Skip to content

ข้อคิดข้อรำพึง สมโภชพระเยซูเจ้ากษัตริย์แห่งสากลจักรวาล ปี B

“ท่านพูดว่าเราเป็นกษัตริย์นั้นถูกต้องแล้ว”

เราเฉลิมฉลองสัปดาห์สุดท้ายของปีพิธีกรรมด้วยการสมโภชพระเยซูเจ้ากษัตริย์แห่งสากลจักรวาล พระวาจาของพระเจ้าในปี B นี้นำเสนอ พระคริสตเจ้า ในฐานะที่ทรงเป็นกษัตริย์ที่มีอำนาจปกครองที่คงอยู่ตลอดไปไม่มีวันสิ้นสุด (จากบทอ่านแรก –หนังสือประกาศกดาเนียล) และในฐานะประมุขของบรรดากษัตริย์ในแผ่นดิน พระองค์ทรงแต่งตั้งพวกเราให้เป็นกษัตริย์และสมณะเพื่อรับใช้พระเจ้า (บทอ่านที่สอง –หนังสือวิวรณ์) และในฐานะกษัตริย์ที่เป็นพยานถึงความจริง (พระวรสาร –นักบุญยอห์น)
 
พระคริสต์ทรงเป็นกษัตริย์ในหลายรูปแบบ เราเห็นภาพนี้ของพระองค์ในรูปแบบต่างๆ กัน นักบุญยอห์น ผู้นิพนธ์พระวรสารวาดภาพพระคริสต์ในฐานะที่ทรงเป็นกษัตริย์ที่เป็นพยานถึงความจริง
 
นักประพันธ์ผู้มีชื่อเสียงชาวรัสเซียที่ชื่อ ดอสทอยเยฟสกี (Dostoyevsky) ครั้งหนึ่งเคยกล่าวไว้ว่า “ฉันเชื่อว่าไม่เพียงแต่ไม่เคยมีใครเป็นเหมือนพระเยซูคริสตเจ้าในอดีต แต่จะไม่มีใครเป็นเหมือนพระองค์ได้อีกเลย”
 
มีเรื่องเล่าว่ามีนักท่องเที่ยวผู้หนึ่ง เดินตกลงไปในทรายดูดโดยไม่รู้ตัว มีคนเดินผ่านมาคนหนึ่งมองเห็นเขากำลังดิ้นรนต่อสู้ จึงพูดกับตัวเองว่า “เขาน่าจะรู้ดี และอยู่ห่างจากสถานที่อันตรายนั้น” ต่อมาสักครู่ ชายอีกคนหนึ่งเดินผ่านไป มองเห็นชายที่กำลังจะจมลงจึงพูดอย่างแข็งขันว่า “ขอให้ชะตากรรมของชายคนนี้เป็นบทเรียนสำหรับคนอื่นๆ ในโลกที่เหลืออยู่ ว่าการก้าวลงไปในทรายดูดเท่ากับก้าวลงไปสู่กับดักแห่งความตายที่ไม่มีวันหนีรอดไปได้”จากนั้นชายคนที่สามเดินผ่านมา เขาพูดกับชายที่กำลังจะจมว่า “เสียใจด้วย นี่เป็นพระประสงค์ของพระเจ้าสำหรับคุณ”
ในที่สุด พระเยซูเจ้าเสด็จผ่านมา ทรงพระดำเนินเข้าไปใกล้ในระยะที่ปลอดภัย ยื่นพระหัตถ์ของพระองค์ออกไปตรัสว่า “อย่ากลัวเลย จับมือฉันไว้ และฉันจะช่วยเธอให้รอด” และนั่นคือสิ่งที่ทรงปฏิบัติจริง พระองค์เคยตรัสว่า “ฉันจะอยู่กับพวกท่านเสมอ แม้กระทั่งในวาระสุดท้าย” (Fr.James Valladares: Your Words, O Lord, are Spirit, and They are Life –Year B.)
 
