ข้อคิดข้อรำพึง วันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์
(Good Friday of The Passion of The Lord)

ข้อคิดข้อรำพึง วันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์
(Good Friday of The Passion of The Lord)

เวลาของพระองค์มาถึงแล้ว

เราได้มาถึงจุดสูงสุดในพระชนมชีพของพระเยซูเจ้าแล้ว เวลาของพระองค์มาถึงแล้ว

“เวลาที่บุตรแห่งมนุษย์จะได้รับพระสิริรุ่งโรจน์มาถึงแล้ว” (ยน 12:23)

“พระเยซูเจ้าทรงทราบว่าถึงเวลาแล้วที่จะทรงจากโลกนี้ไปเฝ้าพระบิดา” (ยน 13:1)

“เวลา” ของพระองค์ไม่เพียงแต่หมายถึง “เวลาแห่งการรับทรมาน” เท่านั้น แต่หมายถึง “เวลาแห่งการรับทรมานและการกลับคืนพระชนมชีพ” ด้วย คือเป็นเวลาที่จะ “ผ่าน” จากโลกนี้ไปเฝ้าพระบิดา จะเป็นการผ่านที่แท้จริงของพระองค์ เป็นปัสกาแท้ (คำว่า ปัสกา แปลว่า ผ่าน) พระทรมานจึงเป็นเวลาที่แสดงถึงเอกลักษณ์ของพระเยซูเจ้าโดยแท้ ดังที่พระองค์ได้ทรงประกาศไว้ล่วงหน้าแล้วว่า “เมื่อใดที่ท่านยกบุตรแห่งมนุษย์ขึ้น เมื่อนั้นท่านจะรู้ว่า เราเป็น” (ยน 8:28)


พระทรมานของพระเยซูเจ้าในมุมมองของนักบุญยอห์น

เราไม่อาจเข้าใจพระเยซูเจ้าได้ ถ้าไม่รำพึงเรื่องพระทรมานของพระองค์ ผู้นิพนธ์พระวรสารทั้งสี่องค์ก็เขียนเล่าเรื่องนี้ค่อนข้างยาว นักบุญยอห์นนำเสนอเรื่องราวพระทรมานแตกต่างจากผู้นิพนธ์พระวรสารคนอื่นๆทั้งสามคน และพระทรมานที่เล่าโดยนักบุญยอห์นนี้ พระศาสนจักรกำหนดให้อ่านในคืนวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ของทุกๆปี หัวข้อหลักของเรื่องพระทรมานของพระเยซูเจ้ากลับไม่ได้เน้นไปที่พระทรมานที่ทรงได้รับ แต่เป็นเรื่องชัยชนะของพระองค์ต่างหาก เหมือนกับที่พระองค์ได้ตรัสไว้ก่อนหน้านี้เพียงเล็กน้อยว่า “และเมื่อเราจะถูกยกขึ้นจากแผ่นดิน เราจะดึงดูดทุกคนเข้ามาหาเรา” (ยน 12:32) กล่าวคือนักบุญยอห์นไม่ได้เล่าทุกฉากของพระทรมาน เช่นว่า ไม่เล่าตอนที่ทรงเข้าตรีทูต ไม่เล่าตอนที่ยูดาสทรยศพระองค์ด้วยการจูบ ไม่เล่าเรื่องการถูกตัดสินประหารชีวิต การถูกเยาะเย้ย ถูกถ่มน้ำลายรด และความรุนแรงอื่นๆที่เกิดขึ้นกับพระองค์ แต่นักบุญยอห์นเล่าเรื่องการถูกสวมมงกุฎหนาม ซึ่งสื่อความหมายถึง ความเป็นกษัตริย์ของพระเยซูเจ้า ต่อจากนั้นนักบุญยอห์นเขียนไว้สั้นๆว่า พระเยซูเจ้าทรงถูกเฆี่ยน และทรงถูกตรึงกางเขน

ถ้าสังเกตเรื่องของนักบุญยอห์นที่เล่าถึงพระทรมานของพระเยซูเจ้า จะเห็นว่า พระองค์ทรงสงบมาก เช่นว่า พระองค์ทรงต้อนรับเจ้าหน้าที่ที่พากันมาจับกุมตัวพระองค์ และทรงออกคำสั่งราวกับว่าทรงเป็นผู้บังคับบัญชาพวกเขา ในการถูกสอบสวนต่อหน้าอันนาส พระองค์ทรงรักษาความสง่างามได้เป็นอย่างดี ในการถูกสอบสวนต่อหน้าปีลาต มีการประกาศอย่างเป็นทางการถึงฐานะกษัตริย์ของผู้ถูกกล่าวหาว่า “นี่คือกษัตริย์ของท่านทั้งหลาย” (ยน 19:14) เมื่อเราอ่านพระทรมานของพระเยซูเจ้าตามที่ท่านยอห์นบันทึกไว้ เราจะรู้สึกได้ว่า หนทางกางเขน เป็นหนทางแห่งชัยชนะ เราจะมาพิสูจน์เรื่องนี้กัน โดยพิจารณาบางส่วนจากข้อเขียนของท่าน

ข้อความแรกที่เราจะพิจารณาคือข้อความที่นักบุญยอห์นบันทึกไว้ว่า “พระองค์เสด็จพร้อมกับบรรดาศิษย์ ข้ามห้วยขิดโรน ที่นั่นมีสวนแห่งหนึ่ง” ตำแหน่งของบรรดาศิษย์คืออยู่ข้างๆพระเยซูเจ้า ห้วยขิดโรนนั้นมีน้ำไหลมาจากพระวิหาร ส่วนเรื่อง “สวนแห่งหนึ่ง” นี่น่าสนใจ นักบุญยอห์นเริ่มเรื่องพระทรมานด้วยการพูดถึงสวนแห่งหนึ่ง เหมือนสวนสวรรค์ในพันธสัญญาเดิม และก็จบเรื่องพระทรมานด้วยสวนอีกแห่งหนึ่ง “สถานที่ที่พระองค์ทรงถูกตรึงนั้นมีสวนแห่งหนึ่ง สวนนี้มีคูหาขุดใหม่ที่ยังไม่เคยใช้ฝังผู้ใดเลย เขาจึงอัญเชิญพระศพของพระเยซูเจ้าบรรจุไว้ที่นั่น” (ยน 19:41-42) น่าเสียดายที่บรรดาศิษย์ที่ควรจะอยู่เคียงข้างพระองค์ แต่เมื่อเกิดเรื่องนี้ขึ้นกับพระองค์ พวกเขาพากันละทิ้งพระองค์ เหมือนกับว่า การรู้จักพระองค์เป็นเรื่องอันตรายเกินไป เป็นเรื่องที่น่าอับอาย นักบุญเปโตรที่ได้ตามพระเยซูเจ้าไปห่างๆ ก็ได้ปฏิเสธการรู้จักพระองค์ และไม่ใช่เพียงครั้งเดียว แต่ถึงสามครั้งด้วยกัน แต่พระเยซูเจ้าได้ทรงหันมามองเปโตรด้วยสายพระเนตรแห่งความรักและเมตตา จิตใจของศิษย์ผู้ไม่ซื่อสัตย์นั้นเจ็บช้ำมาก นักบุญเปโตรร้องไห้เสียใจมากมายในบาปของตน นักบุญเปโตรเป็นข้อพิสูจน์ถึงพระวาจาที่ว่า

“ความรักปกคลุมบาปจำนวนมากมาย”

ข้อความที่สองที่เราจะพิจารณาคือ นักบุญยอห์นเน้นว่า “พระองค์ทรงแบกไม้กางเขน เสด็จออกไปยังสถานที่เรียกว่า “เนินหัวกะโหลก เขาตรึงพระองค์บนไม้กางเขนที่นั่น” กางเขนกลายเป็นการประกาศความเป็นกษัตริย์ของพระเยซูเจ้า เพราะปีลาตเขียนป้ายประกาศติดไว้บนไม้กางเขนเป็นข้อความว่า “เยซูชาวนาซาเร็ธ กษัตริย์ของชาวยิว” ป้ายนั้นเขียนไว้ถึงสามภาษาคือ ฮีบรู ละติน และกรีก เหตุการณ์ต่อมาคือบรรดาทหารนำฉลองพระองค์มาแบ่งกัน “ส่วนเสื้อยาวของพระองค์นั้นไม่มีตะเข็บ” รายละเอียดตรงนี้หมายถึงตำแหน่งสมณะของพระเยซูเจ้า เพราะอาภรณ์ของมหาสมณะนั้นทอโดยไม่มีตะเข็บ

และฉากที่ทำให้เราสะเทือนใจมากที่สุดคือ พระเยซูเจ้าทรงอยู่บนกางเขน แทบพระบาทของพระองค์มีมารีย์อยู่สามคน แต่ขอพูดเฉพาะถึงมารีย์สองคน คือมารีย์ผู้บริสุทธิ์(พระมารดา) กับมารีย์คนบาป(ชาวมักดาลา) ในระหว่างหญิงสองคนนี้น่าจะมีที่สำหรับเราแต่ละคนด้วย “ศิษย์ที่รักของพระเยซูเจ้า” คือตัวแทนของเราทุกคน พระเยซูเจ้าตรัสกับพระมารดาว่า “หญิงเอ๋ย นี่คือลูกของแม่” คำว่า “หญิงเอ๋ย” ทรงต้องการหมายความว่าพระมารดาทรงเป็น “เอวา” คนใหม่ พระเยซูเจ้าทรงอยู่บนกางเขน ทรงยากจนที่สุด สมบัติเดียวและสุดท้ายที่ทรงเหลืออยู่ คือ พระมารดาและพระองค์ทรงมอบให้ชาวเรา “นี่คือแม่ของท่าน” นับแต่นั้นมา ศิษย์นั้นก็รับพระมารดามาเป็นมารดาของตน

