Skip to content

นับเป็นเวลาหลายศวรรษมาแล้วที่มีการเดินรูป 14 ภาค (Via Crucis) เป็นการเดินทางที่นำไปสู่เนินเขากัลวารีโอ สถานที่ตรึงพระเยซูคริสต์บนไม้กางเขนโดยมุ่งความตั้งใจไปยังเป้าหมายสูงสุด นั่นคือการกลับคืนพระชนม์ชีพของพระคริสตเจ้าในวันอาทิตย์ปัสกา(Easter Sunday)  บรรดาคริสตชนพากันเดินทางไปตามเส้นทางแห่งความทุกข์โศกอันแสนปวดร้าว (Via Dolorosa) ซึ่งอยู่ในเมืองเก่าแห่งนครเยรูซาเล็ม หรือจัดเดินรูปในเมืองของตน หรือตามวัด หรือตามบ้าน ณ กรุงเยรูซาเล็มถือว่าเป็นสถานที่พิเศษเพราะว่าถนนแห่งความทุกข์อันแสนปวดร้าว(Via Dolorosa)อยู่ที่เมืองนี้  ประเพณีการเดินรูป 14 ภาค  (Via Crucis)ถูกกำหนดขึ้นเพราะความเชื่อของบรรดาคริสตชนไม่ใช่เพราะประวัติศาสตร์  อันเป็นการประสมประสานกันกับความศรัทธา ความรักต่อพระเยซู ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 9 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศเยอรมันนีและเนเธอแลนด์:

–      การมีส่วนร่วมเดินในหนทางกางเขนเป็นความศรัทธาต่อ “หนทางอันน่าเศร้าของพระเยซูคริสต์” โดยมีการเดินแห่จากวัดหนึ่งไปสู่อีกวัดหนึ่ง (หรือบางทีก็เดินแห่กันไปถึงเจ็ดหรือเก้าวัด) เพื่อรำลึกถึงหนทางแห่งความทุกข์อันเศร้าใจ  การเดินแห่เหล่านี้แตกต่างจากการเดินทางของพระเยซูคริสต์ตามที่มีการเล่าในพระวรสาร เช่นจากสวนมะกอกไปยังบ้านของอันนัส (ยน. 18 13) จากบ้านของอันนัสไปยังตำหนักของไคฟัส (ยน. 18: 24; มธ. 27: 2) จากจวนว่าการของปิลาโต (ยน. 18: 28; มธ. 27: 2) จากวังของกษัตริย์เฮร็อด (ลก. 23: 7) ฯลฯ

ความศรัทธาต่อการเดินรูป 14 ภาค    หรือช่วงเวลาที่หยุดระหว่างเดินไปยังเนินเขากัลวารีโอเพราะต้องแบกไม้กางเขนหนัก ต้องเหนื่อยหมดกำลัง หรือเพราะรักและสงสาร เพื่อที่จะหยุดคุยกับผู้คนตามเส้นทางซึ่งมีสว่นร่วมในมหาทรมานของพระองค์    การหยุดของพระองค์แต่ละครั้งมักจะมีเสาหรือไม้กางเชนซึ่งเป็นจุดสำหรับการรำพึงหรือการเคารพ การเดินรูป 14 ภาคดังที่เราทราบกันอยู่ทุกวันนี้โดยมีสถานที่หยุด 14 แห่ง  ธรรมเนียมนี้เริ่มต้นและมีหลักฐานปรากฏที่ประเทศสเปนต้นศตวรรษที่ 17 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคที่มีอารามคณะฟรังซิสกันตั้งอยู่  ต่อมามีการแพร่ความศรัทธาแบบนี้ไปสู่เขตซาร์เดญ่า (ตอนนั้นอยู่ภายใต้อาณานิคมของประเทศสเปน) แล้วแพร่ต่อไปยังคาบสมุทรอิตาลี  การเดินรูป 14 ภาคเป็นการรื้อฟื้นเหตุการณ์เพื่อระลึกถึงพระมหาทรมานและความตายของพระเยซูคริสตเจ้า แต่ละภาคช่วยสัตบุรุษให้เดินทางไปในจิตตารมณ์แห่งเหตุการณ์สำคัญๆในมหาทรมานและความตายของพระองค์   การเดินแห่จากภาคหนึ่งไปยังอีกภาคหนึ่งจะมีการสวดภาวนาและการอ่านข้อความในพระวรสารหรือพระคัมภีร์ที่เกี่ยวกับเรื่องราวความทุกข์ทรมานของพระเยซูในการเดินไปยังเนินเขากัลวารีโอจนกระทั่งสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน

