สันตะสำนักเรียกร้องให้ปราบการฉ้อราษฎร์บังหลวง
หรือช่วยกันขจัดการคอรัปชั่น
นี่เป็นกฎเกณฑ์แห่งคุณธรรม จริยธรรม
วันที่ 3 สิงหาคม: วิทยุวาติกันภาคภาษาอังกฤษประกาศในเอกสารฉบับใหม่ที่พึ่งออกมาว่าสันตะสำนัก นครรัฐวาติกันเรียกร้องให้ช่วยกันปราบการฉ้อราษฎร์บังหลวง หรือการคอรัปชั่น และอุปสรรคที่ขัดขวางสันติภาพและความยุติธรรมซึ่งเป็นกฎเกณฑ์แห่งคุณธรรม นี่เป็นผลแห่งการประชุมของคณะที่ปรึกษาสากลเกี่ยวกับความยุติธรรม คอรัปชั่น องค์กรอาชญากรรม และมาเฟีย (International Consultation Group for Justice, Corruption, Organized Crime and Mafia [ICG]) ที่จัดขึ้นโดยสมณสันตะสำนัก
เอกสารดังกล่าวเป็นผลจากการประชุมของ ICG ซึ่งมีผู้นำศาสนา ผู้บังคับใช้กฎหมาย และเหยื่อผู้ถูกกระทำเข้าร่วมประชุม
เอกสารดังกล่าวมีการแถลงการณ์ดังนี้
“คณะที่ปรึกษาสากล ได้ระบุว่านี่เป็นคุณธรรมหรือจริธรรมอันสูงส่ง เพราะว่าเป็นความจำเป็นที่ต้องมีการกระทำอย่างเป็นรูปธรรม ความจริงหน้าที่ที่จะต้องให้การอบรมศึกษาเรียกร้องให้ตระเตรียมอาจารย์ที่มีความน่าเชื่อถือไม่เว้นแม้แต่ในพระศาสนจักร
“คณะที่ปรึกษาสากล จะสร้างเครือข่ายสากล พระศาสนจักรในตัวตนเองเป็นแม่ข่ายอยู่แล้ว และด้วยเหตุนี้จึงสามารถและต้องรับใช้จุดประสงค์นี้ด้วยความกล้าหาญ เด็ดเดี่ยว โปร่งใส มีจิตตารมย์แห่งความร่วมมือและมีความคิดสร้างสรรค์
“ผู้ใดที่เข้ามาในเครือข่ายเพื่อแสวงหาอภิสิทธิ์ การยกเว้น ความได้เปรียบ หรือเข้ามาโดยเส้นทางที่ไม่ชอบธรรมจะไม่มีความน่าเชื่อถือ หากเราเดินตามเส้นทางนี้ เราทุกคนจะเสี่ยงกลายเป็นผู้ที่ไม่เหมาะสมและอันตราย ผู้ที่อาศัยตำแหน่งของตนแนะนำผู้อื่นซึ่งไม่ควรที่จะแนะนำทั้งในด้านของคุณค่าและความซื่อสัตย์เป็นคนที่ไม่น่าเชื่อถือ ดังนั้นการปฏิบัติของคณะกรรมการที่ปรึกษาจึงเป็นการให้การศึกษา ให้ข้อมูลรวบรวมความคิดของสาธารณะและสถาบันต่างๆเพื่อสร้างบรรยากาศแห่งเสรีภาพและความยุติธรรม ทั้งนี้เพื่อความดีและประโยชน์ส่วนรวม”
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสทรงสถาปนาสมณสภาเพื่อส่งเสริมการพัฒนามนุษย์แบบองค์รวมขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2016 โดยมอบให้พระคาร์ดินัลปีเตอร์ เติร์กสันเป็นประธาน พระสันตะปาปาทรงเขียนคำนำในหนังสือของพระคาร์ดินัลเติร์กสันที่ชื่อว่า “Corrosione: Overcome Corruption the Church and in Society” จัดพิมพ์โดย Rizzoli เมื่อเดือนมิถุนายนที่แล้ว