และสุดท้าย คือเรื่องพระเยซูเจ้าสิ้นพระชนม์ หลังจากนั้น พระเยซูเจ้าทรงทราบว่าทุกสิ่งสำเร็จแล้ว จึงตรัสว่า “เรากระหาย” นักพระคัมภีร์ยืนยันว่า ความทรมานที่สาหัสที่สุดของการถูกตรึงกางเขนคือความกระหายน้ำ พระองค์ไม่ได้เสวยอะไรเลยตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็น ไม่ได้ดื่มอะไรเลยตั้งแต่อาหารค่ำมื้อสุดท้าย และทรงเสียเลือดไปมากจากการถูกเฆี่ยนและการสวมมงกุฎหนาม ท่ามกลางอากาศร้อนอันทารุณของเดือนเมษายน ซึ่งถือว่าเป็นเดือนที่ร้อนที่สุดในแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ เป็นความกระหายอย่างรุนแรงนี่เองที่ทำให้พระองค์ต้องสิ้นพระชนม์ อย่างไรก็ตาม ความกระหายทางกายก็มิอาจเปรียบได้กับความกระหายอีกอย่างหนึ่ง ที่รุนแรงกว่ามากนัก คือ พระองค์ทรงกระหายที่จะช่วยพวกเราให้รอดพ้น นั่นเอง

“สำเร็จบริบูรณ์แล้ว” เหมือนคนงานที่ดี พระองค์จะไม่ทรงจากไปจนกว่าจะได้ตรวจตราว่างานของพระองค์สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี “อาหารของเราคือทำตามพระประสงค์ของผู้ทรงส่งเรามา และประกอบภารกิจของพระองค์ให้สำเร็จลุล่วงไป” แล้วพระองค์ทรงเอนพระเศียร สิ้นพระชนม์

(คุณพ่อวิชา หิรัญญการ เรียบเรียงใหม่ วันที่ 2 เมษายน ค.ศ. 2020
Based on : “รำพึงและเข้าใจพระวรสารนักบุญยอห์น” แปลโดย คณะเซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร
จากบทเทศน์ของ Fr. Andre Gelinas, SJ)

คําสั่งมิสซังคาทอลิกเชียงใหม่ที่ ชม.032/2021
เรื่อง การแต่งตั้งและเปลี่ยนแปลงหน้าที่พระสงฆ์เข้าดํารงตําแหน่งหน้าที่

คําสั่งมิสซังคาทอลิกเชียงใหม่ที่ ชม.032/2021
เรื่อง การแต่งตั้งและเปลี่ยนแปลงหน้าที่พระสงฆ์เข้าดํารงตําแหน่งหน้าที่

เพื่อความดีและความเหมาะสมในการประกอบพันธกิจและการทําหน้าที่สงฆ์ จึงขอให้พระสงฆ์ ดังรายชื่อต่อไปนี้ พ้นจากตําแหน่งหน้าที่เดิมและเข้าประจําตําแหน่งหน้าที่ใหม่ ดังนี้ :

1. คุณพ่อ ประทีป กีรติพงศ์
ออกจากหน้าที่เป็นผู้ช่วยพระสังฆราชฝ่ายการเงินทรัพย์สิน
และเพิ่มหน้าที่เป็นอุปสังฆราช/รับผิดชอบ-ตูแลการก่อสร้างฯ

2. คุณพ่อ ไวยากรณ์ สุขสวัสดิ์
เพิ่มหน้าที่เป็นผู้ช่วยพระสังฆราชฝ่ายการเงินและทรัพย์สิน

3. คุณพ่อ บุญเลิศ สร้างกุศลในพสุธา
ออกจากหน้าที่เป็นอุปสังฆราช และเจ้าอาวาส วัดแม่พระบังเกิด อมก๋อย
ไปเป็นเจ้าอาวาส วัดนักบุญเปาโล แม่สะเรียง /ผู้ช่วยพระสังฆราชฯ
ฝ่ายบุคลาภิบาล และรับผิดชอบ-ดูแลการก่อสร้างฯ

4. คุณพ่อ คํามา อําไพพิพัฒน์
ออกจากหน้าที่เป็นเจ้าอาวาส วัดนักบุญเปโตร ขุนแม่ลา
ไปเป็นเจ้าอาวาส วัดนักบุญลอเรนโซ ลุยส์ สบเมย

5. คุณพ่อ ดุรงค์ฤทธิ์ กระบวนศิริ
ออกจากหน้าที่เป็นเจ้าอาวาส วัดนักบุญฟรังซิสเซเวียร์ แม่ฮ่องสอน
ไปเป็นเจ้าอาวาส วัดแม่พระลูกประคํา ขุนยวม

6. คุณพ่อ ณรงค์ชัย หมั่นศึกษา
ออกจากหน้าที่เป็นจิตตาธิการชิสเตอร์แพร่ธรรมแห่งพระนางมารีย์ นิรมล แม่ปอน
ไปเป็นเจ้าอาวาสวัดแม่พระบังเกิด อมก๋อย

7. คุณพ่อ ทูน ประภาสสันต์
ออกจากหน้าที่เป็นเจ้าอาวาส วัดนักบุญเปาโล แม่สะเรียง
ไปเป็นเจ้าอาวาส วัดนักบุญเซซีลีอา ห้วยต้นนุ่น

8. คุณพ่อ จตุพงษ์ โชคบวรสกุล
ออกจากหน้าที่เป็นเจ้าอาวาส วัดนักบุญเยนอเวฟา นาป่าแป๋
ไปเป็นเจ้าอาวาส วัดนักบุญเปโตร ขุนแม่ลา

9. คุณพ่อ แสงชัย ไอจาง
จากหน้าที่รักษาการเจ้าอาวาส วัดนักบุญเทเรซา แห่งกัลกัตตา ปาย
เป็นเจ้าอาวาส วัดนักบุญเทเรซา แห่งกัลกัตตา ปาย

10. คุณพ่อ สุธี เจริญกุล
ออกจากหน้าที่เป็นเจ้าอาวาส วัดนักบุญลอเรนโซ ลุยส์ สบเมย
ไปเป็นเจ้าอาวาส วัดนักบุญฟรังซิสเซเวียร์ แม่ฮ่องสอน

11. คุณพ่อ ประภาส สายธารวนาวาส
ออกหน้าที่เป็นเจ้าอาวาส วัดแม่พระลูกประคํา ขุนยวม
ไปเป็นเจ้าอาวาส วัดนักบุญเยนอเวฟา นาป่าแป๋

12. คุณพ่อ สถิต สะอิ
ออกจากหน้าที่เป็นเจ้าอาวาส วัดนักบุญเซซีลีอา ห้วยต้นนุ่น
ไปเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดนักบุญเปาโล แม่สะเรียง

13. คุณพ่อ อภินันท์ สมศักดิ์
ออกจากหน้าที่เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดนักบุญเปาโล แม่สะเรียง
ไปเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดนักบุญฟรังซิสเซเวียร์ แม่ฮ่องสอน

14. คุณพ่อ ธรรมชาติ รักพงไพร
ออกจากหน้าที่เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดนักบุญเปโตร แม่ลาน้อย
ไปเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดนักบุญโยเซฟ สะเมิง

15. คุณพ่อ เธียรชัย สงวนไพรวัลย์
ออกจากหน้าที่เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดนักบุญโยเซฟ สะเมิง
ไปเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดนักบุญเปโตร แม่ลาน้อย

16. คุณพ่อ บรูโน รอสซี่
เป็นประธาน บริษัท “เลาดาโตซี วิสาหกิจเพื่อสังคม”

17. คุณพ่อ ศราวุธ แฮทู
เป็นเลขาธิการมิสซังเชียงใหม่ เพิ่มหน้าที่รับผิดชอบดูแลที่ดินของสังฆมณฑล
ผู้อํานวยสํานักงานวินิจฉัยคดีฯ และศูนย์รับเรื่องร้องเรียนกรณีละเมิดทางเพศฯ

18. คุณพ่อ นนทชัย ริทู
เพิ่มหน้าที่เป็นเลขานุการมิสซังเชียงใหม่

19. คุณพ่อ อนุพงศ์ ดํารงอุษาศีล
เพิ่มหน้าที่เป็นจิตตาธิการซิสเตอร์บ้านมารีนา

20. คุณพ่อ สิริชัย บุหงาสวรรค์
เพิ่มหน้าที่เป็นผู้จัดการสํานักมิสซังเชียงใหม่

21. คุณพ่อ โจงชอล์ แก้วมา
เพิ่มหน้าที่รับผิดชอบ-ดูแลรถยนต์ของสังฆมณฑล

22. คุณพ่อ นิรุจต์ วงค์แจ่ม
เพิ่มหน้าที่ ติดตามและรวบรวมเอกสารแผนกที่ดินและมูลนิธิฯ

23. คุณพ่อ ชาญชัย ศรีสุทธิจรรยา
ออกจากหน้าที่เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดนักบุญลอเรนโซ ลุยส์ สบเมย
กลับมาประจําที่สํานักมิสซัง/เข้าอบรมโครงการ PRMG

24. คุณพ่อ สมพงษ์ กัมพลกูล
ออกจากหน้าที่เป็นเจ้าอาวาส วัดนักบุญเทเรซา แห่งกัลกัตตา ปาย
กลับมาพักประจําที่สํานักมิสซัง

25. คุณพ่อ ศตวรรษ ใฝ่หาคุณธรรม
เข้ารับการอบรมฟื้นฟูชีวิตสงฆ์ ตั้งแต่เดือนกันยายน
ถึงเดือนตุลาคม 2021 ณ ศูนย์อภิบาลบ้านผู้หว่าน

26. คุณพ่อ ศรชัย ดิพอ
เข้ารับการอบรมฟื้นฟูชีวิตสงฆ์ ตั้งแต่เดือนกันยายน
ถึงเดือนตุลาคม 2021 ณ ศูนย์อภิบาลบ้านผู้หว่าน

27. คุณพ่อ มงคล เจริญธรรม (Scj)
ออกจากผู้รับผิดชอบบ้านเบธาราม เชียงใหม่
ไปเป็นจิตตาธิการซิสเตอร์แพร่ธรรมแห่งพระนางมารีย์นิรมล แม่ปอน
และเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดอัครเทวดาราฟาแอล ขุนแปะ

28. คุณพ่อ ไพโรจน์ หน่อชัชวาล
กลับจากการช่วยงานอภิบาลที่ประเทศอังกฤษ
มาเป็นผู้รับผิดชอบบ้านเบธาราม เชียงใหม่

29. คุณพ่อ รภัสสิทธิ์ ทองคํา (Ofm)
เป็นเจ้าอาวาส วัดแม่พระแห่งเหรียญอัศจรรย์ แม่แตง

30. สังฆานุกร ทวีเดช สวรรค์เผ่าพันธ์ (Ofm)
เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดแม่พระแห่งเหรียญอัศจรรย์ แม่แตง

