Skip to content

ข้อคิดข้อรำพึง วันฉลองพระเยซูเจ้าทรงสำแดงพระวรกายรุ่งโรจน์ต่อหน้าอัครสาวก

โมเสสและประกาศกเอลียาห์เป็นเพียงผู้รับใช้ แต่พระเยซูเจ้าทรงเป็นพระบุตร

นักบุญยอห์น ครีโซสตม (St John Chrysostom) ในบทเทศน์วันฉลองการสำแดงพระวรกายของพระเยซูเจ้า ได้อธิบายให้เห็นเหตุผลหลายประการในการปรากฎตัวของโมเสสและประกาศกเอลียาห์ ท่านกล่าวไว้ว่า “มีเหตุผลมากมายว่าทำไมโมเสสและประกาศกเอลียาห์ต้องปรากฏตนออกมา ข้อแรก เพราะว่ามีหลายคนกล่าวว่าพระเยซูเจ้า คือประกาศกเอลียาห์ หรือประกาศกเยเรมีห์ หรือประกาศกองค์ใดองค์หนึ่ง ดังนั้น ณ ที่นี้ พระเยซูเจ้าจึงทรงนำหัวหน้าของบรรดาประกาศกมากับพระองค์ เพื่อว่า อย่างน้อยจะเป็นที่เห็นได้อย่างชัดแจ้งถึงความแตกต่างระหว่างบรรดาผู้รับใช้ของพระ กับ องค์พระผู้เป็นเจ้าของพวกเขา”

เหตุผลประการที่สองคือ “เพราะว่าชาวยิวได้เคยกล่าวหาพระเยซูเจ้าว่าทรงเป็นผู้ที่ละเมิดกฎหมายและเป็นผู้กล่าวคำผรุสวาท และช่วงชิงพระสิริรุ่งโรจน์ของพระบิดาเจ้ามาเป็นของตนเอง ดังนั้น พระองค์อาจจะทรงต้องการพิสูจน์ว่าทรงไม่มีความผิดตามข้อกล่าวหาเหล่านั้น จึงนำเอาสองท่านผู้โดดเด่นเป็นพิเศษมาให้เห็นต่อหน้าต่อตา คือ โมเสส ผู้ที่มอบธรรมบัญญัติให้ชาวอิสราเอล และประกาศกเอลียาห์ ผู้ที่ปรารถนาจะให้ชาวอิสราเอลในสมัยของท่านได้เห็นพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้า”

ประการที่สาม คือ “เพื่อให้พวกเขาได้เรียนรู้ว่าพระองค์ทรงเป็นเจ้าของอำนาจเหนือชีวิตและความตาย โดยนำโมเสสซึ่งสิ้นชีพไปแล้วออกมา และนำประกาศกเอลียาห์ ซึ่งยังไม่ประสบกับความตายออกมา (ท่านได้ถูกนำขึ้นสู่สวรรค์ทั้งที่ยังมีชีวิตด้วยรถม้าเพลิงในพายุหมุน)

ประการที่สี่ มาจากเหตุผลของผู้นิพนธ์พระวรสาร (ณ ที่นี้ คือนักบุญมัทธิว) ที่ค้นพบว่า พระองค์อาจจะทรงแสดงพระสิริรุ่งโรจน์แห่งไม้กางเขนของพระองค์ เพื่อปลอบประโลมใจเปโตร และอัครสาวกองค์อื่นๆ ซึ่งกำลังหวาดกลัวถึงเรื่องความตายของพระองค์ ตามที่ผู้นิพนธ์พระวรสารอีกคนหนึ่งประกาศว่า ในช่วงเวลานั้นพวกเขากำลังพูดถึงความตายของพระองค์ซึ่งจะสำเร็จไปที่กรุงเยรูซาเล็ม”

เหตผลประการที่ห้า “นั่นคือเหตุผลที่ทำไมพระองค์ทรงนำโมเสสและประกาศกเอลียาห์มาสนทนาด้วย เพราะทั้งสองได้เปิดเผยตนเองอย่างชัดเจนว่าจะยอมตายตามพระประสงค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า และเพื่อประชากรที่เชื่อในพระองค์ โดยที่ทั้งคู่ยืนหยัดต่อสู้กับทรราชย์ นั่นคือโมเสสต่อหน้าฟาโรห์ และประกาศกเอลียาห์ต่อหน้ากษัตริย์อาคับ และท้ายที่สุด คือพระองค์ทรงต้องการให้บรรดาอัครสาวกจะได้เลียนแบบอย่างความสุภาพแบบโมเสส และความลุกร้อนไปด้วยไฟรักแบบประกาศกเอลียาห์”

ในพระวรสารของวันนี้ เล่าว่า พระเยซูเจ้าทรงสำแดงพระวรกายรุ่งโรจน์บนภูเขา ตามธรรมประเพณี เชื่อว่าเป็นภูเขาทาโบร์ ถ้าเป็นเช่นนี้จริง คำทำนายโบราณเกี่ยวกับองค์พระผู้เป็นเจ้าจะสำเร็จสมบูรณ์ไป “พระองค์ทรงสร้างทิศเหนือและทิศใต้ ภูเขาทาโบร์และเฮอร์โมนก็โห่ร้องสรรเสริญพระนามของพระองค์” (สดด 89 : 12)

