Skip to content
pope-john-paul-ii-01-710804

อีกไม่นาน ภาพที่มีแต่รอยยิ้มของสมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอลที่ 2 จะประดับจตุรัสนักบุญเปโตรอีกครั้ง พระองค์ท่านได้รับการรับรองให้เป็นนักบุญของพระศาสนจักร ทรงเป็นแบบอย่างของเราคาทอลิกทั่วโลก  ภายใต้ 26 ปีแห่งสมณสมัยของพระองค์ เราสามารถมองเห็นประเด็นหลักแห่งชีวิตและการดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปาของพระองค์ จากตัวอย่างเหล่านี้

1 ‘ความเป็นมนุษย์ปุถุชน’ (Humanity)  พระองค์ชื่นชอบชีวิต ชื่นชอบศิลปะ ท่านรักบทกวี และบทละคร ท่านเคยเป็นนักแสดง และยังเคยเขียนบท  ก่อนที่ท่านจะได้รับศีลบวชเป็นบาทหลวง จุดเปลี่ยนในชีวิตของท่านคือ เมื่อท่านทำงานในโรงงานเคมีแห่งหนึ่ง พระองค์ตรัสว่า

“ประสบการณ์ของการเป็นคนงาน และในเวลาเดียวกันก็เป็นสามเณร ‘ใต้ดิน’ ยังตราตรึงอยู่ในเราเสมอ ในโรงงานแห่งนั้น ขณะที่เราทำงานกะละ 8 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืน เรามักจะเอาหนังสือบางเล่มติดตัวไปด้วย เพื่อนคนงานคนอื่นๆก็รู้สึกแปลกใจบ้าง แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ถือว่าน่าอัปยศแต่อย่างใด”

พระองค์ทรงเป็นพระสันตะปาปาที่ทุกคนรู้สึกถึงความใกล้ชิด พระองค์ชอบหัวเราะและพระองค์ไม่ทรงกลัวโอบกอดเด็กๆ

2 ‘พระองค์ไม่ทรงกลัว’  พระองค์ทรงเป็นผู้ที่มีความเชื่ออันล้ำลึก ทรงวางพระทัยในพระเป็นเจ้า พระองค์ทรงเตรียมตัวในการเป็นสงฆ์ในสามเณราลัย “ใต้ดิน” ที่พระคาร์ดินัลแห่งเมืองกรากรุฟได้ทรงจัดตั้งขึ้นในสมัยนั้น เนื่องจากบรรยากาศที่บีบคั้น พระองค์จึงได้รับศีลบวชอย่างลับๆ พระองค์มักท้าทายทุกคนอยู่เสมอมิให้กลัวต่อความยากลำบากใดๆ

“อย่ากลัวเลย” พระองค์ทรงเน้นความสำคัญของมโนธรรมมากกว่าความเกลียดชัง พระองค์ทรงเคยตรัสว่า สิ่งนี้เป็นหนทางที่ดีที่สุดในการตอบโต้วัตถุนิยม พระองค์ทรงเลือก “ความเข้าใจ” ว่าเป็นหนทางนำไปสู่ประชาธิปไตย

3 ‘พระสันตะปาปา ผู้เดินทาง’  ทรงเป็นทั้งพระสันตะปาปาและผู้นำของโลกผู้ได้เดินทางมากที่สุดพระองค์หนึ่งในประวัติศาสตร์ พระองค์ได้ทรงเสด็จเยี่ยม 129 ประเทศ ได้ทรงเดินทางทั้งสิ้น 146 ครั้ง นอกประเทศอิตาลี  ในการเดินทางของพระองค์ทรงพบปะกับประชาชนมากมายหลากหลายรูปแบบ

การเดินทางครั้งแรกคือประเทศเม็กซิโก การเดินทางครั้งสุดท้ายของพระองค์ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2004 ทรงเสด็จเยือนสักการสถานเมืองลูร์ดประเทศฝรั่งเศส หลังจากนั้น 8 เดือนพระองค์ได้ทรงสิ้นพระชนม์