ทั้งนี้ ขอให้พระสงฆ์ที่ได้รับการแต่งตั้งโยกย้ายเข้าประจําตําแหน่งภายใน วันอาทิตย์ ที่ 2 พฤษภาคม ค.ศ. 2021 ประกาศ ณ วันพุธที่ 31 มีนาคม ค.ศ. 2021

“เพราะพระองค์ทรงเจิมข้าพเจ้าไว้ ให้ประกาศข่าวดีแก่คนยากจน” (ลก.4:18)

(บิชอป ฟรังซิสเซเวียร์ วีระ อาภรณ์รัตน์)
สมณประมุขมิสซังคาทอลิกเชียงใหม่

(บาทหลวงยอแซฟ ศราวุธ แฮทู)
เลขาธิการมิสซังคาทอลิกเชียงใหม่

อบรมฟื้นฟูจิตใจคริสตชนเขตวัดนักบุญเปโตร แม่ลาน้อย

อบรมฟื้นฟูจิตใจคริสตชนเขตวัดนักบุญเปโตร แม่ลาน้อย

เมื่อวันที่ ๑-๒ เมษายน ๒๕๖๔ แผนกแพร่ธรรมและแผนกสังคมพัฒนาร่วมกับเขตวัดนักบุญโตรแม่ลาน้อยได้จัดการอบรมฟื้ฟูจิตใจแก่คริสตชนในโอกาสสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ก่อนวันปาสกา มีเนื้อหาประกอบด้วย ๑. การไตร่ตรองถึงการเจริญเติบโตทางความเชื่อในฐานะการเป็นคริสตชน ๒. ประเด็นการรณรงค์จิตตารมณ์มหาพรตปี ๒๕๖๔ “บัดนี้พวกเรากำลังขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม” (มธ.๒๐,๑๘) ๓. บทบาทหน้าที่ ความรับผิดชอบ และความรักในครอบครัวระหว่างสามีภรรยาและลูก และ ๔.คุณค่าความยากลำบากในการแบกกางเขนของตนเอง มีคริสตชนเขาร่วมงานทั้งสิ้น ๔๓ คน

(Cauhpoqai Pgama-e)

บทรำพึงสั้นๆ วันพฤหัสบดีศักดิ์สิทธิ์
ระลึกถึงพระเยซูเจ้าทรงตั้งศีลมหาสนิท

บทรำพึงสั้นๆ วันพฤหัสบดีศักดิ์สิทธิ์ ระลึกถึงพระเยซูเจ้าทรงตั้งศีลมหาสนิท

น่าสนใจที่พระวรสารของวันนี้นำมาจากพระวรสารของนักบุญยอห์น ซึ่งไม่ได้เล่าเรื่องการตั้งศีลมหาสนิทโดยตรง เหมือนพระวรสารของอีกสามผู้นิพนธ์พระวรสาร แต่กลับเล่าเรื่องการที่พระเยซูเจ้าทรงล้างเท้าบรรดาศิษย์ เป็นนักบุญยอห์นองค์เดียวที่เล่าเรื่องนี้ เราลองมาพิจารณาบางตอนจากพระวรสารของนักบุญยอห์นนะครับ

ตอนเริ่มของพระวรสารวันนี้ นักบุญยอห์นเริ่มต้นว่า “ก่อนวันฉลองปัสกา พระเยซูเจ้าทรงทราบว่าถึงเวลาแล้วที่จะทรงจากโลกนี้ไปเฝ้าพระบิดา พระองค์ทรงรักผู้ที่เป็นของพระองค์ซึ่งอยู่ในโลกนี้ พระองค์ทรงรักเขาจนถึงที่สุด” นี่เป็นรายละเอียดที่นักบุญยอห์นนำมาไว้ตรงเริ่มต้นก่อนที่จะเล่าถึงฉากที่พระเยซูเจ้าทรงล้างเท้า ซึ่งมีความหมายลึกซึ้งที่จะทำให้เข้าใจเรื่องทั้งหมดต่อไปว่าหมายความถึงอะไร นักบุญยอห์นเปรียบเหมือนจิตรกรที่เชี่ยวชาญ เพียงตวัดฝีแปรงสองสามครั้ง ก็ทำให้เห็นภาพที่สวยงามได้เลย เราลองมาดูคำขึ้นต้นบางคำของนักบุญยอห์นนะครับ

คำแรก ท่านพูดถึง “วันฉลองปัสกา” เรารู้จากนักบุญยอห์นดีว่า เมื่อท่านพูดถึง “เทศกาลของชาวยิว” ท่านต้องการให้เราเข้าใจว่า พระเยซูเจ้าทรงประยุกต์ความหมายนั้นมาสู่พระองค์เอง การฉลองปัสกาถูกบันทึกไว้ตั้งแต่ต้นๆของพระวรสารของท่านแล้วว่าเป็นการฉลองที่ยิ่งใหญ่ที่สุด พระเยซูเจ้าเองทรงเป็นลูกแกะปัสกา (ยน 1 : 29, 36) และในวันฉลองปัสกาอีกครั้งหนึ่ง พระองค์ได้ตรัสถึงพระวิหารที่ถูกทำลาย แล้วพระองค์จะสร้างขึ้นใหม่ในสามวัน(ยน 2 :19-21) และเมื่อพระองค์ทรงทวีขนมปังเลี้ยงประชาชน และได้ตรัสว่าจะทรงเลี้ยงดูพวกเขาด้วยพระกายและพระโลหิตของพระองค์ ก็อยู่ในช่วงปัสกาเช่นกัน (ยน 6) และขณะนี้ พระองค์กำลังจะเสด็จไปกรุงเยรูซาเล็ม ซึ่งจะเป็นปัสกาครั้งสุดท้าย แต่นักบุญยอห์นไม่เล่ารายละเอียดเรื่องการกินเลี้ยงและการตั้งศีลมหาสนิท แต่กลับเล่าเรื่องการล้างเท้าบรรดาศิษย์

สำหรับชาวยิวแล้ว การล้างเท้าเป็นการรับใช้ที่สงวนไว้เฉพาะสำหรับผู้ที่เป็นทาส มีแต่ทาสเท่านั้นที่ล้างเท้าให้เจ้านาย ดังนั้นในการล้างเท้าบรรดาศิษย์ พระเยซูเจ้าทรงถ่อมองค์ลงเป็นทาส พระองค์กลายเป็นเหมือนสิ่งของหรือวัตถุที่คนซื้อขายกัน สิ่งนี้เป็นการประกาศว่าพระองค์จะทรงถูกขายในราคาสามสิบเหรียญ ซึ่งเป็นราคาของทาสหนึ่งคน

คำต่อมาคือคำว่า “พระเยซูเจ้าทรงทราบว่าถึงเวลาแล้วที่จะทรงจากโลกนี้ไปเฝ้าพระบิดา” นักบุญยอห์นไม่ได้ต้องการเพียงบอกว่า เวลาที่มาถึงของพระองค์ คือเวลาที่ต้องสิ้นพระชนม์ แต่มีความหมายไกลและสมบูรณ์มากกว่านั้น คือยังรวมถึงการกลับคืนพระชนมชีพ และการเสด็จกลับไปหาพระบิดา ดังนั้น บทนำในเรื่องการล้างเท้าบรรดาศิษย์ก็ใช้ได้เบ็ดเสร็จรวมไปถึงบทอื่นๆที่เหลือของพระวรสารของท่านเลยทีเดียว

และสุดท้าย “พระองค์ทรงรักผู้ที่เป็นของพระองค์ซึ่งอยู่ในโลกนี้ พระองค์ทรงรักเขาจนถึงที่สุด” เป็นความรักแบบสูงสุดที่พระองค์ทรงถ่อมองค์เพื่อล้างเท้าบรรดาศิษย์ และต่อไปจะทรงสละพระองค์จนหมดสิ้น จนสิ้นพระชนม์บนกางเขน และกลับฟื้นคืนพระชนมชีพ แล้วเสด็จคืนสู่พระบิดา ทั้งหมดนี้แสดงว่าทรงรักพวกเขาจนถึงที่สุด แต่ขอให้เราพิจารณาตอนจบของพระวรสารวันนี้ที่บันทึกไว้ว่า “เราวางแบบอย่างไว้ให้แล้ว ท่านจะได้ทำเหมือนกับที่เราทำกับท่าน” ซึ่งการจบเช่นนี้ ก็เป็นการจบด้วยเนื้อหาเหมือนกันกับเรื่องการตั้งศีลมหาสนิทที่นักบุญมัทธิว มาระโก และลูกา เขียนว่า “จงทำดังนี้เพื่อระลึกถึงเราเถิด”

(คุณพ่อวิชา หิรัญญการ เขียนเมื่อวันที่ 8 เมษายน ค.ศ.2020
Based on : (1) John for Everyone, Part Two; by : Tom Wright ;
(2) รำพึงและเข้าใจพระวรสารนักบุญยอห์น : คณะเซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร จากบทเทศน์ของ Fr. Andre Gelinas, SJ)

การเข้าเฝ้าแบบทั่วไป (General Audience) วันที่ 31 มีนาคม 2021

การเข้าเฝ้าแบบทั่วไป (General Audience) วันที่ 31 มีนาคม 2021

ณ ห้องสมุดวาติกัน

การสอนคำสอนเรื่อง – ตรีวารปัสกา TRIDUUM 

อรุณสวัสดิ์ ลูก ๆ และ พี่น้องชายหญิงที่รักทั้งหลาย

        ขณะนี้พวกเรากำลังอยู่ภายใต้บรรยากาศฝ่ายจิตแห่งสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ พวกเรากำลังอยู่ในตรีวารปัสกา จากพรุ่งนี้ (14 เมษายน) เป็นต้นไปจนถึงวันปัสกา (วันอาทิตย์4 เมษายน) พวกเรากำลังดำเนินชีวิตท่ามกลางปฏิทินแห่งจารีตพิธีกรรม เพื่อเฉลิมฉลองพระธรรมล้ำลึกแห่งมหาทรมานการสิ้นพระชนม์ และการเสด็จกลับคืนพระชนม์ชีพของพระเยซูคริสต์ พวกเราดำเนินชีวิตในพระธรรมล้ำลึกนี้ทุกครั้งที่พวกเราทำการเฉลิมฉลองศีลมหาสนิท เมื่อพวกเราไปร่วมพิธีบูชาขอบพระคุณ (มิสซา) พวกเราไม่ได้ไปร่วมมิสซาเพียงแค่สวดภาวนา ทว่าพวกเราไปทำการ “รื้อฟื้น” พวกเราไปทำให้เหตุการณ์เกิดขึ้นมาใหม่ ซึ่งพระธรรมล้ำลึกนี้ซึ่งเป็นพระธรรมล้ำลึกปัสกา เป็นสิ่งสำคัญที่พวกเราจะต้องไม่ลืม ราวเหมือนกับว่าพวกเรากำลังไต่ขึ้นเนินเขากัลวาริโอ เพื่อที่จะทำการรื้อฟื้น เพื่อที่จะทำให้พระธรรมล้ำลึกแห่งปัสกาเกิดขึ้นมาใหม่