สถานที่ 14 ภาคของการเดินรูป ตามประเพณีดั่งเดิมมีดังต่อไปนี้

  1. พระเยซูถูกตัดสินประหารชีวิต
  2. พระเยซูแบกไม้กางเขน
  3. พระเยซูหกล้มครั้งที่หนึ่ง
  4. พระเยซูพบพระมารดามารีย์
  5. ไซมอนชาวไซรีนช่วยแบกไม้กางเขน
  6. เวโรนีกาเช็ดพระพักตร์พระเยซู
  7. พระเยซูหกล้มเป็นครั้งที่สอง
  8. พระเยซูพบบรรดาสตรีแห่งเยรูซาเล็ม
  9. พระเยซูหกล้มครั้งที่สาม
  10. พระเยซูถูกเปลื้องอาภรณ์
  11. พระเยซูถูกตรึงบนไม้กางเขน
  12. พระเยซูสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน
  13. พระศพของพระเยซูถูกนำลงจากไม้กางเขน
  14. พระศพของพระเยซูถูกฝังไว้ในคูหา

รูป 14 ภาคเน้นให้เห็นถึงเหตุการณ์ที่เลวร้ายต่างๆของชีวิตมนุษย์ การต่อสู้ระหว่างความสว่างกับความมืด ระหว่างความจริงกับความเท็จ อันที่จริงการแบกไม้กางเขน (ที่เป็นไม้จริงๆ)ไม่ใช่เป็นสิ่งที่เน้นสำคัญที่สุด แต่เราไตร่ตรองความจริงที่ว่าหลายคนในโลกนี้ต้องเจริญชีวิตในสภาพแบกความทุกข์ ได้รับความอยุติธรรมในชีวิตแบบทรมานอย่างแสนสาหัส  ในความเป็นจริงชีวิตมนุษย์ทุกคน ทุกครอบครัวล้วนต้องแบกความทุกข์และภาระอันหนักอึ้ง สิ่งที่ให้ความหมายอย่างสมบูรณ์ที่สุดแก่การแบกไม้กางเขนคือการยอมรับแบกความยากลำบากในชีวิตตามหนทางตามหลังพระเยซูคริสต์ไป ไม่ใช่เป็นการเดินทางท่ามกลางความอ้างว้างที่ทนทุกข์ทรมานแบบบ่น ตำหนิติเตียน ด่าว่าสาปแช่ง ไม่ใช่เป็นการเดินทางอย่างไร้ความหวัง  แต่เป็นการเดินทางที่ได้รับการอุ้มชูและการได้รับพละกำลังจากการประทับอยู่จริงของพระเจ้าท่ามกลางเรา

ไม้กางเขนแสดงให้เราเห็นว่าพระเจ้าทรงทำได้ทุกอย่างเพื่อเห็นแก่ความรักต่อเรา  คนที่เข้าใจดีถึงหนทางที่ต้องเผชิญความทุกข์โศก(Via Dolorosa)และเราควรไตร่ตรองว่าการแบกไม้กางเขนของพระเยซูด้วยความเต็มใจและพร้อมใจกันที่จะไม่ทำลาย หรือทำร้ายใครหรือเอาผู้ใดไปตรึงบนไม้กางเขนแบบแก้แค้นด้วยความสะใจ ปัญหามันได้อยู่ที่ว่าใครเป็นผู้ฆ่าพระเยซูคริสต์ แต่อยู่ที่อะไรต่างหากที่ฆ่าพระเยซู… วัฎจักรแห่งการใช้ความรุนแรง ความเกลียด การมีอคติ การแก้แค้นยังคงทำให้พระเยซูคริสต์ต้องเดินบนหนทางแห่งความเศร้าเสียใจทั้งในการกระทำต่อสตรีและบุรุษในยุคสมัยของเรา วัฎจักรและระบบใดเล่าที่ยังคงเอาพระองค์ไปตรึงบนไม้กางเขนในบรรดาพี่น้องชายหญิงแห่งครอบครัวมนุษยชาติของพระองค์

