อที่จะทำให้ชีวิตของลูกเป็นการสะท้อนถึงพระพักตร์ของพระศาสนจักร ซึ่งเป็นเจ้าสาวของของพระเยซูคริสต์  พระศาสนจักรเป็นพรหมจรรย์ เพราะถึงแม้ว่าจะมีคนบาปพระศาสนจักรก็ยังคงรักษาความเชื่อไว้ไม่ให้เสื่อมคลาย เพื่อทำให้เกิดชีวิตใหม่พร้อมกับส่งเสริมการเจริญเติบโตของมนุษยชาติใหม่  ในความเป็นหนึ่งเดียวกับพระจิต และพร้อมกับพระศาสนจักรทั้งมวล ทุกๆคนที่ได้ฟังพระวาจาของพระเจ้า ลูกถูกเรียกให้ต้องมอบตนเองแด่พระเยซูคริสต์พร้อมกับกล่าวต่อพระองค์ว่า “โปรดเสด็จมาเถิดพระเจ้าข้า” (วว. 22:17) โดยอาศัยวิธีนี้พวกลูกจะมีประสบการณ์กับพลังที่เกิดจากการตอบสนองต่อพระวาจาของพระองค์ “แน่นอน เราจะเสด็จมาในไม่ช้านี้” (วว. 22: 20) การเสด็จมาของเจ้าบ่าวเป็นขอบฟ้าใหม่ และเป็นเป้าหมายแห่งการเดินทางในพระศาสนจักรของลูก เป็นพันธสัญญาที่พวกเราจะต้องต้อนรับใหม่ทุกวัน โดยอาศัยการดำเนินชีวิตในทำนองนี้ “พวกลูกจะเป็นดาราที่คอยแนะนำโลกในการเดินทาง” (สันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 คำปราศรัยต่อผู้เข้าประชุมสมัชชา 0rdo Virginum Congress 15 พฤษภาคม 2008)

พ่อขอให้พวกลูกอ่าน และรำพึงข้อความแห่งจารีตพิธีกรรมที่กล่าวถึงความหมายแห่งกระแสเรียกของลูก  พวกลูกถูกเรียกร้องให้มีประสบการณ์ด้วยตัวตนเอง  แล้วจึงค่อยเป็นประจักษ์พยานต่อผู้อื่นว่า พระเจ้า พระบุตรของพระองค์ ทรงรักพวกเราก่อน ความรักของพระองค์มีต่อทุกคน และความรักนั้นมีพลังที่จะเปลี่ยนแปลงคนบาปให้เป็นนักบุญ เหตุว่า “พระเยซูคริสต์ทรงรักดพระศาสนจักร และทรงพลีพระองค์เองเพื่อพระศาสนจักร ทรงบันดาลให้พระศาสนจักรศักดิ์สิทธิ์ ทรงใช้น้ำและพระวาจาชำระพระศาสนจักรให้บริสุทธิ์” (อฟ. 5: 25-26) ชีวิตของพวกลูกจะเผยให้เห็นแนวโน้มหลังความตายซึ่งจะชุบชีวิตสิ่งสร้างทั้งปวง จะสร้างประวัติศาสตร์ขึ้นใหม่  และจะเกิดขึ้นจากการเชื้อเชิญของพระผู้เสด็จกลับฟื้นพระชนม์ชีพ “(Song 2: 10; cf. ORIGEN, Homilies on the Song of Songs II: 12) บทเทศน์ที่เสนอพิธีกรรมในการถวายตัวเตือนใจพวกลูกให้ “รักทุกคนโดยเฉพาะอย่างยิ่ง บุคคลที่มีความทุกข์ เดือดร้อน” (ข้อ 16)  การถวายตัวของพวกลูกเป็นการอุทิศตนเองให้กับพระเจ้า โดยที่ไม่แยกพวกลูกออกจากบริบทที่พวกลูกกำลังดำเนินชีวิตอยู่ และพวกลูกถูกเรียกร้องให้ต้องเป็นประจักษ์พยานส่วนตัวด้วยการดำเนินชีวิตที่มีความใกล้ชิดกับพระวรสาร (เทียบ Ecclesiaed Sponsae Imago, ข้อ 37-38)  โดยอาศัยความใกล้ชิดดังกล่าวพร้อมกับพี่น้องชายหญิงแห่งยุคของพวกเรา การถวายตัวเป็นพรหมจารีของพวกลูกจะช่วยให้พระศาสนจักรรักคนยากจน ให้รู้จักแยกแยะรูปแบบความจนฝ่ายวัตถุและฝ่ายจิต ให้ช่วยเหลือผู้ที่อ่อนแอเปราะบาง ผู้ที่เผชิญความทุกข์ยากลำบากจากความเจ็บป่วยทั้งฝ่ายกายและฝ่ายจิต ผู้ที่เป็นเด็กและผู้สูงวัย รวมถึงทุกคนที่ตกอยู่ในอันตรายที่จะถูกทอดทิ้งคือผู้ที่ไม่มีผู้ใดสนใจ

