Skip to content
07NavidadA3

วันสมโภชพระคริสตเจ้าแสดงองค์
5 มกราคม 2014

บทอ่าน อสย 60: 1-6 ; อฟ 3: 2-3, 5-6 ; มธ 2: 1-12

หัวข้อ ของขวัญของโหราจารย์ เป็นสัญลักษณ์หมายถึง ฐานะมนุษย์ ฐานะพระเจ้า และฐานะกษัตริย์ของพระเยซูเจ้า และเรียกร้องเราให้มีกิจการแบบคริสตชน

ใน ค.ศ. 1969 ประเทศสหรัฐอเมริกาได้ส่งยานอวกาศ Apollo 11 พร้อมนักบินอวกาศ 3 คนไปสำรวจดวงจันทร์ได้สำเร็จ และกลับมาสู่โลกเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม เมื่อนักบินอวกาศยิ้มออกมาจากแคปซูลอวกาศ ประธานาธิปดีนิกสันได้ต้อนรับพวกเขาด้วยความยินดี เขาได้เดินทางไปที่ต่างๆ เป็นพยานถึงเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ บอกว่าเป็นสัปดาห์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตั้งแต่การสร้างโลก นักบินอวกาศทั้งสามได้เดินทางไป 23 ประเทศ ภายใน 45 วัน นักบินอวกาศคนหนึ่งชื่อ เอ็ดวิน อัลดริน ได้ไปที่วาติกัน ได้กล่าวว่า “เป็นช่วงเวลาที่ประทับใจมากที่สุด” และได้รับของขวัญพิเศษจากสมเด็จพระสันตะปาปาปอล ที่ 6 เขาได้เขียนหนังสือชื่อ “Return to Earth” (การกลับมาสู่โลก) เขากล่าวว่า “สมเด็จพระสันตะปาปาได้เปิดรูปปั้นที่สวยมากๆ ของโหราจารย์ 3 องค์ พระองค์กล่าวว่า นักปราชญ์ทั้ง 3 คนนี้มีดาวนำพวกเขามาพบพระกุมารเยซู และกล่าวอีกว่า เราทั้งสามคนไปถึงจุดหมายของเรา ด้วยการมองดูดวงดาวเช่นกัน”

ขณะที่นักบินอวกาศทั้งสามได้ชื่นชมกับรูปปั้นของปราชญ์ทั้งสามนั้น ความคิดของพวกเขาหันไปยังเรื่องราวที่เราได้รับฟังจากพระวรสารวันนี้ เหมือนเราอย่างไม่มีข้อสงสัย พวกเขาได้ไตร่ตรองความหมายลึกซึ้งของเรื่องนี้แน่ๆ เราทราบดีว่า พระเยซูเจ้าทรงแสดงองค์แก่คนต่างศาสนา ที่มิใช่ชาวยิว ตรงกับวันฉลอง Epiphany ที่หมายความว่า การแสดงองค์

นักปราชญ์ทั้ง 3 คน หรือโหราจารย์จากตะวันออกสนใจพระเยซูเจ้าได้อย่างไร พวกเขาคิดอะไรกับเด็กเกิดใหม่ที่มีสภาพแวดล้อมพิเศษนี้

นักบุญมัทธิวได้มีคำถามเดียวกันนี้ในใจ เมื่อท่านนับของขวัญที่ปราชญ์มอบให้พระเยซูเจ้า นักบุญมัทธิวบันทึกว่า “เขาเข้าไปในบ้าน พบพระกุมารกับพระนางมารีย์พระมารดา จึงคุกเข่าลงนมัสการพระองค์ แล้วเปิดหีบสมบัตินำทองคำ กำยาน และมดยอบ ออกมาถวายพระองค์”

คนสมัยก่อนถือว่า ทองคำ เป็นยอดของโลหะทั้งหลาย ดังนั้น ถือว่าเป็นของขวัญดีที่สุดสำหรับกษัตริย์ เราคริสตชนจึงอธิบายทองคำที่โหราจารย์ถวายพระกุมารว่าแสดงฐานะกษัตริย์ของพระเยซูเจ้า

เกี่ยวกับฐานะกษัตริย์ของพระเยซูเจ้า นักบุญเปาโลบันทึกในจดหมายถึงชาวเอเฟซัสว่า “(พระบิดา) ทรงแสดงในองค์พระคริสตเจ้า เมื่อทรงบันดาลให้พระคริสตเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย และให้ประทับเบื้องขวาของพระองค์ในสวรรค์… พระเจ้าทรงวางทุกสิ่งไว้ใต้พระบาทของพระคริสตเจ้า และทรงแต่งตั้งพระคริสตเจ้าไว้เหนือสรรพสิ่ง” (อฟ 1: 20-22)

