เรา สังฆมณฑลเชียงใหม่ขอต้อนรับนักศึกษาชั้นปีที่ 4 จากวิทยาลัยแสงธรรม สาขาวิชาคริสตศาสนธรรม ที่สำเร็จการศึกษาหลักสูตร 4 ปี ค.ศ. 2010 – 2014
- ซิสเตอร์มารีอา มักดาเลนา ศรีออน ตระกูลวิวัฒน์ชัย คณะแม่ปอน
- ซิสเตอร์มารีอา ขวัญแก้ว ดุเจโต๊ะ คณะแม่ปอน
- นางสาว คลารา สุพัสตรา ใจเร็ว วัดแม่พระราชินีแห่งสันติภาพ แจ้ห่ม จ.ลำปาง
- นางสาว เทเรซา โฟสตินา พิชญาภัค เพียวเมียว ศูนย์คาทอลิกพระจิตเจ้า แม่สรวย จ.เชียงราย
- นาย ฟรังซิสเซเวียร์ ณัฐนิชิ เลาหาง ศูนย์โม้ง จ.เชียงใหม่
“ข้าวจะเก็บเกี่ยวมีมาก แต่คนงานมีน้อย” (มธ 10:37)
บิชอป วีระ อาภรณ์รัตน์ รายงาน
21 มีนาคม 2014
รายงาน สิ่งที่ได้รับจากการฝึกสอน
“ก่อนนั้นเธอจำได้หรือเปล่า ก้าวแรก ณ บ้านหลังนี้พระเยซูถามความตั้งใจ เธอตอบอย่างมั่นใจและชัดเจน แต่แล้ววันคืนได้ผันผ่านความตั้งใจดีกลับจางหาย และไม่รู้ว่าหายไปแต่เมื่อไร แต่ไม่ไกลเกินจะเก็บกลับคืนมา…”
ขณะที่กำลังฟังเพลง “แด่พ่อ” ท่อนท้ายของบทเพลงนี้ที่ได้หยิบยกมากล่าวไว้ข้างต้นนี้ทำให้ย้อนคิดถึงวันเวลาตลอดระยะเวลา 4 ปีแห่งการเป็นนักศึกษาผู้เตรียมเป็น ครูคำสอน และวันนี้ฉันผ่านเรื่องราวต่างๆมากมายและที่สุดวันนี้ก็ก้าวขึ้นมาสู่การเป็นครูคำสอนป้ายแดง โดยระยะเวลา 4 ปีที่ได้เรียนรู้ทั้งในภาคทฤษฎีในห้องเรียนเป็นเวลาสามปีครึ่งและการปฏิบัติในสนามงานจริงอีกสี่เดือน ตลอดเวลาในช่วงสามปีครึ่งที่เรียนในรั้ววิทยาลัยแสงธรรมบนเส้นทางนี้หลายครั้งที่เกิดความสับสนและไม่เข้าใจกับสิ่งต่างๆที่พบเจอในชีวิต บางครั้งอยากจะละทิ้งและเดินออกจากเส้นทางนี้ไป แต่เมื่อก้าวสู่การฝึกปฏิบัติงานในสนามงานจริงทำให้ฉันเองได้เข้าใจแล้วว่าสิ่งที่สับสนและไม่เข้าใจตลอดเวลาที่อยู่ในรั้ววิทยาลัยนั้นคือสิ่งที่พระกำลังเตรียมให้ฉันได้เรียนรู้ในสิ่งที่มากกว่านั้นอีก
เนื่องจากการฝึกปฏิบัติสอนคริสตศาสนธรรมในโรงเรียนเป็นเวลาทั้งหมด 4 เดือน ที่ฉันเองได้ไปที่โรงเรียนยอแซฟอยุธยากับเพื่อนๆอีกสองคน เป็นสี่เดือนแห่งการเปิดโลกชีวิตครูคำสอนของฉันให้กว้างขึ้น เป็นการเรียนรู้ที่ไม่มีตำราเล่มไหนเขียนไว้ ไม่มีห้องเรียนไหนที่เปิดสอนบทเรียนนี้ เพราะนั่นคือประสบการณ์อันล้ำค่าที่ฉันได้รับ ประการแรกเลยคือชีวิตของผู้ที่เป็น “ครู” ฉันได้เรียนรู้ว่าการเป็นครูนั้นต้องเป็นเหมือนสัปปะรด คือ ต้องรู้ทั้งศาสตร์และศิลป์แห่งการเป็นครู การเตรียมพร้อมในกิจกรรมการเรียนการสอน ทั้งยังต้องดูแลนักเรียนมิใช่แต่เพียงในฐานะของ ครูกับศิษย์เท่านั้น แต่ต้องเป็นดังแม่ที่คอยดูแลเอาใจใส่ลูก นอกจากนี้ยังติดต่อประสานงานกับผู้ปกครองและบุคคลรอบข้าง ฉันจึงคิดว่าคติของการเป็นครูที่ดีนั้นต้องเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติ “เป็นทุกอย่างสำหรับทุกคน” (Be All to All) ตามคำกล่าวของท่านนักบุญเปาโลเป็นคติที่เหมาะสมสำหรับชีวิตของผู้ที่เป็นครูมากที่สุด