        ในค่ำวันพฤหัสบดีศักดิ์สิทธิ์ในขณะที่พวกเราเริ่มตรีวาร พวกเราจะรื้อฟื้นการร่วมพิธีมิสซาที่เรียกกันว่า “อิน เชนา ดอมินี – in Coena Domini” นั่นคือ พิธีมิสซาที่พวกเรารำลึกถึงการเลี้ยงอาหารค่ำมื้อสุดท้าย นี่เป็นเวลาหัวค่ำเมื่อพระเยซูคริสต์ทรงมอบประจักษ์พยานแห่งความรักในศีลมหาสนิทให้กับศิษย์ของพระองค์ นี่ไม่ใช่ให้เป็นเพียงแค่ความทรงจำในอดีต แต่นี่เป็นอนุสรณ์แห่งการประทับอยู่ตลอดไปของพระองค์  ทุกครั้งที่พวกเราเฉลิมฉลองศีลมหาสนิทดังที่พ่อกล่าวไว้ข้างต้น พวกเรารื้อฟื้นพระธรรมล้ำลึกแห่งการไถ่บาป ในศีลศักดิ์สิทธิ์นี้พระเยซูคริสต์ทรงเปลี่ยนเครื่องบูชาจากลูกแกะปัสกาเป็นตัวพระองค์เอง พระกายและพระโลหิตของพระองค์นำความรอดมาสู่พวกเราจากการเป็นทาสของบาปและความตาย การรอดพ้นจากการเป็นทาสทุกรูปแบบอยู่ที่นั้น  เป็นเวลาหัวค่ำที่พระองค์ทรงขอร้องให้พวกเรารักกัน ด้วยการเป็นผู้บริการรับใช้ซึ่งกัน และกันดังที่พระองค์ทรงล้างเท้าอัครสาวก อันเป็นท่าทีที่แสดงให้เห็นล่วงหน้าถึงการมอบตนเองโดยการหลั่งเลือดบนไม้กางเขน ที่จริงพระอาจารย์และพระเจ้าจะสิ้นพระชนม์ในวันรุ่งขึ้น (Good Friday) เพื่อที่จะชำระล้างไม่ใช่เพียงเท้า แต่เป็นเป็นขำระหัวใจ และชีวิตทั้งชีวิตของบรรดาศิษย์ นี่เป็นการมอบแบบอย่างการบริการรับใช้ให้กับพวกเราทุกคน

        วันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ (Good Friday) เป็นวันแห่งการชดเชยใช้โทษบาป จำศีล และสวดภาวนา โดยอาศัยข้อความในพระคัมภีร์ และคำภาวนาในจารีตพิธีพวกเราควรจินตนาการเหมือนกับว่าพวกเราอยู่บนเนินเขากัลวาริโอ เพื่อรำลึกถึงมหาทรมานและการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูคริสต์เพื่อไถ่บาปของพวกเรา ในจารีตพีธีอันเข้มข้นนี้โดยอาศัยรูปแบบการดำเนินตามขั้นตอนในพิธีกรรม จะมีการมอบไม้กางเขนให้พวกเรากราบนมัสการบูชา ในการนมัสการไม้กางเขนพวกเราจะเป็นโอกาสรื้อฟื้นการเดินทางของลูกแกะตัวน้อย ๆ บริสุทธิ์ผุดผ่องที่ถูกนำไปบูชาเพื่อความรอดของพวกเรา นี่เป็นโอกาสที่พวกเราต้องจดจำไว้ในจิตใจของพวกเราว่ายังมีบุคคลที่เจ็บป่วยเผชิญความทุกข์ คนยากจน คนที่ถูกทอดทิ้ง  พวกเราจะต้องคิดถึง “ลูกแกะตัวน้อย ๆ ที่ถูกนำไปฆ่าบูชา”  เฉกเช่นสถานการณ์วันนี้ ผู้ที่ตกเป็นผู้เคราะห์ร้าย ผู้บริสุทธิ์ตายไปในสงคราม บรรดาผู้โชคร้ายที่ถูกคุกคามจากพวกเผด็จการ การใช้ความรุนแรงทุกวัน  การทำแท้ง… ต่อหน้ารูปภาพพระเจ้าที่ถูกตรึงบนไม้กางเขนในการอธิษฐานภาวนา พวกเราจะต้องคิดถึงหลายคนที่ถูกตรึงกางเขนในยุคสมัยของพวกเรา ซึ่งพวกเราต้องนำพวกเขาให้ได้รับความบรรเทาใจ และเข้าใจในความหมายของความทุกข์ ผ่านทางพระองค์ผู้ถูกตรึงกางเขนเท่านั้น และทุกวันนี้ก็มีคนเหล่านี้จำนวนมากที่เผชิญความทุกข์ ขอให้พวกเราจงอย่าลืมผู้ที่ถูกตรึงไม้กางเขนในยุคสมัยของพวกเรา ซึ่งพวกเขาเป็นภาพลักษณ์ของพระเยซูคริสต์ผู้ถูกตรึงบนไม้กางเขน แลพระเยซูคริสต์ก็ทรงประทับอยู่ในบุคคลที่ทนทุกข์เหล่านั้น

        นับตั้งแต่ที่พระเยซูคริสต์ทรงน้อมรับบาดแผล และแม้กระทั่งความตายของมนุษย์ไว้กับพระองค์ ความรักของพระเจ้าก็เหมือนการรดน้ำในทะเลทรายแห้งผากของชีวิตพวกเรา พระองค์ทรงส่องสว่างให้กับความมืดของพวกเรา เพราะโลกของพวกเราอยู่ในความมืด  พ่อขอให้พวกเราลองเขียนรายการต่าง ๆ เกี่ยวกับสงคราม ที่กำลังสู้รบกันอยู่ในขณะนี้ เด็ก ๆ กำลังล้มตายเพราะความหิว เด็กที่ไร้การศึกษา จำนวนประชากรที่ต้องตายไปเพราะสงคราม เพราะการก่อการร้าย มีผู้คนมากมายที่เผชิญผลกระทบ จึงอยากจะดับความกลุ้มใจหันไปหายาเสพติด มีโรงงานอุตสาหกรรมยาเพื่อฆ่าคนด้วย… นี่เป็นความหายนะ นี่เป็นทะเลทราย พ่อคิดถึง “เกาะเล็ก ๆ” ที่มีประชากรของพระเจ้าอาศัยอยู่ มีทั้งคริสตชนและผู้คนที่นับถือศาสนาอื่น ที่หัวใจยังปรารถนาที่จะมีชีวิตที่ดีกว่า แต่ขอให้พวกเรามาพูดความจริงกัน บนเนินเขากัลวารีโอแห่งความตายเป็นพระเยซูคริสต์ที่ทนทุกข์ทรมาน พระองค์ทำเป็นตัวอย่างให้บรรดาศิษย์ของพระองค์ได้เห็น ในช่วงที่ทำพันธกิจพระบุตรของพระเจ้าได้ทรงหว่านชีวิตไว้ด้วยการรักษาเยียวยา ให้อภัย และฟื้นฟู บัดนี้ในชั่วโมงแห่งการบูชาสูงสุดบนไม้กางเขน พระองค์ทรงทำให้งานที่พระองค์ได้รับมอบหมายจากพระบิดาเจ้าสำเร็จลุล่วงไป พระองค์เสด็จสู่หุบเหวแห่งความทุกข์ พระองค์เสด็จสู่ภัยพิบัติต่างๆ แห่งโลกนี้ เพื่อที่จะไถ่กู้และเปลี่ยนแปลง และยังทำให้พวกเราทุกคนเป็นไทจากอำนาจแห่งความมืด แห่งความเย่อหยิ่งจองหอง จากการต่อสู้ขัดขวางไม่ยอมรับความรักของพระเจ้า ทั้งหลายทั้งปวงนี้มีแต่ความรักของพระเจ้าเท่านั้นที่จะสามารถทำได้ โดยอาศัยบาดแผลของพระองค์พวกเราได้รับการเยียวยารักษา (ดู 1 ปต. 2: 24) อัครสาวกเปโตรกล่าวว่า โดยอาศัยความตายของพระองค์พวกเราทุกคนได้รับชีวิตใหม่ และต้องขอบคุณพระองค์ เพราะการที่พระองค์ถูกทอดทิ้งบนไม้กางเขนพวกเราจะไม่อยู่ตามลำพังอีกต่อไปในในความมืดของความตาย พระองค์จะประทับอยู่เคียงข้างพวกเราเสมอ พวกเราเพียงต้องเปิดใจและยินยอมให้พระองค์ทรงทอดพระเนตรมายังพวกเรา

        วันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์เป็นวันแห่งความเงียบที่ศิษย์รุ่นแรกดำเนินชีวิตในความเศร้าเสียใจ และตระหนกตกใจจนไม่รู้ที่จะทำอย่างไร พวกเขารู้สึกช็อคในความตายของพระเยซูคริสต์โดยที่ไม่มีใครสนใจ ในขณะที่โลกเงียบงัน ในขณะที่ผู้ทรงชีวิตอยู่ในหลุมศพ บุคคลที่ตั้งความหวังในพระองค์ต้องถูกทดลองใจอย่างแสนยากลำบาก พวกเขารู้สึกเหมือนตกเป็นลูกกำพร้า แม้แต่พระเจ้าเองก็ปล่อยให้พวกเขาเป็นกำพร้า วันเสาร์นี้ยังเป็นวันของพระแม่มารีย์ด้วย พระแม่ได้แต่หลั่งแต่น้ำตา แต่ดวงพระทัยของพระแม่นั้นเปี่ยมด้วยความเชื่อ เปี่ยมด้วยความหวัง เปี่ยมด้วยความรัก พระมารดาของพระเยซูคริสต์ทรงติดตามพระบุตรไปตามเส้นทางแห่งความทุกข์โศกเศร้า และทรงประทับอยู่ ณ แทบไม้กางเขนด้วยหัวใจที่แหลกเหลว บอบช้ำ แต่เมื่อทุกอย่างดูเหมือนจะจบสิ้นแล้ว พระแม่ทรงเฝ้าคอยด้วยความหวัง ทรงยึดมั่นในความหวังในคำสัญญาของพระเจ้าผู้ทรงทำให้คนตายแล้วกลับเป็นขึ้นมามีชีวิติใหม่  ดังนั้นในเวลาที่ชาวโลกเผชิญความมืดมากที่สุด พระแม่มารีย์ทรงเป็นมารดาของผู้ที่มีความเชื่อ ทรงเป็นมารดาของพระศาสนจักร และทรงเป็นเครื่องหมายแห่งความหวัง การเป็นประจักษ์พยาน และการวิงวอนของพระแม่ทำนุบำรุงพวกเราขณะที่น้ำหนักของไม้กางเขนกลายเป็นสิ่งที่หนักเกินสำหรับพวกเราแต่ละคน