ณ กรุงโรมการเดินทางฝ่ายจิตด้วยการเดินรูป 14 ภาคตามรอยพระบาทของพระเยซูคริสต์มีทุกปีในวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์(Good Friday) ซึ่งนำโดยสมเด็จพะสันตะปาปา บรรดาบิชอปแห่งโรม โดยร่วมใจกับบรดาสัตบุรุษทุกคนทั่วโลก  สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสจะทรงนำการเดินรูปตอนเย็นวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ที่สนามกีฬาอันเก่าแก่ ณ โคโลเซี่ยมแห่งโรม ซึ่งโคโลเซี่ยมนี้มีความใกล้ชิดกันมากกับการเป็นมรณะสักขีของบรรดาคริสตชนยุคแรกๆในพระศาสนจักร

เมื่อกล่าวถึงการเดินรูป 14 ภาค เมื่อวันที่ 18 เมษายน ค.ศ. 2003 ณ โคโลเซี่ยมแห่งนี้ นักบุญยอห์น ปอลที่ 2 พระสันตะปาปา ทรงตรัสว่า “ทุกปีเรามารวมตัวกันในบริเวณโคโลเซี่ยมนี้เป็นเพียงสัญลักษณ์ โคโลเซี่ยมเป็นสัญลักษณ์ ที่สำคัญที่สุด ซึ่ง ณ ที่นี้บอกเราเรื่องราวในอดีต เรื่องราวจักรวรรดิ์โรมันที่ล่มสลายไปแล้วซึ่งชี้ให้เราเห็นคริสตชนมรณะสักขีเหล่านั้นที่ยอมสละชีวิตของตนเพื่อยืนยันถึงความเชื่อของพวกเขา ยากที่จะหาสถานที่ใดที่พระธรรมล้ำลึกแห่งไม้กางเขนสามารถพูดได้อย่างชัดเจนมากไปกว่า ณ โคโลเซี่ยมแห่งนี้

*****

คำถาม:      การเดินรูป 14 ภาคเป็นพิธีกรรมทางศาสนาหรือไม่? และใครบ้างเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติในการนำการเดินรูปหรือใครเป็นศาสนบริกร?

คำตอบ:      การเดินรูป 14 ภาคไม่ได้เป็นพิธีกรรมตามความหมาย แต่รวมอยู่ภายใต้หมวดของการปฏิบัติศรัทธากิจอย่างหนึ่งของชาวคริสต์

ในคู่มือปฏิบัติศาสนกิจแห่งสันตะสำนักปี ค.ศ. 2001 “แนวทางเพื่อการปฏิบัติกิจศรัทธาที่นิยม – Directory for Popular Piety” ให้คำแนะนำในการปฏิบัติดังต่อไปนี้:

“ข้อ 7 การแสดงออกแห่ง “ศรัทธากิจ” ในหนังสือคู่มือหมายถึงการแสดงความศรัทธาของคริสตชนทั้งที่เป็นการส่วนตัวและที่เป็นสาธารณะซึ่งถึงแม้จะไม่ใช่เป็นลักษณะพิธีกรรม แต่ให้ถือว่าศรัทธากิจนี้สอดคล้องกับจิตตารมณ์ กฎเกณฑ์ และระเบียบแห่งจารีตพิธีกรรมของคาทอลิก ยิ่งกว่านั้นการปฏิบัติศรัทธากิจเหล่านั้นล้วนได้รับแรงบันดาลใจแบบใดแบบหนึ่งจากพิธีกรรมและนำพาคริสตชนไปสู่จารีตพิธีกรรม การปฏิบัติกิจศรัทธาบางอย่างได้รับบัญชาให้ปฏิบัติโดยสันตะสำนักหรือบิชอป ศรัทธากิจหลายอย่างเป็นส่วนหนึ่งแห่งธรรมเนียมโบราณของพระศาสนจักรหรือครอบครัวนักบวชแห่งใดแห่งหนึ่ง  ศรัทธากิจมักจะมีส่วนเกี่ยวขัองกับพระหรรษทานที่เผยแสดงโดยพระเจ้าและมีภูมิหลังแห่งพระศาสนจักร  บ่อยครั้งความศรัทธาดังกล่าวมักจะพูดถึงพระหรรรษทานที่พระเจ้าทรงเผยแสดงในองค์พระเยซูคริสตเจ้า ซึ่งมีความสอดคล้องกันกับกฎหมายพระศาสนจักร และมีการปฏิบัติไปตาม “ประเพณีที่ได้รับการเห็นชอบจากหนังสือคู่มือแล้ว”