ประการที่สองคือ การเป็น “ครูคำสอน” ไม่ใช่เพียงแต่สอนเรื่องของพระเยซูเจ้าด้วยวาจาเท่านั้นแต่ต้องสอนด้วยชีวิต นั่นคือการนำเอาคำสอนที่ได้เรียนรู้จากพระคัมภีร์และวิชาต่างๆในห้องเรียนลงมาสู่การปฏิบัติจริงในชีวิตและให้นักเรียนและบุคคลรอบข้างได้เห็นภาพลักษณ์ของพระเยซูเจ้าในตัวของเรา และสิ่งนี้เองคือสิ่งที่ยากที่สุดเพราะฉันเองแม้จะเลือกเดินบนเส้นทางนี้แต่ด้วยความเป็นมนุษย์บ่อยครั้งฉันไม่สามารถทำให้ภาพลักษณ์ของพระเยซูเจ้าเด่นชัดในตัวฉันได้ สิ่งเหล่านี้จึงสอนและย้ำเตือนให้ฉันหมั่นสวดภาวนาขอความช่วยเหลือจากพระมากขึ้นเพราะหากขาดความช่วยเหลือและความเชื่อไว้ใจในพระองค์แล้วเราไม่สามารถที่จะทำสิ่งใดได้เลย ยิ่งไปกว่านั้นคือชีวิตของครูคำสอนหากไม่ยอมให้พระเจ้าเป็นศูนย์กลางของชีวิตของตนมากกว่าตัวเองแล้วครูคำสอนก็เป็นเพียงมนุษย์เงินเดือนเท่านั้น
ประการที่สามเป็นเรื่องของการเรียนรู้ระบบการทำงานของโรงเรียนและวัดนักบุญยอแซฟอยุธยา แม้ว่าจะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆที่ได้เรียนรู้งาน แต่ก็ทำให้ฉันได้รู้จักระบบการทำงานตามโครงสร้างและระเบียบต่างๆที่ครูพึงกระทำทั้งทางตรงและทางอ้อมซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้ทำให้ฉันได้ก้าวสู่ความเป็นผู้ใหญ่และเตรียมพร้อมที่จะทำงานในสนามงานจริงในอนาคตอันใกล้นี้มากขึ้น นอกจากระบบงานแล้วการได้ร่วมงานกับซิสเตอร์ คณะครู และพนักงานหลายท่านทำให้ได้เรียนรู้วิธีการทำงาน วิธีการแก้ปัญหาและการจัดการกับสิ่งต่างๆในชีวิต ซึ่งเป็นสิ่งที่ฉันสามารถนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันของตัวเองได้อย่างดี
ประการที่สี่คือหน้าที่ของผู้อภิบาลและแพร่ธรรมในฐานะครูคำสอนการพบปะผู้คนมากมาย หลากหลายวัยและหลากหลายความเชื่อ ทำให้ฉันคิดว่าการทำงานในมุมนี้ควรเรียกว่า “บวร” อันมาจากคำว่า บ้าน วัด และโรงเรียน ซึ่งครูคำสอนนั้นจะต้องทำให้ภาพลักษณ์ของพระเยซูเจ้าปรากฏชัดเจน เพราะทั้งบ้านหรือครอบครัว วัด คือวิหารของพระเจ้า และโรงเรียนหมายถึงสนามแพร่ธรรม เป็นสถาบันพื้นฐานของมนุษย์ที่จะหล่อหลอมมนุษย์ให้เติบขึ้นในความรักของพระคริสตเจ้า และหากครูคำสอนสามารถทำให้ทั้งสามสถาบันนี้ตั้งอยู่ได้อย่างมั่นคงก็จะสามารถสร้างเครือข่ายและเสริมสร้างความสัมพันธ์กับพี่น้องต่างความเชื่อและรวมถึงผู้ที่ละทิ้งความเชื่อไปแล้วด้วยให้สามารถเข้ามาเป็นหนึ่งเดียวกันในความรักของพระเจ้า