ดังที่ระบุไว้ในหนังสือของพระคาร์ดินัลเติร์กสัน สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสทรงตรัสไว้ว่าการฉ้อราษฎร์บังหลวงเป็น “แผลของสังคมที่ร้ายแรงที่สุด” เป็น “ความเล็วร้าย” และเป็น “โรคมะเร็งของสังคม” พระองค์ยังตรัสต่อไปอีกว่า “ในขณะเดียวกัน ผลหายนะแห่งการฉ้อราษฎร์บังหลวงจะเผยให้เห็นเสมอถึงพฤติกรรมที่เป็นภัยต่อสังคมจะกระทั่งทำให้คุณความดีแห่งความสัมพันธ์มนุษย์ต้องล่มสลาย ซึ่งความสัมพันธ์กันนี้เป็นเสาหลักของสังคม นั่นคือการอยู่ร่วมกันของมนุษย์ซึ่งจะต้องได้รับการพัฒนา การคอรัปชั่นทำลายทุกสิ่งโดยเปลี่ยนความดีส่วนรวม กลายเป็นผลประโยชน์ส่วนตัวและเป็นโรคติดต่อแพร่เชื้อไปอย่างกว้างขวาง นี่เกิดจากใจที่ชั่วช้าและเป็นแผลของสังคมที่เลวร้ายที่สุด เพราะว่ามันก่อให้เกิดปัญหาและอาชญากรรมใหญ่ที่ครอบคลุมทุกคน”
ผลแห่งเอกสารของ ICG สะท้อนให้เห็นถึงประเด็นที่พระคาร์ดินัลเติร์กสันหยิบยกขึ้นมาในหนังสือของท่าน ดังนี้:
“โดยปกติ ผลของการคอรัปชั่นจะไม่เป็นเรื่องที่เข้าใจกันง่ายๆ มีความซับซ้อน พวกเรามักจะไม่ทราบว่าการคอรัปชั่นนั้นเป็นรากเหง้าของอาชญากรรม ดังนั้น คณะที่ปรึกษาสากล จึงต้องทำการแทรกแซงต่อไปเพื่ออุดช่องว่างในสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคอรัปชั่นอยู่เหนือระบบสังคมไม่ว่าจะเป็นที่ไหนในโลก
“คณะกรรมการที่ปรึกษาสากล ยังคงศึกษาต่อไปเกี่ยวกับการพัฒนามนุษย์โดยอาศัยความร่วมมือของสภาบิชอปและพระศาสนจักรท้องถิ่น เพื่อถอนรากถอนโคนพวกกลุ่มแก๊งหรือองค์กรอาชญากรรมด้วยวิธีการที่เหมาะสม แน่นอนนี่มิใช่เป็นเส้นทางที่โรยด้วยกุหลาบ พระศาสนจักรดำรงอยู่ในโลกต้องหาหนทางที่จะเอาไปฏิบัติ และรับฟังจากพวกเขาเหล่านั้นเพื่อการเสวนากับผู้ที่ไม่ใช่เป็นคริสตชนรวมถึงหนทางแก้ไขที่ปัญหาเป็นรูปธรรม โปร่งใส และมีประสิทธิภาพด้วย
“ยิ่งกว่านั้น ยังมีความจำเป็นที่ต้องพัฒนาความสัมพันธ์กันระหว่างความยุติธรรมและความสวยงามซึ่งแทบจะหายไปจากโลกนี้แล้ว มรดกพิเศษเชิงประวัติศาสตร์ ศิลปกรรม และสถาปัตยกรรมเป็นปัจจัยเข้มแข็งในการให้การศึกษาและปั้นสังคมให้ต่อต้านการคอรัปชั่นและองค์กรอาชญากรรมทุกรูปแบบ”
[โปรดอ่านข้อความเต็มต่อไปนี้เกี่ยวกับเอกสารดังกล่าว (แหล่งข่าว: วิทยุวาติกัน)]
เอกสาร “การอภิปรายเกี่ยวกับเรื่องขจัดการคอรัปชั่น” และเป้าหมายของคณะ International Consultation Group for justice, corruption, organized crime and mafias.
