อาทิตย์ที่ 29 เทศกาลธรรมดา 18 ตุลาคม 2015
วันอาทิตย์แพร่ธรรมสากล
จุดเน้น ผู้ที่ติดตามพระคริสตเจ้าจะต้องเป็นธรรมทูต
พี่น้องที่รัก วันอาทิตย์แพร่ธรรมสากลประจำปี 2015 ปีนี้อยู่ในบริบทของปีชีวิตนักบวช ซึ่งช่วยให้มีการส่งเสริมการสวดภาวนาและการไตร่ตรองเพิ่มมากขึ้น ถ้าคริสตชนผู้ได้รับศีลล้างบาปแล้วทุกคนได้รับเรียกให้เป็นประจักษ์พยานถึงพระเยซูเจ้า องค์พระผู้เป็นเจ้า ด้วยการประกาศความเชื่อที่เขาได้รับมาเป็นดั่งพระพร สิ่งนี้ยิ่งสำคัญสำหรับนักบวชชายและหญิงแต่ละคน ชีวิตนักบวชกับพันธกิจการแพร่ธรรมนั้นมีความเชื่อมโยงกันอย่างชัดเจน ความปรารถนาที่จะติดตามพระเยซูเจ้าอย่างใกล้ชิด ปรากฏออกมาให้เห็นด้วยชีวิตการเป็นนักบวชในพระศาสนจักร ด้วยการตอบรับการเรียกของพระองค์ให้แบกกางเขนและติดตามพระองค์ เพื่อกระทำตามแบบอย่างการอุทิศตนของพระองค์แด่พระบิดา การรับใช้และความรักของพระองค์ ด้วยการยอมสูญเสียชีวิตเพื่อได้รับชีวิต ทั้งนี้เพราะชีวิตทั้งชีวิตของพระคริสตเจ้ามีลักษณะธรรมทูต ดังนั้น ทุกคนที่ติดตามพระองค์อย่างใกล้ชิดจึงต้องรักษาคุณภาพแห่งการแพร่ธรรมของพระองค์ไว้ด้วย
การแพร่ธรรมคือความรักผูกพันต่อพระเยซูเจ้า และในขณะเดียวกันก็เป็นความรักต่อประชากรของพระองค์ เมื่อเราอธิษฐานภาวนาต่อหน้าพระเยซูเจ้าผู้ถูกตรึงกางเขน เราได้เห็นความรักอย่างลึกซึ้งของพระองค์ซึ่งมอบศักดิ์ศรีและค้ำจุนเรา ขณะเดียวกันเราก็ตระหนักดี ว่าความรักที่หลั่งไหลมาจากดวงพระหฤทัยที่ถูกแทงของพระเยซูเจ้าแผ่ขยายมาโอบกอดประชากรของพระเจ้าและมวลมนุษยชาติ เราตระหนักอีกครั้งว่าพระองค์ประสงค์จะใช้เรา เพื่อพระองค์จะได้ใกล้ชิดกับประชากรที่พระองค์ทรงรักมากยิ่งขึ้น (เทียบ ความชื่นชมยินดีแห่งพระวรสาร 268) และทุกคนที่แสวงหาพระองค์ด้วยความจริงใจจากคำสั่งของพระเยซูที่ตรัสว่า “จงไป” เราเห็นได้ถึงภาพและความท้าทายในปัจจุบันของการแพร่ธรรมในพระศาสนจักร สมาชิกของพระศาสนจักรทุกคนถูกเรียกให้ประกาศข่าวดีโดยการเป็นประจักษ์พยานด้วยการดำเนินชีวิต ด้วยวิธีการเฉพาะของบรรดานักบวชชายและหญิง พวกเขาถูกขอให้ฟังเสียงของพระจิตเจ้าซึ่งเรียกให้เขาไปยังสุดเขตแดน ไปยังพื้นที่ซึ่งยังไม่เคยได้รับการประกาศข่าวดี
ปัจจุบัน การแพร่ธรรมของพระศาสนจักรต้องเผชิญกับสิ่งท้าทาย ด้านความต้องการของผู้คนในการที่จะหันกลับไปยังรากเหง้าของตนเอง และพิทักษ์รักษาคุณค่าทางวัฒนธรรมที่พวกเขานับถือ ซึ่งหมายความว่าการรู้จักและการนับถือขนบประเพณีที่ผู้อื่นนับถือ รวมถึงระบบปรัชญาการดำรงชีวิตของผู้อื่น ตลอดจนการตระหนักว่าผู้คนและวัฒนธรรม ตลอดจนประเพณีของผู้คนล้วนมีสิทธิและมีส่วนช่วยในการนำความลึกล้ำของปรีชาญาณของพระเจ้า เข้าไปในจิตใจจนทำให้พวกเขายอมรับข่าวดีของพระเยซูเจ้าผู้ทรงเป็นแสงสว่างและพละกำลังสำหรับทุกวัฒนธรรมได้