หนังสือคู่มือดังกล่าวได้ระบุต่อมาโดยรวมถึงการเดินรูป 14 ภาคเข้าไปไว้ในศรัทธากิจด้วยตามมาตรา ข้อ 131-135 ซึ่งมีระบุเอาไว้ดังนี้:

“ข้อ 131 – ในบรรดาศรัทธากิจที่เชื่อมโยงกับการให้ความเคารพต่อไม้กางเขน ไม่มีศรัทธากิจใดที่จะเป็นที่นิยมในบรรดาสัตบุรุษเท่ากับการเดินรูป 14 ภาค อาศัยศรัทธากิจนี้สัตบรุษติดตามด้วยความสำนึกคุณในการเดินทางช่วงเวลาชีวิตสุดท้ายบนโลกนี้ของพระเยซูคริสตเจ้า จากเนินเขามะกอก (โอลีฟ) ณ สวนเก๊ตเซมานี (มก. 14: 32) พระองค์ทรงทุกข์ใจอย่างแสนสาหัส (เทียบ ลก. 22: 44) ไปยังเนินเขากัลวารีโอ ณ ที่ซึ่งพระองค์ถูกตรึงบนไม้กางเขนระหว่างโจรสองคน (เทียบ ลก. 23: 33) ไปถึงสวนที่ซึ่งพระองค์ถูกฝังไว้ในคูหาหินที่ทำเสร็จใหม่ๆ (ยน. 19: 40-42)

“ความรักของคริสตชนต่อศรัทธากิจนี้มีหลักฐานชัดเจนโดยที่วัดต่างๆ สักการะสถาน และอารามต่างๆตามชนบทจะมีรูป 14 ภาคประดิษฐานอยู่ และแม้แต่ตามทางเดินบนเขาก็จะมีรูปปั้นการเดินรูป 14 ภาคอยู่เช่นเดียวกัน

“ข้อ 132 – การเดินรูป 14 ภาคเป็นการสรุปความศรัทธาต่างๆที่มีในยุคกลาง เช่นการเดินทางไปแสวงบุญที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เพื่อเยี่ยมสถานที่ต่างๆที่เกี่ยวกับชีวิต-คำสอนพระผู้ไถ่ และมหาทรมานของพระเยซูคริสตเจ้า ความศรัทธาต่อการหกล้ม 3 ครั้งของพระเยซูคริสต์อันเนื่องจากความหนักของไม้กางเขน ความศรัทธาต่อ ‘การเดินตามหนทางสู่กางเขนอันทุกข์โศกของพระเยซูคริสต์’ โดยเดินแห่จากวัดหนึ่งไปยังอีกวัดหนึ่งโดยรำพึงถึงมหาทรมานของพระองค์ ความศรัทธาต่อ 14 ภาคของพระเยซูคริสตเจ้า ซึ่งได้แก่สถานที่ต่างๆที่พระเยซูทรงหยุดในขณะที่กำลังแบกไม้กางเขนไปตามหนทางสู่เนินเขากัลวารีโออาจจะเป็นเพราะเพชรฆาตบังคับให้หยุด หรือหยุดเพราะเหนื่อย หรือหยุดเพราะสงสารผู้ที่ติดตามมหาทรมานของพระองค์