เนื้อหาของเอกสาร “การอภิปรายสากลเกี่ยวกับการคอรัปชั่น” (15 มิถุนายน ค.ศ. 2017)
“เพื่อให้ผู้ที่มีอำนาจทางการเงิน การเมือง และผู้นำฝ่ายจิตวิญญาณจะได้ต่อต้านกับการยั่วยวนให้เกิดคอรัปชั่น” นี่คือ เป้าหมายสากล ซึ่งสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสได้กำหนดเป็นวัตถุประสงค์ของเครือข่ายทั่วโลกในการสวดภาวนาสำหรับเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2018 เพื่อรำลึกถึงแบบฉบับของบุญราศี โยเซ็ปเป้ ปูกลีซี ซึ่งเป็นบาทหลวงและมรณะสักขี
เริ่มจากเดือนกันยายน ค.ศ. 2017 เป็นต้นไป คณะกรรมการที่ปรึกษาสากลเพื่อความยุติธรรมแห่งสมณสภาเพื่อส่งเสริมการพัฒนามนุษย์แบบองค์รวมจะมุ่งความพยายามไปยังประเด็นนี้สำหรับปีถัดไป
กาอภิปรายสากลเรื่องคอรัปชั่น ได้แสดงเจตนาร่วมกันที่จะจัดการกับคอรัปชั่น องค์กรอาชญากรรมและมาเฟียในรูปแบบต่างๆ ก่อนที่จะมีการกระทำการปราบคอรัปชั่นต้องมีการตระเตรียมอย่างดี ดังนั้นวัฒนธรรม การศึกษา การอบรมของสถาบัน และการมีส่วนร่วมของภาคประชาคมจึงมีความสำคัญยิ่ง คณะที่ปรึกษาจึงเสนอให้สร้างคำจำกัดความต่างๆสำหรับคำว่า “คอรัปชั่น” ดังที่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสและคาร์ดินัลเติร์กสันเสนอไว้ในหนังสือ “Corrosiones” ซึ่งมีการจัดพิมพ์วันที่ 15 มิถุนายน ค.ศ. 2017
คณะที่ปรึกษา จะไม่เพียงแต่เสนอหรือตักเตือนด้านคุณธรรม หรือจริยธรรมเท่านั้น เพราะการกระทำอย่างเป็นรูปธรรมเป็นสิ่งจำเป็น ความจริงหน้าที่ของการอบรมศึกษาเรียกร้องให้ต้องมีคณาจารย์ที่มีความน่าเชื่อถือแม้กระทั่งในพระศาสนจักร
“ขอให้พวกเราภาวนาสำหรับผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของมาเฟีย เราวอนขอให้พวกเขาจงได้มีพลังที่จะเดินหน้าต่อไปในการต่อสู้กับการคอรัปชั่น นี่เป็นสมณลิขิตของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
คณะกรรมการที่ปรึกษาฯ กำลังจะสร้างเครือข่ายสากล พระศาสนจักรในโลกในตัวตนเองคือเครือข่ายสำคัญ เพราะเหตุนี้พระศาสนจักรมีศักยภาพ และต้องรับใช้เป้าหมายนี้ด้วยความกล้าหาญ เด็ดเดี่ยว โปร่งใส พร้อมด้วยจิตตารมย์แห่งความร่วมมือกันและความคิดสร้างสรรค์
ผู้ใดเข้าเครือข่ายเพื่อแสวงหาอภิสิทธิ์ การยกเว้น ความได้เปรียบ หรือเข้ามาโดยเส้นทางที่ไม่ชอบธรรมจะไม่มีความน่าเชื่อถือ หากเราเดินตามเส้นทางนี้ เราทุกคนจะเสี่ยงกลายเป็นผู้ที่ไม่เหมาะสมและอันตราย ผู้ที่อาศัยตำแหน่งของตนแนะนำให้ผู้อื่นซึ่งไม่คู่ควรที่จะแนะนำทั้งในด้านของคุณค่าและความซื่อสัตย์เป็นคนที่ไม่น่าเชื่อถือ ดังนั้นในการปฏิบัติหน้าที่ ของคณะกรรมการที่ปรึกษา จึงเป็นการให้การอบรมศึกษา ให้ข้อมูล รวบรวมความคิดสาธารณะและของสถาบันต่างๆเพื่อสร้างบรรยากาศแห่งเสรีภาพและความยุติธรรม ทั้งนี้เพื่อความดีและประโยชน์ส่วนรวม
โดยปกติผลของการคอรัปชั่นจะไม่เป็นที่เข้าใจกันง่ายๆ คือมีความซับซ้อนในตัวมันเอง เรามักจะไม่ทราบว่าการคอรัปชั่นนั้นเป็นรากเหง้าของอาชญากรรม ดังนั้น คณะที่ปรึกษาสากลจะทำการแทรกแซงต่อไปเพื่ออุดช่องว่างโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคอรัปชั่นอยู่เหนือระบบสังคมไม่ว่าจะเป็นที่ไหนในโลกนี้