จริงอยู่ พระเยซูเจ้าทรงเป็นจุดศูนย์กลางและจุดสูงสุดของสิ่งสารพัดที่พระเจ้าทรงสร้างขึ้นมา พระองค์มิได้ทรงเป็นแค่กษัตริย์ของชาวยิวเท่านั้นตามที่ปิลาตถาม แต่ยิ่งใหญ่กว่านั้นมาก ทรงเป็นกษัตริย์แห่งสากลจักรวาลทีเดียว ถ้าในที่สุดแล้วปิลาตได้รู้ความจริงว่าพระองค์ทรงเป็นใครแล้ว เขาจะต้องตกใจมากทีเดียว อาณาจักรโรมันที่ว่ายิ่งใหญ่แล้ว ยังไม่เทียบเท่าเถ้าธุลีแห่งระบบสากลจักรวาลอันยิ่งใหญ่เกรียงไกรที่แท้จริง
 
ถ้าอย่างนั้น เรามนุษย์ตัวเล็กกระจิริด จะเข้าถึงพระองค์ได้อย่างไร ตัวเล็กยังไม่พอ ยังเต็มไปด้วยรอยแผลแห่งบาปนานาชนิด แล้วเราจะทำอย่างไร
 
ไม่ต้องทำอะไรหรอกครับ ทรงทำทุกอย่างเพื่อเราอยู่แล้ว จากเรื่องตัวอย่างข้างบน จะเห็นว่าทรงยื่นพระหัตถ์มาช่วยเรา ทรงนับเราเป็นมิตรสหาย อีกประการหนึ่ง อาณาจักรของพระองค์เป็นเรื่องเกี่ยวกับความจริงและชีวิต เป็นเรื่องของความศักดิ์สิทธิ์ และพระหรรษทาน เป็นเรื่องของความยุติธรรม ความรัก และสันติภาพ แม้เราจะเป็นเช่นไร ก็มิทรงคำนึง พระคริสต์ผู้ทรงรักเราเป็นอย่างมากได้มอบพระองค์เอง ยอมรับทนทรมาน และยอมแม้กระทั่งรับความตาย เพื่อให้เรามีชีวิต นี่เป็นการพิสูจน์อย่างชัดแจ้งว่า ทรงเป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เพราะทรงความรักครอบจักรวาล

(คุณพ่อ วิชา หิรัญญการ เขียนลงสารวัดนักบุญยอแซฟ อยุธยา เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2012)