        จงเป็นสุภาพสตรีที่มีความเมตตา และเป็นผู้เชี่ยวชาญในความเป็นมนุษย์ เป็นสุภาพสตรีที่เชื่อใน “ธรรมชาติการปฏิรูปแห่งความรักและความอ่อนโยน” (Evangelii Gaudium, ข้อ 288) ช่วงโรคระบาดโควิด19 สอนพวกเราว่า “เวลามาถึงแล้วที่พวกเราจะต้องกำจัดความไม่เท่าเทียมกัน ที่ต้องเยียวยาความอยุติธรรมที่เป็นอันตรายต่อครอบครัวมนุษย์ทั้งปวง” (บทเทศน์ในพิธีมิสซาวันอาทิตย์พระเมตตา 19 เมษายน 2020)  ขอให้ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวสะกิดใจพวกลูก พวกลูกจงอย่าปิดตาทำเป็นมองไม่เห็น และอย่าหนีไปจากการเผชิญความจริง  จงยืนหยัดอยู่พร้อมกับมีความรู้สึกไวต่อความเจ็บปวดและความทุกข์ของพวกเขา จงยืนหยัดในการประกาศพระวรสาร ซึ่งสัญญาที่จะประทานความบริบูรณ์แห่งชีวิตให้กับทุกคน

        บทสวดในพิธีถวายตัวอัญเชิญพระพรหลายประการของพระจิตมายังพวกลูก และวิงวอนให้พวกลูกสามารถเจริญชีวิตอยู่ในชนชั้นแห่งอิสระภาพ “casta libertas” (Rite of Consesecration of Virgins, ข้อ 24) ซึ่งเป็นวิถีชีวิตของพวกลูกในความสัมพันธ์กับผู้อื่น เพื่อว่าพวกลูกจะได้กลายเป็นเครื่องหมายแห่งความรัก ที่เชื่อมพระเยซูคริสต์กับพระศาสนจักร พรหมจารีกับมารดา น้องสาวและกัลยาณมิตรกับทุกคน โดยอาศัยความสุภาพ อ่อนโยนของพวกลูก (เทียบ ฟป. 4: 5) พวกลูกจะเป็นสายใยที่สานความสัมพันธ์ที่แท้จริง ซึ่งสามารถทำให้เพื่อนบ้านของพวกเราลดการอยู่อย่างสันโดษตามลำพังให้น้อยกว่าเดิม จงเป็นคนซื่อตรงและสามารถที่จะพูดสิ่งต่างๆได้อย่างตรงไปตรงมา แต่ขอให้ระมัดระวังที่จะไม่พูดจาเหลวไหลหรือนินทาว่าร้านผู้อื่น จงมีปรีชาญาณ มีสมาธิ มีสติ มีความรักเมตตา เพื่อที่จะกล้ายืนขึ้นท้าทายคนที่หยิ่งยะโส และป้องกันมิให้มีการใช้อำนาจไปในทางที่มิชอบ

ในวันสมโภชพระจิตนี้  พ่อขออวยพรแก่ลูกแต่ละคน และสุภาพสตรีทุกคนที่กำลังเตรียมตนเองเพื่อถวายตัว รวมถึงทุกคนที่จะถวายตัวในอนาคต “พระเจ้าประทานพระจิตให้กับพระศาสนจักรในฐานะที่เป็นเจ้าสาวของพระเยซูคริสต์ ผู้ทรงได้รับพระสิริรุ่งนพระชายาของโรจน์” (นักบุญเปาโลที่ 6 Gaudete in Domino) เนื่องจากพวกลูกเป็นเครื่องหมายแห่งพระศาสนจักรในฐานะที่เป็นเจ้าสาว ขอให้พวกลูกเป็นสุภาพสตรีที่มีความชื่นชมยินดีเสมอโดยเลียนแบบฉบับของมารีย์แห่งนาซาเร็ธ สตรีแห่งมักญีฟีกัต (Magnificat) และมารดาแห่งพระวรสารผู้ทรงชีวิต