สิ่งที่ได้รับจากการฝึกปฏิบัติการสอนคริสตศาสนธรรมตลอดระยะเวลาสี่เดือนนี้หากให้ฉันเล่านั้นคงไม่สามารถเขียนทั้งหมดได้เพราะนั่นคือประสบการณ์การเรียนรู้และความประทับใจกับสิ่งต่างๆที่ได้พบเจอในโรงเรียนและวัดนักบุญยอแซฟอยุธยา แต่สิ่งต่างๆที่ได้กล่าวมาข้างต้นนี้ฉันได้เรียนรู้และตระหนักดีว่าการทำงานในสนามงานจริงนั้นไม่ได้เหมือนกับสนามงานในอุดมคติและมันก็ไม่ง่ายเลยที่จะทำให้อุดมการณ์เป็นจริงในการทำงาน แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการไว้วางใจในพระและมอบทุกสิ่งให้พระองค์ดูแล หากมีวันไหนที่รู้สึกท้อแท้หรือพบเจอกับอุปสรรคต่างๆเราจะสัมผัสได้ถึงความรักของพระองค์ และเราก็จะสามารถตอบพระองค์ได้อย่างมั่นใจดังเดิมว่าเราพร้อมที่จะเดินไปกับพระองค์
ท้ายที่สุดนี้ฉันอยากขอบพระคุณพระเจ้าที่นำพาให้ฉันก้าวเดินมาจนถึงจุดนี้อันเป็นจุดสุดท้ายของชีวิตนักศึกษาแต่เป็นจุดเริ่มต้นแห่งการเป็นศิษย์ของพระเยซูเจ้า และขอขอบพระคุณบรรดาบาทหลวง ซิสเตอร์ คณาจารย์ ที่ได้อบรมสั่งสอนวิชาความรู้ ขอบคุณผู้ที่คอยสนับสนุนในด้านต่างๆและเป็นแรงผลักดันให้ฉันก้าวมาจนถึงวันนี้ ขอบคุณคณะครู บุคลากร สัตบุรุษ ตลอดจนเด็กๆและเยาวชนโรงเรียนและวัดนักบุญยอแซฟอยุธยาทุกท่านที่คอยดูแลเอาใจใส่และเป็นกำลังใจให้ตลอดระยะเวลาที่ฝึกปฏิบัติการสอนฯ
นางสาว สุพัสตรา ใจเร็ว
รายงาน สิ่งที่รับจากการฝึกสอน
โรงเรียนอันนาลัย เป็นโรงเรียนคาทอลิกแห่งเดียวในจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งตัวผมได้เข้ามาเป็นสมาชิกของโรงเรียนนี้เป็นระยะเวลา 4 เดือนกว่าๆ หรือ 1 ภาคเรียน ความรู้สึกก่อนที่จะได้เข้ามาทำการฝึกสอนอยู่ที่นี่ ทั้งตื่นเต้นและกังวลเป็นอย่างมากเนื่องจากต้องมาเผชิญกับสิ่งใหม่ๆ แต่เมื่อได้เข้ามาสัมผัสและเป็นส่วนหนึ่งของโรงเรียนอันนาลัย ความรู้สึกที่เคยตื่นเต้นและกังวลก็ค่อยๆหมดไป ได้รับหน้าที่ในการเป็นครูแบบเต็มตัว รับผิดชอบในการสอนวิชาคริสต์ศาสนาซึ่งเป็นวิชาที่ต้องสอนเกี่ยวพระเยซูเจ้าให้กับเด็กนักเรียนที่ส่วนมากนับถือศาสนาพุทธประมาณ 98 % ของนักเรียน จึงเป็นสิ่งที่ท้าทายเป็นอย่างยิ่ง
ประสบการณ์ต่างๆมากมาย ที่ผมได้รับไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์ในการสอนวิชาคริสต์ศาสนาซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับศาสนาคริสต์ที่ต้องถ่ายทอดให้กับบรรดาเด็กๆที่นับถือศาสนาพุทธเป็นส่วนใหญ่ การพบเจอกับเด็กหลายๆวัยซึ่งแต่ละคนก็มีความแตกต่างกัน การได้อยู่ร่วมกับผู้อื่น การได้รับฟังเรื่องราวมากมายที่ผ่านเข้ามาในชีวิตแต่ละวัน