ในการสำแดงองค์ของพระเยซูเจ้านี้ มีสามผู้มาเยือนจากสวรรค์ดังนี้

หนึ่งคือ โมเสส ท่านเป็นประกาศกยิ่งใหญ่ที่สุด และเป็นผู้มอบธรรมบัญญัติ ท่านมีหลายอย่างละม้ายคล้ายกับพระเยซูเจ้า ท่านเคยอดอาหารสี่สิบวันสี่สิบคืน ท่านทำอัศจรรย์มากมาย ท่านเป็นเครื่องมือของพระในการมอบบัญญัติสิบประการให้กับอิสราเอลเก่า ในขณะที่พระเยซูเจ้าทรงมอบบทบัญญัติทองแห่งความรักสองประการให้อิสราเอลใหม่ มีบางสิ่งที่เป็นเรื่องลึกลับเกี่ยวกับความตายของโมเสส ท่านตายอย่างโดดเดี่ยวที่ภูเขาเนโบ แต่จนทุกวันนี้ไม่มีใครรู้ว่าท่านถูกฝังไว้ที่ไหน บางทีท่านอาจถูกสงวนรักษาไว้ไม่ให้เสื่อมสลายเพื่อจะได้มาปรากฏตัวในครั้งนี้ก็เป็นได้ ส่วนใบหน้าของโมเสสมีแสงเรืองเมื่อท่านลงมาจากภูเขาซีนายหลังจากได้รับศิลาจารึกแห่งพันธสัญญา (อพย 34 : 29 – 35) ก็เป็นเช่นเดียวกับพระพักตร์ของพระเยซูเจ้าในช่วงสำแดงพระวรกายรุ่งโรจน์ โมเสสเป็นผู้ปลดปล่อยที่ยิ่งใหญ่ (Great Liberator) แต่พระเยซูเจ้าทรงเป็นผู้ไถ่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด (Greatest Redeemer)

สองคือ ประกาศกเอลียาห์ ท่านเป็นประกาศกที่โดดเด่น ท่านด้วยเคยอดอาหารสี่สิบวันสี่สิบคืน ได้ทำอัศจรรย์มากมาย แม้กระทั่งเรื่องความตายของท่าน อันที่จริงต้องพูดว่าเรื่องการจากไปจากโลกนี้ของท่าน ซึ่งเป็นเรื่องลึกลับ เพราะพระคัมภีร์บอกว่าท่านไม่ได้ตาย แต่ถูกยกขึ้นไปด้วยรถม้าเพลิงคันหนึ่งเทียมม้าเพลิง…. เอลียาห์ถูกยกขึ้นไปบนฟ้าในพายุหมุน (2 พกษ 2 : 11) และยังมีคำพยากรณ์ที่นำมาซึ่งความหวังสำหรับชาวอิสราแอล ว่าท่านจะกลับมาอีก และในที่นี้ท่านก็ปรากฏตัวแล้ว

ทั้งสองท่านนี้มาเป็นประจักษ์พยานยืนยันถึงพระเยซูเจ้าที่มาจากสวรรค์ ส่วนเปโตร ยากอบ และยอห์น เป็นประจักษ์พยานสามคนจากโลกนี้ แสดงว่าในองค์พระเยซูเจ้า สวรรค์และแผ่นดินมาบรรจบกัน

สามคือ เสียงจากสวรรค์ องค์พระผู้เป็นเจ้าพระบิดาได้ทรงประทับอยู่ท่ามกลางเมฆสว่างจ้า ซึ่งปกคลุมอัครสาวกทั้งสามไว้ เมฆเป็นเครื่องหมายสัญลักษณ์ที่เห็นได้ถึงการประทับอยู่ขององค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ได้เสด็จลงมาที่ภูเขาซีนาย (อพย 19 : 9) และทรงลงมาหาโมเสส (อพย 34 : 5) พระองค์ทรงครอบคลุมหีบพระบัญญัติในรูปหมู่เมฆ และในกาลเวลาต่อมา ทรงปกคลุมพระวิหารด้วย ซึ่ง ณ ที่นี้ทั้งหีบพระบัญญัติและพระวิหารคือที่ซึ่งพระเยซูเจ้าทรงเป็นอยู่ และดังนั้นในเหตุการณ์นี้เมฆจึงมาปกคลุมบนภูเขาทาโบร์ และพระองค์ได้ตรัสด้วยเสียงแห่งสวรรค์ว่า “ท่านผู้นี้เป็นบุตรสุดที่รักของเรา เราพึงพอใจยิ่งนัก จงฟังท่านเถิด” นี่คือพระสุรเสียงเดียวกันที่ได้ทรงประกาศออกมาจากสวรรค์ในขณะที่พระเยซูเจ้าทรงรับพิธีล้าง

สรุปคือ โมเสสและประกาศกเอลียาห์ คือผู้รับใช้ทั้งสองขององค์พระผู้เป็นเจ้า แต่พระเยซูเจ้าทรงเป็นพระบุตรของพระองค์ ในองค์พระบุตรนี้องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงกลับคืนดีกับโลก

(คุณพ่อวิชา หิรัญญการ เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2023
Based on : John ’s Homilies on Saints & Feast Days ;
By : John Rose)