        ในความมืดมนแห่งวันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์ความชื่นชมยินดีและความสว่างจะทำให้ความมืดกระจายไปด้วยพิธีกรรมแห่ง “Easter Vigil” ในตอนค่ำคืนวันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์โดยจะมีการขับร้องอัลเลลูยา Alleluia เปล่งด้วยความชื่นชมยินดี ซึ่งเป็นการพบกันกับความเชื่อในพระเยซูคริสต์ผู้ทรงกลับคืนพระชนม์ชีพ และความชื่นชมยินดีแห่งปัสกาจะดำเนินต่อไปอีก 50 วันจนกระทั่งถึงวันที่พระจิตเจ้าเสด็จลงมา ผู้ที่ถูกตรึงบนไม้กางเขนเสด็จฟื้นคืนชีพแล้ว คำถามและข้อสงสัยทุกอย่าง การรีรอไม่แน่ใจและความกลัวถูกขับไล่ไปจนหมดสิ้นเพราะการเผยแสดงนี้ พระผู้เสด็จกลับฟื้นพระชนม์ทรงมอบความมั่นใจให้พวกเราว่าความดีจะชนะความชั่วเสมอ การมีชีวิตจะเอาชนะความตาย และความตกต่ำในความโศกเศร้าไม่ใช่เป้าหมายของพวกเรา ชีวิตของพวกเรานั้นสูงส่ง พวกเราต้องลุกขึ้นมุ่งไปสู่ที่สูง พระผู้กลับฟื้นคืนพระชนม์ชีพเป็นเครื่องยืนยันว่าพระเยซูคริสต์ทรงชอบธรรมในทุกสิ่งทุกมิติ ในคำสัญญาที่จะมอบชีวิตให้พวกเราหลังความตาย และจะทรงให้อภัยบาปทุกอย่างของพวกเรา บรรดาศิษย์ต่างพากันสงสัย งงงวย พวกเขาไม่เชื่อ คนแรกที่เชื่อและแห็นคือมารีย์ มักดาเลน เธอคืออัครสาวกแห่งการเสด็จกลับฟื้นคืนพระชนม์ที่ชีพ กล้าหาญออกไปประกาศว่า เธอได้เห็นพระเยซูคริสต์ และพระองค์ขานเรียกชื่อเธอ ถัดจากนั้นศิษย์ทุกคนก็เห็นพระองค์ ทว่าพ่อปรารถนาที่จะเน้นไตร่ตรองจุดนี้ พวกยาม (รปภ) และทหารที่เฝ้าหลุมศพไม่ยอมให้พวกศิษย์มาขโมยศพไป พวกเขาก็เห็นพระองค์ที่ยังมีชีวิตและประทับยืนขึ้นมา พวกศัตรูของพระองค์ก็เห็นพระองค์ แล้วพวกเขาก็แกล้งทำเป็นว่าไม่เห็นพระองค์ เพราะเหตุใดหรือ? เพราะ อามิสสินจ้าง เพราะการคอรัปชั่น นี่คือพระธรรมล้ำลึกแท้จริงถึงสิ่งที่พระเยซูคริสต์ตรัสไว้ครั้งหนึ่งว่า “มีเจ้านายสองคนในโลกนี้ พระเจ้าและเงินตรา คนที่รับใช้เงินตราก็ทำผิดต่อพระเจ้า” และในที่นี้เป็นเงินตราที่เปลี่ยนความจริง พวกเขาเห็นอัศจรรย์แห่งการกลับคืนชีพขึ้นมา แต่พวกเขาได้รับอามิสสินจ้างเพื่อที่จะปิดปาก ขอให้คิดดูหลายครั้งที่คริสตชนหลายคนรับอามิสสินจ้างเพื่อที่จะไม่ยอมรับในเชิงปฏิบัติถึงการเสด็จกลับฟื้นคืนพระชนม์ชีพของพระคริสตเจ้า  และไม่ปฏิบัติตามที่พระเยซูคริสต์ทรงขอร้องให้ทำในฐานะที่เป็นคริสตชน

        ลูก ๆ และ พี่น้องชายหญิงที่รัก ปีนี้เป็นอีกครั้งหนึ่งที่พวกเราจะฉลองปัสกาในบรรยากาศแห่งโรคระบาด ในหลายสถานการณ์แห่งความทุกข์โดยเฉพาะในกรณีที่ประชาชนเป็นผู้รับทุกข์ ในกรณีที่ครอบครัวและประชาชนเป็นต้องสู้ทนกับความยากลำบากเพราะความยากจนภัยพิบัติหรือความขดแย้ง ไม้กางเขนของพระเยซูคริสต์เป็นสัญญาณหรือเข็มทิศที่บอกเส้นทางการเดินเรือในยามที่ทะเลมีมรสุม ไม้กางเขนของพระเยซูคริสต์เป็นเครื่องหมายแห่งความหวังที่จะไม่ทำให้ผู้ใดผิดหวัง และบอกพวกเราว่าจะไม่มีน้ำตาแม้นหยดเดียวแม้แต่การถอนหายใจที่สูญเสียไปในแผนการของพระเจ้า ขอให้พวกเราวิงวอนพระเยซูคริสต์ได้โปรดประทานพระหรรษทานในการบริการรับใช้พระองค์ และในการยอมรับพระองค์ และในการที่จะไม่ปล่อยให้ตัวเราเองเป็นผู้รับอามิสสินจ้าง คอรัปชั่น เพื่อที่จะลืมพระองค์

พระสันตะปาปาทรงกล่าวต้อนรับ

        ขอต้อนรับประชาสัตบุรุษที่พูดภาษาอังกฤษ ขอให้สัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์นี้นำพวกเราไปสู่การฉลองการเสด็จกลับคืนพระชนม์ชีพของพระเยซูคริสต์ด้วยหัวใจที่ชำระล้างสะอาดและได้รับการฟื้นฟูด้วยพระหรรษทานของพระจิต ขอให้พระเจ้าโปรดอำนวยอวยพรทุกคน

สรุปคำปราศรัยของสมเด็จพระสันตะปาปา

        ลูก ๆ และ พี่น้องที่รักทั้งหลาย พรุ่งนี้ (1 เมษายน) พวกเราจะเริ่มตรีวารปัสกาและฉลองพระธรรมล้ำลึกการไถ่กู้ด้วยมหาทรมานการสิ้นพระชนม์และการเสด็จกลับคืนชีพของพระเยซูคริสต์ ในวันพฤหัสบดีศักดิ์สิทธิ์ในพิธีบูชามิสซาขอบพระคุณสำหรับการเลี้ยงอาหารค่ำมื้อสุดท้าย พวกเรารำลึกถึงการล้างเท้าศิษย์ของพระเยซูคริสต์ ซึ่งเป็นบัญญัติใหม่แห่งความรักและการตั้งศีลมหาสนิทให้เป็นอนุสรณ์ถาวรแห่งการบูชาพระกายและพระโลหิตของพระองค์เพื่อความรอดของทุกคน  ในวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ พวกเราฉลองการทรมานและการสิ้นพระชนม์เพื่อไถ่กู้จากบาปของพระเยซูคริสต์โดยอาศัยการอ่านมหาทรมาน จากนั้นสวดบทภาวนาเพื่อมวลชนสากล  สำหรับความจำเป็นของพระศาสนจักรและของโลกตลอดจนพิธีนมัสการไม้กางเขน โดยอาศัยการกระทำเช่นนี้ขอให้พวกเราไตร่ตรองนำเอาความทุกข์ยากของบรรดาพี่น้องชายหญิงของพวกเราและผู้ที่ตกเป็นผู้เคราะห์ร้ายจากภัยพิบัติสงครามและการใช้ความรุนแรงมาวางไว้ต่อพระพักตร์พระเยซูคริสต์ที่ถูกตรึงอยู่บนไม้กางเขน ในวันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์อันเป็นวันแห่งความเงียบ พวกเราร่วมใจกับแม่พระในความทุกข์ของพระแม่ในการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ และการรอคอยที่เปี่ยมด้วยความไววางใจถึงความสำเร็จแห่งพระวาจาของพระเจ้า ในตอนค่ำก่อนปัสกาแสงสว่างจากเทียนปัสกา และการขับร้องบทเพลงอัลเลลูยาด้วยความชื่นชมยินดีประกาศถึงชัยชนะของพระเยซูคริสต์เหนือบาปและความตาย ในยามที่โลกกำลังเกิดโรคระบาดนี้ขอให้การเฉลิมฉลองพระธรรมล้ำลึกแห่งปัสกาเป็นแสงสว่างที่ส่องสว่างในความมืดและเป็นเครื่องหมายถาวรแห่งความหวังในพันธสัญญาแห่งชีวิตใหม่ของพระเจ้า

(วิษณุ ธัญญอนันต์ – เก็บการสอนคำสอนของพระสันตะปาปามาแบ่งปันและไตร่ตรอง)

สาส์นพระสังฆราชยอแซฟ วุฒิเลิศ แห่ล้อม
โอกาสวันผู้สูงอายุแห่งชาติ ประจําปี พ.ศ.2564

สาส์นพระสังฆราชยอแซฟ วุฒิเลิศ แห่ล้อม
โอกาสวันผู้สูงอายุแห่งชาติ ประจําปี พ.ศ.2564

“อนาคตสังคมสูงวัยไทย หลังโควิด-19”