ข้อคิดข้อรำพึง สมโภชพระเยซูเจ้ากษัตริย์แห่งสากลจักรวาล ปี B

พระคริสตเจ้าจะต้องครองราชย์เหนือชีวิตเรา

มีเรื่องเล่าว่า ทหารอเมริกันคนหนึ่งได้นั่งรถบัสท่องเที่ยวในประเทศสวีเดน เขาได้คุยให้ชายคนที่นั่งข้างๆเขาฟังว่า “อเมริกาเป็นประเทศที่มีความเป็นประชาธิปไตยมากที่สุดในโลก ที่นั่น คนธรรมดาๆสามารถเข้าไปที่ทำเนียบขาวเพื่อพบกับประธานาธิบดี และพูดคุยเรื่องต่างๆกับท่านได้” ชายที่นั่งข้างๆเขาตอบกลับว่า “นั่นแค่เรื่องเล็กน้อย ในสวีเดนกษัตริย์และประชาชนสามารถเดินทางด้วยรถบัสคันเดียวกันได้” เมื่อชายคนนั้นลงจากรถบัสไปแล้ว ชาวอเมริกันคนนั้นได้รับการบอกกล่าวว่าบุคคลที่นั่งใกล้กับเขา คือ กษัตริย์ กุสตาฟ อดอล์ฟ ที่ 6
.
ดังนั้น เราต้องอย่าลืมว่า พระเยซูคริสตเจ้า พระบุตรของพระเจ้า กษัตริย์ของชาวเรา ทรงรับเอาร่างกาย และมาดำรงชีวิตท่ามกลางเรา ไม่มีความรักใดยิ่งใหญ่ไปกว่านี้อีกแล้ว
.
เพื่อจะได้เข้าใจการสมโภชพระเยซูคริสตเจ้า กษัตริย์แห่งสากลจักรวาล ให้เราย้อนกลับไปในปี 1925 คือหลายปีต่อมาเมื่อสงครามโลกครั้งที่ 1 ได้สิ้นสุดลง พระสันตะปาปาปีโอที่ 11 (Pope Pius XI) ได้ทรงพิจารณาสถานการณ์ความเป็นไปทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุโรป และพระองค์ทรงกังวลต่อสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น มุสโสลินีกำลังปลุกระดมคนทั่วอิตาลีอย่างหยิ่งผยอง ชายที่ชื่อว่า ฮิตเลอร์ จากประเทศเยอรมนีเพิ่งถูกปล่อยตัวจากคุก และพรรคการเมืองที่น่ากลัวของเขากำลังเข้มแข็งขึ้น แนวคิดเรื่องศาสนาไม่ควรมีอิทธิพลต่อการเมืองที่กำลังเพิ่มมากขึ้น คริสตชนมากมาย และแม้แต่คาทอลิกสงสัยในฤทธิ์อำนาจของพระคริสต์ และพระศาสนจักร และแม้แต่สงสัยไปถึงขั้นว่าพระคริสต์ทรงเป็นอยู่จริงหรือเปล่า คาทอลิกจำนวนมากละทิ้งความเชื่อไปติดตามผู้นำทางด้านการเมืองต่างๆ
.
พระสันตะปาปาได้ทรงตระหนักว่าต้องมีเครื่องหมาย หรือสัญลักษณ์บางอย่างที่จะเตือนประชาชนว่าชีวิตเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร และพวกเขาแท้จริงแล้วเป็นคนของผู้ใด พระองค์จะทรงเลือกอะไรดี ที่สุดทรงใช้คำที่มีความหมายแพร่หลายว่า “กษัตริย์” – พระคริสตเจ้าทรงเป็นกษัตริย์ และพระองค์จึงทรงตั้งวันสมโภชนี้ขึ้นในพระศาสนจักรสากลจากสมณลิขิตที่ชื่อว่า “Quas Primas”
.
ต้องถือว่าพระองค์ทรงเลือกได้อย่างชาญฉลาด เพราะว่าจะไม่มีสิ่งใดที่สามารถเปรียบเทียบให้เห็นความแตกต่างได้มากไปกว่านี้แล้ว พระเยซูเจ้ามิได้ทรงให้ผู้คนมาโค้งคำนับพระองค์ ตรงข้าม ทรงก้มลงและล้างเท้าให้พวกเขา พระองค์ไม่ทรงมีกองทัพ มีแต่บรรดาอัครสาวก ไม่ประทับนั่งบนบัลลังก์แต่นั่งบนหลังลูกลา ไม่ทรงสวมมงกุฎทองแต่เป็นมงกุฎหนาม พระองค์ไม่ทรงรับเอาชีวิตคนอื่น แต่ทรงมอบชีวิตเพื่อผู้อื่น พระองค์ไม่ทรงกำหนดขอบเขต แต่ทรงรวมคนบาป คนเก็บภาษี และบรรดาขโมยทั้งหลายเข้ามาอยู่ในอาณาจักรของพระองค์ด้วย พระองค์ไม่ทรงเอาประโยชน์จากประชาชน แต่ได้ตรัสอย่างเห็นอกเห็นใจต่อพวกแม่ม่าย ลูกนอกคอก ชาวสะมาริตันที่ใจดี และชาวไร่ชาวนาที่ยากจน พระองค์ไม่ทรงบังคับ แต่ทรงเชื้อเชิญ พระคริสต์ผู้ทรงเป็นกษัตริย์ไม่สนพระทัยต่อมงกุฎ พระราชวัง หรือเสื้ออาภรณ์ ตรงข้าม ทรงสนพระทัยต่อสิ่งที่ตอบคำถามพื้นฐานได้ ว่าเราจะมอบความจงรักภักดีของเราให้กับใคร หรือให้กับอะไรมากกว่า
.
วันสมโภชนี้มีบทสอนอะไร สอนว่าต้นกำเนิดของวันสมโภชนี้เกิดขึ้นในห้วงเวลาที่ความเคารพต่อพระคริสต์และพระศาสนจักรลดน้อยถอยลง จริงๆแล้ววันสมโภชนี้ก็ยังจำเป็นสำหรับเวลาในปัจจุบันนี้ เพราะต้นตอปัญหาเหล่านี้ยังไม่หมดไป กลับแย่ลงไปกว่าเดิมด้วยซ้ำ เรากำลังมองเห็นสภาพเงื่อนไขในปัจจุบันที่มีความขัดแย้งกันระหว่างชาติต่างๆ การขู่เข็ญถึงสงครามใหม่ๆ ผู้นำที่คอร์รัปชัน ผู้คนที่เต็มไปด้วยความโลภ ความเป็นปัจเจกบุคคล การก่อการร้าย และศีลธรรมที่ตกต่ำ
.
ในการสมโภชพระเยซูเจ้า กษัตริย์แห่งสากลจักรวาลนี้ เราต้องตั้งใจให้พระคริสตเจ้าทรงครองราชย์เหนือชีวิตของเรา
(คุณพ่อวิชา หิรัญญการ แปลเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน ค.ศ.2018
 
จากหนังสือ The Table of the Word, by Fr. John Pichappilly)