“การเดินรูป 14 ภาคในรูปแบบที่เป็นปัจจุบันนี้ที่ได้รับการส่งเสริมอย่างกว้างขวางตั้งแต่กลางศตวรรษที่ 17 โดยนักบุญเลโอนาร์โด ดา ปอร์โต เมรีซีโอ (+1751) ซึ่งได้รับการอนุมัติเห็นชอบจากสันตะสำนักและผู้เดินรูปได้รับพระคุณการุณย์ด้วย”

“ข้อ 133 – การเดินรูป 14 ภาคเป็นการเดินในหนทางที่ถูกนำโดยพระจิตเจ้า ซึ่งเป็นไฟของพระเจ้าที่ลุกโชติช่วงในดวงพระทัยของพระเยซู (เทียบ ลก. 12: 49-50) ที่นำพระองค์ไปยังเนินเขากัลวารีโอ  นี่เป็นการเดินในหนทางที่พระศาสนจักรเห็นชอบอย่างยิ่งเพราะเป็นการดำรงไว้ซึ่งการระลึกถึงพระวาจาทรงชีวิตและการกระทำขั้นสุดท้ายในช่วงชีวิตของพระเยซูคริสต์ ผู้เป็นนายสูงสุดของพระศาสนจักร

“ในการเดินรูป 14 ภาค ณ สถานที่สำคัญต่างๆแห่งความศรัทธาถูกรวมเข้ามาไว้ด้วยกัน เช่นความคิดที่ว่าชีวิตเป็นการเดินทาง เป็นทางผ่านจากถิ่นเนรเทศในโลกนี้สู่บ้านแท้จริงในสรวงสวรรค์ เป็นความปรารถนาล้ำลึ้กที่จะร่วมในมหาทรมานของพระเยซูคริสตเจ้า เป็นการติดตามพระองค์อย่างใกล้ชิด ซึ่งหมายความว่าศิษย์ของพระองค์ต้องติดตามพระอาจารย์ด้วยการแบกไม้กางเขนของตนเองทุกๆวัน (เทียบ ลก. 9: 23)

“การเดินรูป 14 ภาคเป็นกิจศรัทธาที่เหมาะสมอันพิเศษสำหรับเทศกาลมหาพรต”

“ข้อ 134 – สิ่งต่อไปนี้อาจเป็นข้อเสนอที่เป็นประโยชน์สำหรับการเฉลิมฉลองการเดินรูป 14 ภาคให้เกิดประโยชน์

“รูปแบบดั้งเดิมของการเดินรูปที่มี 14 ภาคควรเก็บรักษาไว้ให้มีรูปแบบพิเศษจำเพาะเพื่อการปฏิบัติกิจศรัทธานี้ แต่บางครั้งบางคราว การรำพึง ณ สถานต่างๆแต่ละภาคอาจเปลี่ยนเป็นการไตร่ตรองบางแง่บางมุมแห่งการเดินทางไปยังเนินเขากัลวารีโอตามคำบอกเล่าของพระวรสารซึ่งแต่ดั้งเดิมก็มีการรวมเหตุการณ์อยู่ในการเดินรูป 14 ภาคอยู่แล้ว”

“นอกนั้นยังมีการเดินรูป 14 ภาคแบบอื่นๆอีกที่ได้รับการอนุมัติจากสันตะสำนักหรือมีการใช้ในที่สาธารณะโดยสมเด็จพระสันตะปาปา ทางเลือกเหล่านี้ถือได้ว่าเป็นรูปแบบที่ถูกต้องสำหรับการแสดงความศรัทธาและสามารถนำเอาไปใช้ได้แล้วแต่ความเหมาะสมของโอกาส

“การเดินรูป 14 ภาคเป็นกิจศรัทธาที่เชื่อมโยงกับมหาทรมานของพระเยซูคริสต์ซึ่งควรสร้างค่านิยมที่ทำให้สัตบุรุษมีจิตสำนึกถึงความหวังสูงสุดในชีวิติ กล่าวคือการกลับฟื้นคืนชีพแห่งความเชื่อและความหวังโดยถือตามแบบฉบับการเดินรูป 14 ภาคในนครเยรูซาเล็มซึ่งลงท้ายที่ Anastasisคือการเดินรูปอาจจบลงด้วยการรำลึกถึงการเสด็จกลับฟื้นพระชนม์ชีพของพระคริสตเจ้า องค์ปาสกาแห่งชีวิต”