พี่น้องผู้สูงอายุคริสตชนที่รักทุกท่าน

“วันผู้สูงอายุแห่งชาติ” ปีนี้ ปัญหาใหญ่ของประเทศได้เกิดขึ้นแล้ว ดํารงอยู่ และถูกตอกย้ำในภาวะ Covid 19 และ New Normal ปัจจุบันไทย ได้ก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างรวดเร็ว อีก 15 ปี ไทยจะก้าวเป็นสังคมสูงวัยระดับสุดยอด (Super Aged Society) หรือมีผู้สูงอายุมากถึง 30% ของประชากร ซึ่งถือว่าเป็นสัดส่วนที่สูงมาก อีกทั้งไทยยังประสบปัญหาคุณภาพของแรงงาน ผู้สูงอายุของไทยจํานวนมากยังมีฐานะยากจน โดย 1 ใน 3 มีรายได้ต่ำมาก

ปัญหาที่เห็นชัดเจน คือ การขาดรายได้ ผู้สูงวัยจํานวนมากต้องพึ่งพาลูกหลาน และมีจํานวนที่น้อยมาก ที่มีรายได้จากเงินออมหรือจากเงินลงทุน และคนไทยส่วนใหญ่ (ในทุกๆวัย) ยังขาดการออมอย่างเป็นระบบและมีเงินเก็บเพียงพอในยามฉุกเฉินหรือในยามเกษียณก็ตาม ยังไม่รวมถึงปัญหาสังคมสูงวัยหลายด้าน เช่นด้านสุขภาพ ภาวะจิตใจ สภาพแวดล้อม การเข้าสังคม และการมีสังคมเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต (Lifelong learning) โดยภาพรวมแล้ว ไทยมีปัญหาในสังคมสูงวัยจากเหตุผล 4 ประการ คือ เด็กเกิดน้อยลง คนอายุยืนขึ้น คนวัยทํางานน้อยลง และประชาชนยังมีรายได้ต่ำ

จากข้อมูลของนักวิชาการที่ศึกษาเรื่องสังคมผู้สูงอายุมาอย่างต่อเนื่อง สะท้อนมุมมองถึงสังคมสูงวัย ในยุคโควิด-19 ที่มี 4 โจทย์สําคัญคือ 1.) ทําอย่างไรให้สังคมสูงวัยมีคุณภาพชีวิตที่ดีในด้านต่างๆ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สุขภาพ สังคม สภาพแวดล้อมในบ้าน-นอกบ้าน และสภาพแวดล้อมของเมือง 2.) จะทําอย่างไรให้ผู้สูงอายุในอนาคต ได้เตรียมความพร้อมในการเข้าสู่สังคมสูงวัย 3.) ทําอย่างไรให้สังคมมีความ “กระปรี้กระเปร่า” ทําอย่างไรให้ประชากรมีคุณภาพรองรับการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยให้ได้ และ 4.) ทําอย่างไรให้ระบบต่างๆ โดยเฉพาะการเงินการคลังที่จะรองรับสังคมสูงวัยสร้างหลักประกันครอบคลุม เพียงพอและยั่งยืนได้ ซึ่งทางภาครัฐก็ดําเนินการมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับกับสังคมสูงวัยโดยเฉพาะ การทําให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดี ให้ทุกคนสามารถเข้าถึงบริการสุขภาพได้ และช่วยให้ผู้สูงอายุปรับตัว กับสังคมผู้สูงวัยไทยหลังโควิด-19 ได้

พ่อขอให้ผู้สูงอายุคาทอลิกได้ร่วมมือร่วมใจเป็นหนึ่งเดียวกับสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส ผู้ทรงแสดง “ความใกล้ชิดของพระองค์กับผู้เจ็บป่วยด้วยไวรัสโควิด-19” และร่วมสวดบทภาวนาวิงวอนขอพระแม่มารีย์ ในช่วงการระบาดของเชื้อโควิด-19 กับผู้ที่ให้การดูแลรักษาพยาบาล กับเจ้าหน้าที่บ้านเมือง และทุกคน ที่เกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือคนป่วย โรคไวรัสโควิด-19 อาจจะอยู่กับเราอีกนาน แต่ถ้าเราเตรียมตัวให้พร้อม ด้วยการป้องกัน ทั้งทางร่างกายและจิตวิญญาณ เราจะพบว่าพระเป็นเจ้าทรงประทับกับเรามานานกว่านั้นเสียอีก

(พระสังฆราชยอแซฟ วุฒิเลิศ แห่ล้อม)
ผู้รับผิดชอบแผนกสุขภาพอนามัย
คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อการพัฒนาสังคม

บทเทศน์วันอาทิตย์ใบลานแห่งพระมหาทรมานของพระเยซูคริสต์

บทเทศน์วันอาทิตย์ใบลานแห่งพระมหาทรมานของพระเยซูคริสต์
วันที่ 28 มีนาคม 2021 ณ มหาวิหารนักบุญเปโตร

ทุกปีพิธีกรรมทำให้พวกเราต้องตื่นเต้นอย่างประหลาดใจ พวกเราผ่านจากความชื่นชมยินดีในการต้อนรับพระเยซูคริสต์ในขณะที่พระองค์เสด็จเข้าสู่กรุงเยรูซาเล็มสู่ความเศร้าที่เห็นพระองค์ถูกคำสั่งลงโทษประหารชีวิตด้วยความตายบนไม้กางเขน ความรู้สึกประหลาดภายในนั้นจะอยู่กับพวกเราไปตลอดสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ ขอให้พวกเราไตร่ตรองกันอย่างลึกซึ้งกับเรื่องนี้

        พระเยซูคริสต์ทำให้พวกเรารู้สึกตื่นเต้นและประหลาดใจตั้งแต่แรก ประชากรได้ถวายการต้อนรับพระองค์อย่างยิ่งใหญ่ แต่พระองค์ก็เสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็มบนหลังลา ประชากรหวังที่จะเห็นผู้ช่วยให้พวกเขารอดจากอำนาจที่ถูกกดขี่ในโอกาสปัสกา แต่พระองค์ทรงทำให้ปัสกาสำเร็จลุล่วงไปด้วยการอุทิศพระองค์เอง ประชากรของพระองค์หวังที่จะมีชัยเหนือพวกโรมันด้วยคมดาบ แต่พระเยซูคริสต์เสด็จมาเพื่อที่จะฉลองชัยชนะของพระเจ้าโดยอาศัยไม้กางเขน สิ่งที่เกิดขึ้นกับประชากรที่เมื่อไม่กี่วันมานี้เพิ่งโห่ร้องจาก “โฮซันนา” กลับตะโกนว่า “เอามันไปตรึงบนไม้กางเขน”? อะไรเกิดขึ้น? พวกเขาเชื่อตามความคิดของตนเองเกี่ยวกับพระผู้ไถ่ แทนที่จะเชื่อในพระผู้ไถ่พระแมสซีอาห์ พวกเขาพิศวงในพระเยซูคริสต์ แต่พวกเขาไม่รู้สึกการทำให้ตนได้รับความประหลาดใจ ความปราะหลาดใจไม่เหมือนกับการนิยมสรรเสริญหรือชื่นชม การนิยมสรรเสริญค่อนข้างไปในทางโลกีย์วิสัย เพราะนั่นจะเป็นไปในทำนองตามค่านิยมและการคาดหวังของตัวเราเอง ส่วนการประหลาดใจแบบฉงนจะเปิดใจกว้างสู่ผู้อื่น และสู่สิ่งใหม่ๆ ที่นำมาให้ แม้กระทั่งในทุกวันนี้มีผู้คนเป็นอันมากที่นิยมสรรเสริญพระเยซูคริสต์ พระองค์ตรัสสิ่งสวยงามมากมาย พระองค์ทรงเปี่ยมด้วยความรักและการให้อภัย แบบฉบับของพระองค์เปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์…ฯลฯ  พวกเขาชื่นชมพระองค์ ทว่าชีวิตของพวกเขาไม่มีการเปลี่ยนแปลง การชื่นชมพระเยซูคริสต์ยังไม่เพียงพอ พวกเราต้องเจริญชีวิตตามรอยพระบาทของพระองค์ ต้องยอมให้ตัวเราเองได้รับการท้าทายจากพระองค์ ต้องผ่านเพียงจากการนิยมชมชอบเป็นความประหลาดใจแบบฉงนสนเท่ห์

        สิ่งใดคือสิ่งที่น่าประหลาดใจที่สุดเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์ และสิ่งใดคือปัสกาของพระองค์?  เป็นความจริงที่ว่าพระองค์ทรงได้รับพระสิริมงคลด้วยความสุภาพถ่อมตนของพระองค์ พระองค์มีชัยชนะด้วยการยอมรับความทุกข์ทรมานและความตาย อันเป็นสิ่งซึ่งพวกเรามักจะหลีกเลี่ยง แต่กลับไปแสวงหาความนิยมชื่นชมและความสำเร็จแบบชาวโลกทั่วไป เฉกเช่นที่นักบุญเปาโลกล่าวกับพวกเราว่า “จงทำตนเป็นคนว่างเปล่า… พระองค์ทรงถ่อมตนลง” (ฟป. 2: 7-8) นี่คือสิ่งที่น่าประหลาดใจ คือการที่พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ทรงลดตนเองลงจนไม่เหลืออะไรเลย การที่พวกเราเห็นพระวจนาตถ์ ผู้ทรงสรรพานุภาพ ทรงทราบทุกสิ่ง ทรงสอนพวกเราอย่างเงียบๆ บนที่สูงแห่งไม้กางเขน พวกเรามองเห็นพระราชาแห่งจอมราชันผู้ประทับบนพระบัลลังก์กลับมาอยู่บนตะแลงแกง การเห็นพระเจ้าแห่งสากลจักรวาลถูกเปลื้องจนหมดทุกสิ่ง และสวมมงกุฎหนามแทนที่จะเป็นมงกุฎที่สวยงามรุ่งโรจน์ การเห็นพระผู้ทรงเป็นองค์แห่งคุณงามความดี แต่บัดนี้ถูกสบประมาทและถูกโบยตี เหตุใดจึงต้องสุภาพต่ำต้อยเช่นนี้? ข้าแต่พระเยซูคริสต์ เหตุใดพระองค์จึงทรงยอมทนต่อสิ่งเหล่านี้?