ให้ไว้ ณ มหาวิหาร เซนต์ยอห์น ลาเตรัน กรุงโรม
วันอาทิตย์ที่ 31 พฤษภาคม 2020 วันสมโภชพระจิต

(วิษณุ ธัญญอนันต์ – เก็บสาส์นของพระสันตะปาปาฟรานซิสมาแบ่งปันและไตร่ตรอง)

25 ปีชีวิตนักบวชของซิสเตอร์เซซีลีอา มานิดา โรจนเครือวัลย์ และ 25 ปีชีวิตสงฆ์คุณพ่อสมยศ เทพสมุทร

25 ปีชีวิตนักบวชของซิสเตอร์เซซีลีอา มานิดา โรจนเครือวัลย์ และ 25 ปีชีวิตสงฆ์คุณพ่อสมยศ เทพสมุทร

วันที่ 20 มิถุนายน 2020 ที่วัดนักบุญเปาโล บ้านอมลอง ตำบลบ่อสลี อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ ได้มีพีโททนาคุณพระเจ้าโอกาสครอบรอบ 25 ปีชีวิตนักบวชของซิสเตอร์เซซีลีอา มานิดา โรจนเครือวัลย์ และ 25 ปีชีวิตสงฆ์ของคุณพ่อสมยศ เทพสุทร ซึ่งเป็นคุณพ่อผู้ช่วยเจ้าอาวาสในเขตวัดนี้ด้วย สำหรับคุณพ่อสมยศ เทพสมุทร เป็นสัตบุรุษวัดกาญจนบุรี กำลังสมัครเข้ามาสังกัดสังฆมณฑลเชียงใหม่ จึงถือโอกาสร่วมยินดีพร้อมกัน โอกาสนี้คุณพ่อเจริญ นันทการ เจ้าอาวาส ได้มอบให้คุณพ่อรงค์ชัย หมั่นศึกษา ในฐานะเป็นจิตตาธิการคณะแม่ปอน ให้เป็นประธานในพิธี โดยคุณพ่อสมยศ เทพสมุทร เป็นผู้ให้ข้อคิดในมิสซาว่า “การเป็นนักบวช เป็นซิสเตอร์ก็ตาม เราต้องรับใช้ รวมทั้งพวกเราทุกคนเกิดมาเพื่อรับใช้ซึ่งกันและกัน อุทิศตนเพื่อคนอื่น เหมือนกับพระเยซูเจ้าบังเกิดมาในโลกเพื่อรับใช้ รักและอภัย

            สำหรับวัดนักบุญเปาโล บ้านอมลองนี้ แม้เป็นหมู่บ้านพี่น้องชาวปกาเกอะญอ อยู่กลางหุบเขาแต่เป็นหมู่บ้านแรกๆ ที่มีการกลับมาเป็นคริสตชนในช่วงเริ่มต้นงานแพร่ธรรมของมิชชันนารีพระหฤทัยพระเยซูเจ้า แห่งเบธาราม ปัจจุบันมีลูกวัดเป็นซิสเตอร็ 4 คน คือ ซิสเตอร์ เซซีลีอา มานิดา โรจนเครือวัล สังกัดคณะแม่ปอน ซิสเตอร์พิสุดา สะอิ สังกัดคณะมารีอาบัมบีนา ซิสเตอร์ชฎาพร จอวา และซิสเตอร์ปรีพร จอวา สังกัดคณะรักกางเขนท่าแร่  และลูกวัดที่บวชเป็นพระสงฆ์ 2 องค์คือคุณพ่อสถิต สะอิ และคุณพ่อสันติ ยอเปย สังกัดสังฆมณฑลเชียงใหม่

คุณพ่อณรงค์ชัย หมั่นศึกษา

สัมมนาพระสงฆ์สังฆมณฑลเชียงใหม่

สัมมนาพระสงฆ์สังฆมณฑลเชียงใหม่

“ถุงหนังใหม่สำหรับเหล้าองุ่นใหม่” 