“ข้อ 135 ระบุว่ามีตำรามากมายสำหรับการเดินรูป 14 ภาค มีหลายตำราที่รวบรวมโดยเจ้าอาวาสที่มีความสนใจอย่างแท้จริงใจในศรัทธากิจนี้เพราะท่านเชื่อในประสิทธิภาพฝ่ายจิตแห่งศรัทธาชนิดนี้ ฆราวาสหลายท่านก็เขียนตำรานี้เช่นเดียวกัน แท้จริงบรรดาฆราวาสจำนวนมากให้แบบอย่างแห่งความศรัทธา ดำเนินชีวิตศักดิ์สิทธิ์และมีคุณสมบัติที่เป็นนักวิชาการที่ดีด้วยซ้ำไป

“แต่ขอให้คำนึงไว้ว่าไม่ว่าจะมีตำราอะไรที่บิชอปตั้งขึ้นเกี่ยวกับความศรัทธานี้ การเลือกตำราสำหรับการเดินรูป 14 ภาคควรคำนึงถึงเงื่อนไขของผู้ที่มีส่วนร่วมในการประกอบกิจศรัทธาและนึกถึงหลักการอภิบาลที่จะต้องผนึกการฟื้นฟูและความต่อเนื่องเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งเป็นการดีเสมอที่จะเลือกเอาตำราที่สอดคล้องกับเรื่องเล่าในพระคัมภีร์และเขียนขึ้นอย่างชัดเจนอ่านง่าย

“การเดินรูป 14 ภาค ยังประกอบด้วยการขับร้องเพลง การรักษาความเงียบ การเดินแห่ การหยุดเพื่อการไตร่ตรอง หากนำเอาสิ่งเหล่านี้มาประสานกันให้ลงตัวก็จะช่วยได้เป็นอย่างมากเพื่อรับผลฝ่ายจิตแห่งศรัทธากิจนี้อย่างมาก

สำหรับการรับพระคุณการุณย์ในการเดินรูป 14 ภาค หนังสือคู่มือการรับพระคุณการุณย์ ข้อ 63.4 อธิบายความสำคัญบางอย่างไว้ดังนี้

ระเบียบที่เพื่อรับพระคุณการุณย์มีข้อหนึ่งตามเเงื่อนไข คือต้องมีการเดินรูปทั้ง 14 ภาค รูปภาพหรือรูปปั้นเป็นสิ่งที่ดีแม้ว่าจะเป็นแค่สัญญลักษณ์ภายนอก

ระเบียบระบุว่าเพื่อที่จะรับพระคุณการุณย์บริบูรณ์จำเป็นต้องเคลื่อนจากภาคหนึ่งไปสู่อีกภาคหนึ่ง แต่ถ้าเป็นความยากลำบากที่จะให้ทุกคนเคลื่อนไหวไปตามภาคต่างๆ เป็นการเพียงพอที่ประธานในพิธีจะเป็นผู้เคลื่อนจากภาคหนึ่งไปสู่อีกภาคหนึ่ง

หนังสือคู่มือการรับพระคุณการุณย์ข้อ 63.5 ระบุการมอบพระคุณการุณย์ให้แก่ผู้ที่มีข้อขัดข้องในการเดิน สุขภาพไม่ดี ขอให้รำพึงหรืออ่านหนังสือศรัทธาเกี่ยวกับมหาทรมานประมาณ 15 นาที  ไม่ว่าข้อขัดข้องหรืออุปสรรคใดๆก็สามารถรับพระคุณการุณย์ได้ทั้งนั้น เช่นไม่สามารถเข้าถึงการเดินรูป 14 ภาคได้  ดังนั้นการเดินรูป 14 ภาคที่เคลื่อนจากภาคหนึ่งไปยังอีกภาคหนึ่งที่ใช้เวลานานกว่า 15 นาทีก็มีคุณสมบัติพอที่จะได้รับพระคุณการุณย์ แม้จะไม่มีรูปภาคต่างๆ นี่เป็นกรณีในสถานที่โล่งและอันที่จริงก็เป็นกรณีของสมเด็จพระสันตะปาปาที่นำการเดินรูป 14 ภาคในวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ที่โคโลเซี่ยมด้วย