        พระเยซูคริสต์ทรงกระทำไปเพื่อพวกเรา เพื่อโอบอุ้มประสบการณ์มนุษย์ของพวกเรา เพื่อการมีชีวิตของพวกเรา เพื่อชำระล้างบาปทั้งปวงของเรา เพื่อเข้าใกล้พวกเรา และไม่ทรงทอดทิ้งพวกเราในยามที่พวกเราเผชิญความทุกข์และใกล้ตาย เพื่อที่จะไถ่กู้พวกเรา เพื่อช่วยให้พวกเรารอด พระเยซูคริสต์ถูกยกขึ้นสูงบนไม้กาเขนเพื่อที่จะเสด็จลงมายังห้วงเหวแห่งความทุกข์ของพวกเรา พระองค์ทรงมีประสบการณ์กับความทุกช์สูงสุดของพวกเรา ไม่ว่าจะเป็นความล้มเหลว การสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง การถูกทรยศจากเพื่อน ๆ แม้กระทั่งการถูกทอดทิ้งจากพระเจ้า โดยอาศัยประสบการณ์จากการต่อสู้ดิ้นรนและความขัดแย้งทางกายภาพของพวกเรา พระองค์ทรงไถ่กู้และเปลี่ยนแปลงตัวเรา ความรักของพระองค์ขยับเข้ามาใกล้กับความอ่อนแอของพวกเรา ความรักไปสัมผัสกับสิ่งที่พวกเรารู้สึกอับอายมากที่สุด แต่บัดนี้พวกเราทราบว่า พวกเราไม่ได้อยู่ตามลำพัง พระเจ้าทรงประทับอยู่เคียงข้างพวกเราในควาทุกข์ยากลำบากทุกอย่าง และในความกลัวทุกสิ่ง ไม่มีความชั่วร้ายหรือบาปใดจะทำให้สิ่งต่าง ๆ จบสิ้น พระเจ้าทรงมีชัยชนะเหนือบาป เหนือความชั่ว เหนือความตาย ทว่าใบปาล์ม ใบลานแห่งชัยชนะจำเป็นต้องผ่านไม้กางเขน เพราะใบปาล์มและไม้กางเขนเป็นสิ่งที่จะแยกออกจากกันไม่ได้

        ขอให้พวกเราวอนขอพระหรรษทานที่จะทำให้รู้สึกประหลาดใจ ชีวิตคริสตชนหากปราศจากซึ่งการประหลาดใจจะจืดชืดน่าเบื่อหน่าย พวกเราจะพูดถึงความชื่นชมยินดีของการพบปะกับพระเยซูคริสต์ได้อย่างไร นอกจากว่าพวกเรารู้สึกประหลาดใจ และตื่นเต้นต่อความรักของพระองค์ทุกวัน ซึ่งจะนำการให้อภัยและความเป็นไปได้ที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่แก่พวกเรา? เมื่อความเชื่อไม่มีประสบการณ์กับสิ่งประหลาดใจอีกต่อไปนั่นจะกลายเป็นสิ่งน่าเบื่อ จะกลายเป็นคนตาบอดที่ไม่อาจมองเห็นความมหัศจรรย์แห่งพระหรรษทาน และไม่อาจลิ้มรสปังแห่งชีวิต ไม่ได้ยินเสียงของพระวาจา ไม่สามารถมองเห็นความสวยงามของบรรดาพี่น้องและของขวัญแห่งสรรพสิ่งสรรพสัตว์ ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะพึ่งพาเพียงกับตัวบทกฎหมาย และอำนาจสมณะนิยม และทุกสิ่งที่พระเยซูคริสต์ทรงประณามที่บ่งชี้ในพระวรสารโดยนักบุญมัทธิว บทที่ 23

        ในสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์นี้ ขอให้พวกเราพิศเพ่งสายตาขึ้นสู่ไม้กางเขน เพื่อที่จะรับพระหรรษทานแห่งความประหลาดใจ เฉกเช่นที่นักบุญฟรันซิสแห่งอัสซีซี ได้พิศเพ่งพระเยซูคริสต์ที่ตรึงบนไม้กางเขน ท่านนักบุญประหลาดใจว่าบรรดานักพรตของตนไม่ได้ร้องไห้ แล้วพวกเราล่ะ? พวกเรารู้สึกสะเทือนใจจากความรักของพระเจ้าบ้างไหม? พวกเราสูญเสียความรู้สึกที่จะได้รับความประหลาดใจจากพระองค์แล้วหรือ? เพราะเหตุใด? อาจเป็นได้ว่าความเชื่อของพวกเราน่าเบื่อหน่ายจนเป็นนิสัย อาจเป็นได้ว่าพวกเราติดกับดักอยู่เพียงการเสียอกเสียใจของพวกเรา และยอมเป็นง่อยอยู่กับความผิดหวังของพวกเรา อาจเป็นได้ว่าพวกเราสูญเสียความวางใจของพวกเรา หรือแม้กระทั่งรู้สึกว่าตัวของพวกเรานั้นไร้ค่า แต่บางทีเบื้องหลังของ “สิ่งที่อาจเป็นไปได้เหล่านี้” อยู่ในความจริงว่าพวกเราไม่ได้เปิดใจให้กับพระหรรษทานของพระจิต ผู้ทรงประทานพระหรรษทานแห่งความประหลาดใจให้กับพวกเรา

        ขอให้พวกเราเริ่มต้นกันใหม่จากความประหลาดใจ ขอให้พวกเราพิศเพ่งไปที่พระเยซูคริสต์บนไม้กางเขนพร้อมกับกล่าวกับพระองค์ว่า “ข้าแต่พระเยซูคริสต์ พระองค์ทรงรักลูกเหลือเกิน ลูกมีค่าเพียงใดต่อพระองค์!” ขอให้พวกเราได้รับความประหลาดใจจากพระเยซูคริสต์เพื่อที่พวกเราจะสามารถเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้งหนึ่ง เพราะความเป็นสิริมงคลของชีวิตไม่ได้ขึ้นอยู่กับความร่ำรวยและยศถาบรรดาศักดิ์ แต่อยู่กับการรับรู้ว่าพวกเราได้รับความรัก นี่คือสิริมงคลแห่งชีวิต ซึ่งได้แก่การพบว่าพวกเราได้รับความรัก และสิริมงคลแห่งชีวิตก็อยู่ที่ความสวยงามแห่งความรักนั่นเอง ในพระเยซูคริสต์ผู้ถูกตรึงบนไม้กางเขน พวกเรามองเห็นว่าพระเจ้าถูกสบประมาท ทว่าพระเจ้ามิได้สนพระทัยการถูกเหยียดหยาม และด้วยพระหรรษทานแห่งความประหลาดใจพวกเราจึงรับรู้ว่าต้องต้อนรับผู้ที่ถูกสบประมาท ต้องเข้าใกล้ผู้ที่ถูกปฏิบัติอย่างเลวร้ายในชีวิต นั่นแหละพวกเรากำลังรักพระเยซูคริสต์ เพราะว่าพระองค์ทรงประทับอยู่ที่นั่น อยู่ในบรรดาพี่น้องชายหญิงที่ต่ำต้อยที่สุด ในผู้ที่ถูกปฏิเสธไม่มีผู้ใดเหลียวแล ในผู้ถูกประณามจากบุคคลที่คิดว่าตัวเองถูกต้องเสมอ

        พระวรสารวันนี้แสดงให้พวกเราเห็นว่า ทันทีหลังการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ ได้เกิดภาพลักษณ์อันโดดเด่น เป็นฉากของนายร้อย เมื่อเขาเห็นพระเยซูคริสต์สิ้นพระชนม์แล้ว เขากล่าวว่า “แน่นอนว่าชายผู้นี้เป็นพระบุตรของพระเจ้า!” (มก. 15: 39) เขาประหลาดใจเพราะความรัก เขาเห็นพระเยซูคริสต์สิ้นพระชนม์เช่นไรหรือ? เขาเห็นพระองค์สิ้นพระชนม์ในความรัก และนี่เป็นสิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจ พระเยซูคริสต์ทรงทนทุกข์ทรมานมากมาย แต่พระองค์ไม่เคยหยุดที่จะรัก นี่คือสิ่งที่จะต้องประหลาดใจต่อพระพักตร์พระเจ้า มีผู้ใดบ้างที่ทำให้ความตายเปี่ยมด้วยความรัก ในความรักที่มอบให้แบบเปล่า ๆ ชนิดที่ไม่มีที่ใดปรากฏมาก่อนเลย นายร้อยต่างศาสนาผู้นั้นได้พบกับพระเจ้า คำพูดของเขา แน่นอนว่าชายผู้นี้คือพระบุตรของพระเจ้า เป็น “การประทับตรา” ให้กับเรื่องราวของปัสกา พระวรสารบอกพวกเราว่ายังมีคนอื่นๆ อีกมากมายที่รับทราบว่าพระองค์เป็นพระบุตรของพระเจ้า และพระองค์ทรงทำอัศจรรย์มากมาย แต่พระเยซูคริสต์ทรงปิดปากพวกเขา เพราะว่าพวกเขาเพียงแต่ชื่นชมอยู่เพียงระดับโลกียวิสัยในการคิดถึงพระเจ้าว่าพระองค์จะต้องได้รับการนมัสการ และเกิดความกลัวเพราะพละอำนาจของพระองค์ แต่บัดนี้หาเป็นเช่นนั้นไม่ เพราะ ณ แทบเท้าไม้กางเขนไม่อาจที่จะผิดพลาดได้ พระเจ้าทรงเผยแสดงพระองค์ และทรงปกครองด้วยอำนาจที่ปราศจากอาวุธ และด้วยอำนาจแห่งความรักเท่านั้น

        ลูก ๆ และ พี่น้องชายหญิงที่รัก วันนี้พระเจ้ายังคงทำให้จิตใจพวกเราเปี่ยมด้วยความประหลาดใจ ขอให้พวกเราเปี่ยมด้วยความประหลาดใจในขณะที่พวกเราพิศเพ่งไปยังพระเยซูคริสต์ที่ถูกตรึงอยู่บนไม้กางเขน ขอให้พวกเรากล่าวเช่นเดียวกันว่า “พระองค์ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้าแท้จริง พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของลูก”

(วิษณุ ธัญญอนันต์ – เก็บบทเทศน์ของพระสันตะปาปามาแบ่งปันและไตร่ตรอง)