ระหว่างวันที่ 17-19 มิถุนายน 2020 พระสงฆ์สังฆมณฑลเชียงใหม่ ได้จัดให้มีการสัมมนาประจำปีขึ้นที่ศูนย์เรียนรู้นักบุญฟรังซิสอัสซีซี อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน ในหัวข้อ

“ถุงหนังใหม่สำหรับเหล้าองุ่นใหม่” 

             สำหรับการสัมมนาครั้งนี้ ในวันแรกเป็นการรับฟังแนวทางการแพร่ธรรมและอภิบาลในยุคใหม่ตามข้อแนะนำของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส ที่ว่า “ถุงหนังใหม่สำหรับเหล้าองุ่นใหม่” โดยคุณพ่อวีรศักดิ์ ยงศรีปนิทาน เป็นผู้สรุป จากนั้นได้มีการระดมความคิดสรุปเป็นแนวทางการแพร่ธรรมและอภิบาลของเขตวัดซึ่งได้ข้อสรุป คือกำหนดพื้นที่เป้าหมายที่พวกเราจะเข้าไปทำงานแพร่ธรรมที่ชัดเจน โดยการเข้าไปร่วมชีวิตกับชุมชนการเข้าสู่วัฒนธรรมชุมชนด้วยแบบอย่างการเป็นประจักษ์พยาน ซึ่งพระสันตะปาปาได้แนะนำให้เราออกจากสถานที่ที่ปลอดภัยของเราแล้วเข้าสู่ชุมชนด้วยท่าทีแห่งความรัก เมตตา และอภัย รวมทั้งได้มีการทบทวนแบบอย่างวิธีการแพร่ธรรมของบรรดามิชชันนารีที่เข้ามาทำงานในภาคเหนือนี้ตั้งแต่แรกซึ่งเริ่มด้วยกลุ่มมิชชันนารีคณะสงฆ์มิสซังต่างประเทศกรุงปารีส (M.E.P.) และสานต่อด้วยคณะสงฆ์พระหฤทัยพระเยซูเจ้าแห่งเบธาราม จนถึงพระสงฆ์พื้นเมืองทั้งสังฆมณฑลและเบธารามในปัจจุบันซึ่งแบ่งปันโดยคุณพ่อดุรงค์ฤทธิ์ กระบวนศิริ และคุณพ่อสมพงษ์ กัมพลกูล

            ในวันที่สองได้มีการทบทวนวิธีการทำงานอภิบาลกับเด็กและเยาวนในศูนย์ต่าง ๆ โดยเฉพาะในเขต 4 (จังหวัดแม่ฮ่องสอน) ที่ประชุมได้มีมติเห็นด้วยที่จะให้มีศูนย์รองรับเด็กและเยาวชนที่เข้ามาศึกษาต่อในเมืองอย่างเป็นทางการ 2 ศูนย์ คือ ศูนย์คาทอลิกขุนวม และแม่ลาน้อย เพื่อรองรับเด็กนักเรียนระดับชั้น ม. 1-6 โดยเปิดโอกาสให้คณะนักบวชต่างๆ ที่ทำงานกับเด็กและเยาวชนเข้ามามีส่วนเข้ามาให้การอบรมแก่เด็กและเยาวชนในศูนย์ ด้วย ทั้งนี้จะเป็นการสงเสริมกระแสเรียกด้วย และขณะเดียวกันยังมีข้อเสนอเพื่อมีศูนย์รองรับสำหรับเยาวชนที่ต้องการศึกษาด้านวิชาชีพด้วย  ส่วนเด็กระดับประถม 1-6 นั้น ให้อยู่กับครอบครัวในหมู่บ้าน เพื่อจะได้ซึมซับแบบอย่างจากครอบครัวทั้งวิถีชีวิตและร่วมกิจศรัทธาต่าง ๆ กับครอบครัวและชุมชนด้วย 

         ในวันที่ 3 ได้มีการทำความเข้าใจและแนวปฏิบัติในการจัดทำบัญชีและทรัพยสินของวัดเพื่อจะได้วางแผนในการบริหารจัดการงบประมาณ

คุณพ่อณรงค์ชัย หมั่นศึกษา