เป็นประสบการณ์ที่ดีและมีค่าที่ผมได้พบเจอและจดจำไว้เสมอเพื่อเป็นบทเรียนและเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิตต่อไป ถึงแม้จะเป็นเพียงเวลาที่ไม่นานนัก ที่ผมได้มาอยู่ในโรงเรียนอันนาลัยแห่งนี้ ได้มาเป็นส่วนหนึ่งของที่นี่ ทุกอย่างล้วนเป็นความหมายและความรู้สึกดีๆ ที่ทำให้ผมได้รับทั้งความรู้และประสบการณ์ และความรู้สึกต่างๆมากมายผ่านทางบุคคลรอบข้าง บรรดาเด็กนักเรียนที่ได้สอนและพบเจอ สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในเวลาเพียงไม่กี่เดือนที่นี่ ล้วนเป็นสิ่งที่บ่มเพาะและเป็นพลังในการทำหน้าที่ต่อไปของผม ถึงแม้การเป็นครูฝึกสอนในโรงเรียนอันนาลัยแห่งนี้จากจบลงเพียงไม่กี่เดือน แต่หน้าที่ของการเป็นครูคำสอนของผมจะยังคงดำเนินและก้าวเดินต่อไป เพื่อให้ทุกคนได้รู้จักและความรักของพระเจ้ามากยิ่งขึ้น ประสบการณ์ดีๆมากมายจากการมาฝึกสอนครั้งนี้ ทำให้ผมมีความอดทนและเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเติบโตมากยิ่งขึ้นในหลายๆด้านด้วย
ความสุขอีกมุมหนึ่งที่ผมไดรับนอกจากที่สอนในโรงเรียนอันนาลัย คือ การได้สอนคำสอนให้กับเด็กพม่า – มอญ ตามศูนย์ต่าง ๆ ประกอบด้วย ศูนย์อันนาลัย ศูนย์ยออากิมและศูนย์มาริสเพื่อให้พวกเขามารู้จักกับพระเยซูเจ้า เด็กเหล่านี้บางคนอาจจะยังมองไม่เห็น หรืออีกหลายๆคนในสังคมยังไม่เข้าใจ มันเป็นสิ่งที่ผมได้รับและถือเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ความสนุกสนานและความสุขเล็กๆน้อยๆ กับเด็กๆเหล่านี้ที่ยังต้องการความช่วยเหลือและอยู่ในมุมที่ไม่มีใครสนใจและละเลยไม่ได้นึกถึง แต่มุมเล็กๆนี้ก็เป็นมุมแห่งความสุขและความประทับใจที่ยิ่งใหญ่มากๆที่ผมได้รับมา หลายๆครั้งที่ผมรู้สึกเหนื่อย รู้สึกท้อแท้กับสิ่งที่ผมไม่คุ้นชิน และไม่เคยพบเจอ แต่ผมก็อาศัยความอดทนความเข้มแข็งและทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เพราะผมเชื่อว่าพระเป็นเจ้าจะไม่ทรงทอดทิ้งผม และพร้อมที่จะเดินเคียงข้างกับผมด้วยความรักและความใจดีของพระองค์ ขอเพียงแค่ผมฝากทุกอย่างไว้กับพระองค์ ความเชื่อมั่น และความไว้วางใจในพระองค์จะเป็นพละกำลังและทำให้ผมสามารถผ่านเรื่องราวต่างๆ ในชีวิตได้อย่างง่ายดาย
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณคุณพ่อวิทยา ลักลอยและซิสเตอร์น้ำทิพย์ งามสุทธา ที่ให้โอกาสผมได้ไปฝึกสอน ขอขอบคุณคุณครูทัศนา ชาวปากน้ำ (ครูอ้อ) ครูพี่เลี้ยงที่คอยให้การช่วยเหลือและให้คำปรึกษาตลอดการฝึกสอนครั้งนี้จนประสบความสำเร็จขอพระเป็นเจ้าทรงตอบแทนในน้ำใจดีของพวกท่าน
นายณัฐนิธิ เลาหาง
19 มีนาคม 2556