ของขวัญชิ้นที่ 2 คือ กำยาน

คนสมัยก่อนใช้กำยานในการนมัสการ กลิ่นหอมและควันลอยสูงสู่พระเจ้า เราคริสตชนจึงอธิบาย กำยาน ว่าหมายถึง ฐานะพระเจ้าของพระเยซูเจ้า ในจดหมายถึงชาวฮีบรู กล่าวว่า “(พระเยซูเจ้า) ทรงเป็นรังสีแห่งพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้า ทรงเป็นภาพลักษณ์ที่สมบูรณ์ขององค์พระเจ้า พระบุตรทรงผดุงจักรวาลไว้ด้วยพระวาจาทรงฤทธิ์” (ฮบ 1: 3)

ของขวัญชิ้นสุดท้าย คือ มดยอบ

คนโบราณใช้มดยอบสำหรับชโลมศพคนตายก่อนนำไปฝัง เรานึกถึงบรรดาสตรีได้นำมดยอบไปที่พระคูหาของพระเยซูเจ้า เราคริสตชนจึงแปล มดยอบ ว่าหมายถึง ฐานะมนุษย์ของพระเยซูเจ้า นักบุญเปาโลเขียนจดหมายถึงชาวฟิลิปปีว่า “(พระเยซูเจ้า) ทรงมีธรรมชาติพระเจ้า แต่… ทรงรับสภาพมนุษย์ดุจเรา… ทรงถ่อมพระองค์จนถึงกับทรงยอมรับแม้ความตาย เป็นความตายบนไม้กางเขน” (ฟป 2: 6-8)

นักบุญเปโตร คริโซโลโก บิชอป ประมาณ 1,500 ปีที่แล้ว ได้กล่าวถึงวันฉลองนี้ว่า “วันนี้คณะบัณฑิตได้เพ่งมองด้วยความปีติยินดีในสิ่งที่พวกท่านเห็น คือสวรรค์บนแผ่นดิน และแผ่นดินถูกรวมเข้ากับสวรรค์ เห็นมนุษย์ในองค์พระเจ้า และพระเป็นเจ้าในร่างมนุษย์ พระเป็นเจ้าผู้ซึ่งโลกทั้งโลกไม่อาจบรรจุได้ บัดนี้ ทรงแฝงอยู่ในร่างของทารกน้อย ขณะที่เพ่งมอง พวกท่านได้เชื่อโดยไม่มีความสงสัยเลย เครื่องบรรณาการที่พวกท่านถวายก็เป็นพยานถึงความเชื่อนี้ คือ กำยานถวายแด่พระเจ้า ทองคำสำหรับกษัตริย์ และมดยอบถวายแด่ผู้ที่จะต้องรับความตาย”

ในทางปฏิบัติ ทั้งหมดนี้มีความหมายอะไรสำหรับเราที่นี่ในวัดวันนี้ วันฉลองนี้หมายความว่า ในสมัยนี้เราต้องสานต่อสิ่งที่พระเยซูเจ้าทรงเริ่มในสมัยของพระองค์ หากว่าข่าวสารของพระเยซูเจ้าต้องทำให้ทุกชาติทุกภาษารับรู้ เราต้องออกแรง เราต้องประกาศ ข่าวดี ที่พระเยซูบุตรของพระเจ้า ทรงรับสภาพมนุษย์และได้เจริญชีวิตท่ามกลางเรา

เราต้องแบ่งปันข่าวดีที่พระเยซูเจ้าทรงเข้ามาในประวัติศาสตร์ มิใช่สำหรับชาวยิวเท่านั้น แต่สำหรับประชาชนทุกคน

เราต้องแบ่งปันข่าวดีที่พระเยซูเจ้าได้มาเริ่มอาณาจักรพระเจ้า พระองค์ทรงมาจัดตั้งระบบโลกใหม่ อาณาจักรที่ไม่ควรมีความเศร้าโศกอีกต่อไป ไม่มีความทุกข์อีกต่อไป ไม่มีความเจ็บปวดอีกต่อไป อาณาจักรซึ่งคนขัดสน ถูกทอดทิ้งให้เป็นคนแปลกหน้าตอนกลางคืน จะพบเพื่อนที่รักเขา

นี่คือ “ข่าวดี” ที่เราต้องนำไปในสังคม นี่คือสาระในทางปฏิบัติของวันฉลองพระคริสตเจ้าแสดงองค์ ที่เรียกร้องเราคริสตชนแต่ละคนให้ไปปฏิบัติ ดังที่คริสตชนนิรนามคนหนึ่งเขียนไว้ว่า

“เมื่อบทเพลงของทูตสวรรค์จบแล้ว

เมื่อบรรดากษัตริย์  และเจ้าชายกลับบ้าน

งานคริสต์มาสก็เริ่มขึ้น  คือ

สร้างชาติให้สามัคคี  นำสันติสุขมาสู่พี่น้องของเรา

 

เมื่อดวงดาวนั้นลับขอบฟ้า

เมื่อคนเลี้ยงแกะนำฝูงแกะกลับไป

เลี้ยงดูผู้หิวโหย  ปลดปล่อยผู้ถูกคุมขัง

และเสียงเพลงนั้นยังดังก้องอยู่ในหัวใจของเรา”

บิชอป  วีระ  อาภรณ์รัตน์  แปล

จาก  Sunday Homilies Year A

โดย Mark Link (2010), หน้า 42-45.