เพื่อที่จะรับพระคุณการุณย์เต้องเคลื่อนตัวจากภาคหนึ่งไปยังอีกภาคหนึ่งโดยรำพึงถึงมหาทรมานของพระเยซูคริสตเจ้าซึ่งเราอาจเพิ่มการอ่านบางข้อความพร้อมกับรำพึงหรืออธิษฐานเป็นคำภาวนาสั้นๆ ไม่จำเป็นที่เราจะต้องรำพึงถึงหัวข้อพิเศษในแต่ละภาค

เพราะเหตุนี้หนังสือคู่มือการรับพระคุณการุณย์ข้อ 63.6 จึงกล่าวว่า การปฏิบัติศรัทธากิจแบบอื่นที่ได้รับการอนุมัติแล้วซึ่งรำลึกถึงมหาทรมานและแบ่งออกเป็น 14 ภาคก็มีคุณสมบัติที่จะได้รับพระคุณการุณย์ด้วย ดังนั้นจึงมีวิธีปฏิบัติใหม่ๆที่สมเด็จพระสันตะปาปาทรงนำมาใช้ในการเดินรูป 14 ภาคภาคใหม่ๆเหล่านี้ตามปกติจะนำเอามาจากพระวรสารแต่จะไม่มีการกำหนดตายตัวหรือถูกกำหนดเป็นทางการ ในบางโอกาสการนำข้อรำพึง“พระวรสาร” หรือพระคัมภีร์บางตอนเอาไปประสมประประสานกับภาคที่ไม่ใช่มาจากพระคัมภีร์ซึ่งเคยเป็นธรรมเนียมปฎิบัติกันมา เช่นการหกล้มสามครั้งของพระเยซู  ดังนั้นบาทหลวงหรือใครก็ตามซึ่งปรารถนาเตรียมการำพึงสำหรับการเดินรูปล้วนมีทางให้เลือกมากมาย

แต่ก็อย่างที่เรียนให้ทราบแล้ว สูตรที่ใช้กันทั่วไปมากที่สุดที่นำมาแทนภาคต่างๆตามธรรมเนียมในการเดินรูปของสมเด็จพระสันตะปาปามีตัวอย่างดังต่อไปนี้

  1. การเข้าตรีทูตในสวนมะกอก
  2. การทรยศของยูดาส อิสการิออสและการจับพระเยซู
  3. พระเยซูคริสต์ถูกประณามโดยสภาสูง “ซันเฮ็ดดริน”
  4. เปโตรปฏิเสธพระเยซูคริสตเจ้า
  5. พระคริสตเจ้าถูกตัดสินโดยปิลาโต
  6. พระคริสตเจ้าถูกโบยและถูกสวมมงกุฎหนาม
  7. พระคริสตเจ้าทรงแบกไม้กางเขน
  8. ซีมอนชาวซีรีนช่วยพระคริสตเจ้าแบกไม้กางเขน
  9. พระคริสตเจ้าทรงพบสตรีแห่งเยรูซาเล็ม
  10. พระคริสตเจ้าถูกตรึงบนไม้กางเขน
  11. พระคริสตเจ้าทรงสัญญามอบพระอาณาจักรให้กับโจรคนที่กลับใจ
  12. พระคริสตเจ้าบนไม้กางเขน พระมารดา และศิษย์
  13. พระคริสตเจ้าสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน
  14. พระคริสตเจ้าถูกนำลงจากไม้กางเขนและนำไปฝังในคูหาหิน

 

สุดท้าย ผู้ใดสามารถนำกิจศรัทธาการเดินรูป 14 ภาคได้?  หากมีบาทหลวงหรือสังฆานุกร โดยประเพณีพวกเขาจะเป็นผู้นำการเดินรูป แต่หากไม่มีบาทหลวง หรือ สังฆานุกรใครก็ทำหน้าที่นี้ได้โดยละทุกสิ่งที่สงวนไว้เฉพาะสำหรับบาทหลวงและสังฆานุกรเช่นการอวยพรในตอนท้าย

 

(นำเสนอโดย วิษณุ ธัญญอนันต์)