พิธีมอบเกียรติบัตรนักศึกษาครูคำสอนศูนย์คำสอนแม่ริม

พิธีมอบเกียรติบัตรนักศึกษาครูคำสอนศูนย์คำสอนแม่ริม

คุณพ่อสมชาย  กิจนิชี  เจ้าอาวาส วัดนักบุญยอแซฟกรรมกร  แม่ริม  จ.เชียงใหม่ได้จัดมิสซาวันอาทิตย์แห่ใบลาน  วันที่ 28 มีนาคม  2021 และถือเป็นโอกาสมอบเกียรติบัตร  แก่นักศึกษาครูคำสอน  รุ่นที่ 25 จำนวน 5 คน  ที่สำเร็จการศึกษา (2 ปี) มีสัตบุรุษของวัด  และครอบครัว  มาร่วมแสดงความยินดี

            นักศึกษาที่สำเร็จการศึกษาได้แก่

  1. เชชีลีอา สุรีรัตน์  จำปาผดุง  วัดนักบุญเปาโล  (นาเกียน)
  2. อังเยลา อารยา  ปินตา  วัดนักบุญยอแซฟ  (สะเมิง)
  3. เปโตร ชัยยศ  ทวีนิธินันท์  วัดนักบุญเปโตร  (ขุนแม่ลา)
  4. มัทธีอัส ธีรวัฒน์  จรัสจามีกรกุล  วัดพระเมตตา  แม่ระมาด (มิสซังนครสวรรค์)
  5. โรเบิร์ต แบลามีน  ตุจอ  ลักขณจันทร์  วัดนักบุญลอเรนโซ หลุยส์  (สบเมย)

            นักศึกษายังฝึกชีวิตครูคำสอนที่ศูนย์ถึงปลายเดือนเมษายน  จึงจะกลับไปปฏิบัติหน้าที่ อย่างมั่นใจ     ขอแสดงความยินดีด้วยครับ

(ฟ.วีระ  อาภรณ์รัตน์)

สมณลิขิตในรูปแบบพระสมณะดำริ (Motu Proprio) ของพระสันตะปาปาฟรานซิส
เกี่ยวกับค่าตอบแทนสำหรับเจ้าหน้าที่แห่งสันตะสำนัก นครรัฐวาติกัน ฯลฯ

            อนาคตทางเศรษฐกิจแบบถาวรยั่งยืนของทุกวันนี้ ส่งผลกระทบท่ามกลางสิ่งต่างๆ จึงจำเป็นต้องออกมาตรการเกี่ยวกับเงินค่าตอบแทนของเจ้าหน้าที่ระดับต่าง ๆ

  • เนื่องจากการขาดดุลที่เป็นลักษณะของการบริหารจัดการเศรษฐกิจของสันตะสำนักติดต่อกันเป็นเวลาหลายปี 
  • เนื่องจากสถานการณ์ตกต่ำลงเพราะปัญหาสุขภาพอันสืบเนื่องมาจากโรคระบาดโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อรายได้ทุกประเภทสำหรับสันตะสำนักและนครรัฐวาติกัน
  • เมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่าค่าตอบแทนแก่เจ้าหน้าที่เป็นรายการที่สำคัญแห่งค่าใช้จ่ายในงบประมาณแห่งสันตะสำนักและนครรัฐวาติกัน
  • เมื่อพิจารณาเห็นว่าแม้ว่าสันตะสำนักและนครรัฐวาติกันจะมีงบประมาณที่เพียงพอ ทว่าจำเป็นที่ต้องสร้างหลักประกันถึงความยั่งยืนและงบดุลระหว่างรายรับและรายจ่ายในการบริหารจัดการเศรษฐกิจและการคลังที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
  • จึงถือว่าเป็นความจำเป็นที่ต้องดำเนินการในเรื่องนี้ตามมาตรฐานแห่งความสมดุลและความเจริญก้าวหน้า
  • โดยมีเป้าหมายที่จะดำรงไว้ซึ่งตำแหน่งงานในปัจจุบัน
  • โดยรับความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญแห่งสำนักเลขาธิการเพื่อเศรษฐกิจ และหลังจากที่มีการตรวจสอบถึงทุกปัญหาอย่างละเอียดเกี่ยวกับประเด็นนี้แล้วข้าพเจ้าจึงออกกฤษฎีกาดังต่อไปนี้

มาตรา 1

ค่าตอบแทนสำหรับบรรดาพระคาร์ดินัล

§1 โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2021 ที่จ่ายโดยสันตะสำนักสำหรับพระคาร์ดินัลไม่ว่าเดิมจะกำหนดไว้เท่าใดก็ตามจะลดลง 10% เมื่อเทียบกับเงินเดือนที่จ่ายครั้งสุดท้าย

มาตรา 2

ค่าตอบแทนสำหรับเจ้าหน้าที่ผู้อาวุโส

§1 นับจากวันที่ 1 เมษายน 2021 เป็นต้นไปค่าตอบแทนไม่ว่าเดิมจะกำหนดเท่าใด ค่าตอบแทนสุทธิโดยไม่รวมค่าตอบแทนเพิ่มตามที่ตกลงกันไว้ในสัญญาที่จ่ายโดยสันตะสำนักและนครรัฐวาติกันต่อบุคคลที่เงินเดือนจัดอยู่ในขั้น C และ C1 จะถูกตัด 8% เมื่อเทียบกับเงินเดือนที่จ่ายครั้งสุดท้าย

มาตรา 3

ค่าตอบแทนสำหรับบาดหลวงและนักบวช

§1 โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2021 ค่าตอบแทนที่จ่ายโดยสันตะสำนักและนครรัฐวาติกันต่อนักบวชและสมาชิกของสถาบันผู้ถวายตัวและสถาบันแห่งชีวิตผู้ประกาศพระวรสาร ซึ่งมีเงินเดือนอยู่ในระดับ C2 และ C3 พร้อมกับอีก 10 ระดับที่ไม่ได้ทำหน้าที่บริหารจะลดเงินเดือนลง 3% เมื่อเทียบกับเงินเดือนที่รับครั้งสุดท้าย

มาตรา 4

§1 การลดเงินเดือนดังที่ระบุไว้ในมาตรา 1, 2 และ 3 จะไม่ถูกนำมาใช้ หากบุคคลที่เกี่ยวข้องแสดงหลักฐานว่าค่าตอบแทนไม่เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายประจำสำหรับสุขภาพของตนเองและญาติระดับสอง เงื่อนไขของการใช้มาตรานี้จะมีการประเมินทุกปี เอกสารกำกับดังกล่าวต้องส่งไปยังสำนักงานดังนี้

ก) สำนักเลขาธิการเพื่อเศรษฐกิจ เพื่อเจ้าหน้าที่ที่ขึ้นตรงต่อสำนักเลขาธิการเพื่อเศรษฐกิจ

ข) สำนักงานนครรัฐวาติกันแผนกบุคคลากร

ค) สถาบันที่ตนเป็นเจ้าหน้าที่ (ลูกจ้าง) ในสังกัดแห่งสมณกระทรวงเพื่อการประกาศข่าวดีสู่ปวงชนและสถาบันที่ระบุไว้ในมาตรา 6

มาตรา 5

การเพิ่มเงินเดือนผู้อาวุโสทุกสองปี

§1 ในระหว่าง 1 เมษายน 2021 และ 31 มีนาคม 2023 การเพิ่มเงินเดือนอาวุโสทุกสองปีจะถูกระงับสำหรับบุคคลที่ระบุไว้ในมาตรา 2 และ 3 และสำหรับบุคคลที่มีสัญญาว่าจ้างในระดับ 4 ถึง 10 ซึ่งรวมทั้งสันตะสำนักและนครรัฐวาติกันซึ่ งสันตะสำนักหรือนครรัฐวาติกันเป็นผู้จ่ายเงินเดือน (ค่าตอบแทน)

มาตรา 6

หน่วยงานอื่น ๆ

§1 ข้อกำหนดแห่งมาตราข้างบนนี้ยังหมายถึงเขตศาสนปกครองแห่งกรุงโรม สำนักงานต่าง ๆ ในพระตำหนักแห่งอัครสาวก ห้องสมุดลาเตรัน อาภรณ์แห่งนักบุญเปโตร และมหาวิหารนักบุญเปาโลนอกกำแพง

มาตรา 7

§1 สำนักเลขาธิการเพื่อเศรษฐกิจพร้อมกับการตกลงของนครรัฐวาติกัน และหลังจากปรึกษาหารือกับกองทุนเกษียณ กองทุนเพื่อประกันสุขภาพ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆ จะออกมาตรการเพื่อปฏิบัติอย่างสอดคล้องตามกฤษฎีกาเหล่านี้

          ข้าพเจ้าขอประกาศว่าข้อกำหนดในที่นี้มีผลบังคับทันทีโดยสมบูรณ์และยั่งยืน โดยมิคำนึงถึงสิ่งที่ตรงกันข้าม และให้มีการใช้กฤษฎีกานี้ด้วยการพิมพ์ลงในหนังสือพิมพ์ “ลอส แซวาตอเรโรมาโน” (L’Osservatore Romano) ในวันที่ 24 มีนาคม 2021 และในพระราชกิจจานุเบกษาตามลำดับ

          ให้ไว้ ณ กรุงโรม มหาวิหารนักบุญเปโตร วันที่ 23 มีนาคม 2021 ปีที่เก้าแห่งสมณสมัยของข้าพเจ้า

ฟรานซิส

Bulletin of the Holy See Press Office, 24 March 2021

(วิษณุ ธัญญอนันต์ – เก็บพระสมณดำริของพระสันตะปาปามาแบ่งปัน)

อบรมพ่อบ้านคริสตชนเขตวัดงาว

อบรมพ่อบ้านคริสตชนเขตวัดงาว

เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2564 ณ วัดแม่พระดาวประจำรุ่งและนักบุญยอแซฟ บ้านแม่ฮ่าง อำเภองาว จังหวัดลำปาง ศูนย์แพร่ธรรมฯ โดยคุณพ่อสิริชัย บุหงาสวรรค์และคุณถาวร กัมพลกูลได้รับเชิญจากคุณพ่อเมาริสซีโอ พ่อเจ้าวัดและซิสเตอร์คณะแม่ปอนที่ไปช่วยงานมาให้การอบรมพ่อบ้านคริสตชน โดยมีเนื้อหาเรื่อง “สมณลิขิต ด้วยหัวใจของบิดา” และ “บทบาทพ่อบ้านในสังคมปัจจุบัน” ผู้เข้าร่วมประกอบด้วยครูคำสอน ผู้นำสวด ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน และสมาชิก อบต. จำนวน 41 คน

(Cauhpoqai Pgama-e)