4. ‘พระองค์ทรงขอโทษ’  ในช่วงปีปิติมหาการุณย์ ค.ศ. 2000 ได้ทรงขอโทษ สำหรับบาปทั้งมวลของพระศาสนจักร เริ่มจากช่วงสงครามครูเสด การกวาดล้างลงทัณฑ์พวกนอกรีต การแบ่งแยกของพระศาสนจักร การเบียดเบียนชาวยิว การเหยียดสีผิว และความอยุติธรรมทางสังคม พระองค์ทรงให้อภัย นาย อาลี อักกา ผู้พยายามสังหารพระองค์ ณ จตุรัสนักบุญเปโตรในวันที่ 13 พฤษภาคม ค.ศ. 1981 อีกด้วย

5. ‘นักบุญใครๆก็เป็นได้’ พระองค์ได้ทรงแต่งตั้งบรรดานักบุญมากมาย จากหลายหลายวัฒนธรรม พระองค์ได้ทรงแต่งตั้ง บุญราศี 1,340 องค์ และ นักบุญ 483 องค์  ในบรรดานักบุญที่ได้รับการแต่งตั้งนั้นยังมีผู้เป็นบิดามารดาเช่น นักบุญ จันนา เบเร็ตตา มีนักบุญที่เป็นชนพื้นเมืองดังเช่นนักบุญ ฮวน ดีเอโก  นักบุญ คาเตรี เทกาวิทา  ยังมีผู้มีพระพรพิเศษเปี่ยมล้น เช่น คุณพ่อปีโอ   บุญราศีคุณแม่เทเรซา  และบุญราศีสมเด็จพระสันตะปาปายอห์นที่ 23 ด้วย

6. ‘เยาวชน’  พระองค์ได้ทรงเสนอให้มีการพบปะของบรรดาเยาวชนทุกๆ 2 หรือ 3 ปี นั่นคือ จุดเริ่มต้นของงานชุมนุมเยาวชนโลก  งานชุมนุมครั้งแรกได้จัดขึ้นนอกกรุงโรมได้จัดขึ้นที่กรุงบัวโนส ไอเรส ประเทศอาร์เจนตีน่า ในปี ค.ศ. 1987 จากงานชุมนุมที่มีขึ้นเหล่านี้ เราได้เห็นภาพอันน่าประทับใจเป็นที่สุดแห่งสมณสมัยของพระองค์ ที่ได้ทรงมอบให้แก่โลก

7. ‘เสวนากับศาสนาต่างๆ’ ได้ทรงสร้างสะพานให้กับทุกคน รวมถึงผู้ที่ไม่ได้มีความเห็นพร้องกับพระองค์ด้วย พระองค์ทรงเป็นพระสันตะปาปาองค์แรกที่ได้ทรงเสด็จเยี่ยมวัดยิว และได้ทรงเรียกชุมชนชาวยิวว่าเป็น “พี่ชายของเรา… พวกท่านเป็นพี่น้องสุดที่รักของเรา … พวกท่านเป็นพี่ชาย เป็นพี่สาวของเรา”  พระองค์ยังได้ทรงเสด็จเยี่ยมสุเหร่าในประเทศซีเรีย ซึ่งเป็นหลุมฝังศพของนักบุญยอห์น ผู้ทำพิธีล้าง พระองค์ได้ทรงปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างพระศาสนจักรกับชาวออร์โธดอกซ์ กับชาวอังกลิกัน และกับชาวโปร์แตสแตนท์  พระองค์ได้รวบรวมบรรดาผู้นำทางศาสนาต่างๆทั่วโลกให้มาร่วมกันภาวนาเพื่อสันติภาพ

พระองค์ได้ทรงตอกย้ำประวัติศาสตร์ด้วยเหตุผลนานัปการ จึงไม่เป็นเรื่องแปลกใจเลยว่า ทำไมผู้คนมากมายจึงทรงเรียกสมเด็จพระสันตะปาปายอห์นปอลที่ 2 ว่าเป็น “ผู้ยิ่งใหญ่”

(จาก ROMEREPORTS.COM)