คณะกรรมการที่ปรึกษาสากลยังจะศึกษาค้นคว้าต่อไปเกี่ยวกับการพัฒนามนุษย์โดยอาศัยความร่วมมือของสภาบิชอปและพระศาสนจักรท้องถิ่น เพื่อถอนรากถอนโคนพวกกลุ่มแก๊งหรือองค์กรอาชญากรรมด้วยวิธีการที่เหมาะสม แต่ที่แน่นอนนี่ไม่ใช่หนทางที่โรยด้วยกุหลาบ พระศาสนจักรดำรงอยู่ในโลกต้องหาหนทางที่จะเอาไปฏิบัติ และรับฟังจากพวกเขาเหล่านั้นเพื่อการเสวนากับผู้ที่ไม่ใช่เป็นคริสตชนรวมถึงหนทางแก้ไขที่ปัญหาเป็นรูปธรรม โปร่งใส และมีประสิทธิภาพด้วย
นอกจากนี้มีความจำเป็นที่ต้องพัฒนาความสัมพันธ์กันระหว่างความยุติธรรมและความสวยงามซึ่งแทบจะหายไปจากโลกแล้ว มรดกพิเศษเชิงประวัติศาสตร์ ศิลปกรรม และสถาปัตยกรรมเป็นปัจจัยเข้มแข็งในการให้การศึกษาและหล่อหลอมสังคมให้ต่อต้านคอรัปชั่นและองค์กรอาชญากรรมทุกรูปแบบ
คณะกรมการที่ปรึกษาจะเสนออุดมการณ์ทางการเมือง โดยเน้นเป็นพิเศษถึงความเป็นประชาธิปไตยและการดำเนินชีวิตในสังคมโลก ที่สามารถปลุกมโนธรรมของชนในชาติให้สังคมพลเรือนที่ยุติธรรม เพื่อเป็นหลักประกันว่าสนธิสัญญาสากลจะมีประสิทธิภาพและมาตรการปราบปรามคอรัปชั่นจะมีการปฏิบัติกันอย่างจิงจังตามกฎหมายซึ่งครอบคลุมเกินเลยขอบเขตดินแดน อันที่จริงแล้วเป้าหมายประการหนึ่งก็คือศึกษาว่าจะนำหลักการแหงสนธิสัญญา Palermo and Menda มาใช้อย่างไร
สมณสภาฯ โดยธรรมนูญ “แสดงความห่วงใยของสมณสันตะสำนักในเรื่องความยุติธรรมและสันติ ซึ่งสะท้อนถึงสาส์นของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสที่เกี่ยวกับความยุติธรรมและสันติ ความจริงที่ว่าการคอรัปชั่นนั้นยังก่อให้เกิดการขาดสันติ ดังนั้นคณะกรรมการที่ปรึกษาจำต้องพยายามค้นคว้าวิจัยต่อไปอย่างลึกเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างกระบวนการสันติและคอรัปชั่นรูปแบบต่างๆ
สิ่งจำเป็นที่จะต้องมีองค์กรหรือกระบวนการที่ช่วยสร้างมโนธรรม นี่เป็นแรงบันดาลใจแรกของเราซึ่งเรามองว่าเป็นข้อผูกมัดเชิงจริยธรรมที่เราต้องทำ กฎหมายเป็นสิ่งจำเป็นแต่ยังไม่พอ ต้องมีการกระทำในสามระดับด้วยกัน: การศึกษา วัฒนธรรม และการเป็นประชาชน เราต้องกระทำด้วยความกล้าหาญเพื่อกระตุ้นมโนธรรมให้ตื่น ให้เปลี่ยนจากการไม่รู้ร้อนรู้หนาวสู่ความเข้าใจถึงความหนักหนาสาหัสของปรากฎการณ์ต่างๆเหล่านี้เพื่อที่เราจะได้สามารถสู้กับความเล็วร้ายของคอรัปชั่น
ณ นครรัฐวาติกัน วันที่ 31 กรกฎาคม ค.ศ. 2017
เป้าหมายของคณะกรรมการที่ปรึกษาฯ
(ศึกษา อบรม วัฒนธรรม สังคม และปฏิบัติการของสถาบัน)
- ให้คำจำกัดความของคำว่าคอรัปชั่นในบริบทแบบกว้างๆแห่งความยุติธรรม มานุษยวิทยา และวิกฤติแห่งวัฒนธรรมและผลแห่งอาชญากรรมแต่ละครั้งในความเชื่อมโยงกับองค์กรอาชญากรรมและมาเพีย
- ปลุกจิตสำนึกความคิดเห็นสาธารณะเกี่ยวกับการคอรัปชั่น เพื่อสร้างระบบความคิดและวัฒนธรรมแห่งความยุติธรรม