ภายใต้พลวัตรที่ซับซ้อนนี้ ให้เราถามตนเองว่า “ใครคือผู้คนกลุ่มแรกที่ข่าวดีควรต้องไปถึง” คำตอบนี้พบได้บ่อยครั้งในพระวรสาร ซึ่งชัดเจนว่า เป็นคนยากจน เด็กๆ และคนป่วย คนที่ถูกทอดทิ้งและถูกดูหมิ่น ตลอดจนคนที่ไม่มีอะไรที่จะตอบแทนเราได้ (เทียบ ลก 14:13-14) การประกาศข่าวดีไปยังคนที่มีน้อยที่สุดก่อนในพวกเรา คือเครื่องหมายแห่งพระอาณาจักรที่พระเยซูเจ้าทรงนำมา “เป็นความสัมพันธ์ที่แยกจากกันไม่ได้ ระหว่างความเชื่อของเราและคนยากจน จงอย่าทอดทิ้งผู้ยากไร้” (ความชื่นชมยินดีแห่งพระวรสาร 48)
การดำเนินชีวิตคริสตชนที่เป็นประจักษ์พยานและเป็นเครื่องหมายแห่งความรักของพระบิดาในท่ามกลางคนยากจนและคนด้อยโอกาสนั้น ผู้ปฏิญาณตนได้รับเรียกให้ส่งเสริมการปรากฏอยู่ของฆราวาสผู้มีความเชื่อในการรับใช้งานแพร่ธรรมของพระศาสนจักร ดังที่สภาสังคายนาวาติกันที่ 2 ระบุไว้ว่า “ฆราวาสควรร่วมมือในงานการประกาศพระวรสารของพระศาสนจักร ในฐานะประจักษ์พยาน และในฐานะเครื่องมือที่มีชีวิต พวกเขาสามารถช่วยงานแพร่ธรรมได้” (AG 41) จำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้แพร่ธรรมได้รับการเจิมต้องยินดีต้อนรับคนมีน้ำใจที่มาช่วยงานพวกเขา แม้จะเป็นแค่ช่วงเวลาที่จำกัดก็ตามเพื่อให้เขาได้มีประสบการณ์ทางด้านนี้ เพราะพวกเขาคือพี่น้องชายหญิงที่ต้องการมีส่วนร่วมในกระแสเรียกการแพร่ธรรมที่เขาได้รับมาเมื่อรับศีลล้างบาป บ้านพักและสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ในงานแพร่ธรรม คือสถานที่โดยธรรมชาติที่จะต้อนรับพวกเขา และจัดหาสิ่งที่สนับสนุนเขาทางด้านความเป็นมนุษย์ ด้านจิตวิญญาณและงานอภิบาล
พี่น้องที่รัก ผู้แพร่ธรรมแท้จริงคือผู้ที่รักข่าวดี นักบุญเปาโลกล่าวไว้ว่า “หากข้าพเจ้าไม่ประกาศข่าวดี ข้าพเจ้าย่อมได้รับความวิบัติ” (1 คร 9:16) ข่าวดีเป็นแหล่งกำเนิดของความชื่นชมยินดี อิสรภาพและการไถ่กู้ สำหรับมนุษย์ทั้งปวงทั้งชายและหญิง พระศาสนจักรตระหนักดีถึงพระพรประการนี้ ดังนั้น พระศาสนจักรจึงไม่หยุดที่จะประกาศข่าวดีแก่ทุกคน “ซึ่งเป็นอยู่แล้วตั้งแต่แรกเริ่ม เราได้ฟัง เราได้เห็นด้วยตาของเรา” (1 ยน 1:1) พันธกิจของบรรดาผู้รับใช้พระวาจาของพระเจ้า อันได้แก่ บรรดาบิชอป บาทหลวง นักบวช และฆราวาส คือการอนุญาตให้ทุกคน โดยไม่มีข้อยกเว้น ได้เข้าถึงความสัมพันธ์ส่วนตัวกับพระคริสตเจ้าอย่างเต็มที่ในทุกส่วนของกิจกรรมการแพร่ธรรมของพระศาสนจักร สัตบุรุษทุกคนได้รับเรียกให้เจริญชีวิตภายใต้ข้อผูกมัดแห่งศีลล้างบาปอย่างเต็มที่ ทั้งด้วยสวดภาวนา พลีกรรม ถวายวัตถุปัจจัย และดำเนินชีวิตประกาศข่าวดี
บิชอป วีระ อาภรณ์รัตน์ สรุป
จาก สาส์นของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส
ในโอกาสวันแพร่ธรรมสากล ประจำปี 2015