- ระบุผลร้ายของการคอรัปชั่น (ด้านสังคม เศรษฐกิจ การเมือง สถาบัน วัฒนธรรม จิตวิญญาณ อาชญากรรม) โดยเริ่มต้นที่ความจริง กระบวนการ เหตุการณ์ และการแจ้งให้สาธารณะชนทราบ
- สร้างความสัมพันธ์ที่มีอยู่แล้วในหมู่ประชาชน สถาบันกับการคอรัปชั่นและกระบวนสันติภาพกับการคอรัปชั่นให้มีความลึกซึ้งยิ่งขึ้น
- ส่งเสริมมาตรการกฎหมายสากลเพื่อต่อต้านการคอรัปชั่น องค์กรอาชญากรรม มาเฟีย พร้อมกับติดตามการปฏิบัติการของพวกเขา
- แสวงหามาตรการที่เป็นรูปธรรมที่จะช่วยเพิ่มความเข้มงวดในการใช้นโยบายและกฎหมาย
- สอนประชาชนให้รู้อย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของการคอรัปชั่น พวกมาเฟีย และองค์กรอาชญากรรมต่างๆ โดยแพร่ความรู้ดังกล่าวผ่านสื่อสารสังคมต่างๆ
- ทำให้ประชาชนเข้าใจอย่างลึกซึ่งถึงความสัมพันธ์ระหว่างการคอรัปชั่นกับความ อยุติธรรม
- ช่วยเป็นปากเสียงให้กับผู้ที่ตกเป็นเหยื่อและแจ้งเรื่องราวของพวกเขาให้สังคมทราบ
10.อธิบายให้ทุกคนเข้าใจถึงความสัมพันธ์ระหว่างประวัติศาสตร์ ความสวยงาม ศิลปกรรมและความยุติธรรม ส่งเสริมความคิดริเริ่มในประเด็นนี้
- สร้างเวทีและเปิดการอภิปรายในหลายๆช่องทาง (เว็บ สิ่งพิมพ์ สื่อ ศิลป์) และส่งเสริมจุดยืนของสื่อ Michelangelo For Justice on Facebook/Twitter/YouTube/Instagram
- 12. เสนอกรอบการศึกษาและข้อมูลข่าวสาร
13.กำหนดวิสัยทัศน์ของการเมืองที่เชื่อมโยงกับอุดมการณ์ประชาธิปไตย เกี่ยวกับฆราวาส ความยุติธรรมทางสังคม เพื่อส่งเสริมการพัฒนามนุษย์แบบองค์รวม
14. กำหนดบทบาทของพระศาสนจักรและฆราวาสในการต่อต้านการคอรัปชั่น มาเฟีย และองค์กรอาชญากรรม
15. กำหนดวิธีปฏิบัติที่ดีที่สุด แล้วประกาศให้แพร่หลาย
16. สรรหาวิธีการใหม่ๆเพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมกับคณะที่ปรึกษาด้วยการติดตามพวกที่มีอาชีพต่างๆ ความรู้สึกไว้ต่างๆ และพื้นที่ภูมิศาสตร์ต่างๆ
- 17. สรรหานักธุรกิจ สถาบัน และผู้ที่มีความคิดเดียวกันสนับสนุนการพัฒนาด้านเศรษฐกิจแห่งกิจกรรมของคณะที่ปรึกษาฯ
18.มีความคิดริเริ่มในสิ่งพิมพ์ การประชุม การอภิปราย งานแสดงศิลปกรรม ส่งเสริมงานของสื่อสารสังคม เครือข่ายสังคม ทำเอกสารและสื่ออิเล็คโทรนิค ดิจิทัล ส่งเสริมกิจกรรมในโรงเรียน มหาวิทยาลัย องค์กรสังคม เรือนจำ องค์กรการกุศลและสถาบันการศึกษาต่างๆ
19. ปฏิบัติตามธรรมนูญของสมณสภาฯ คือ แสวงหาสถาบันเอกชนและรัฐ สมาคม และกลุ่มต่างๆเพื่อสร้างเครือข่าย ความร่วมมือ และกำหนดข้อตกลงร่วมกัน
- รวบรวมตำรา เอกสาร หนังสือ และเรื่องราวจากสื่อต่างๆ สนับสนุนให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกันเพื่อหาแนวทางความคิดริเริ่มที่จะปฏิบัติร่วมกั
- 21. ต้องไม่หยุดยั้งที่จะหาความเป็นไปได้ที่จะแพร่ข่าวไปในระดับโลก โดยอาศัยสภาบิชอปและพระศาสนจักรท้องถิ่นเกี่ยวกับการถอนรากถอนโคนสมาชิกกลุ่มมาเฟียและองค์กรอาชญากรรม รวมถึงการถอนรากถอนโคนในประเด็นของการคอรัปชั่นด้วย
(วิษณุ ธัญญอนันต์ – เก็บเรื่องนี้มาแบ่งปันเพื่อการไตร่ตรอง)