Skip to content

ข้อคิดข้อรำพึง อาทิตย์ที่ 14 เทศกาลธรรมดา ปี A

พระวาจาของพระเจ้าสำหรับอาทิตย์นี้บอกเราว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงถ่อมพระองค์” ประกาศกเศคาริยาห์ในบทอ่านแรกบอกเราล่วงถึงพระคริสตเจ้าในฐานะที่ทรงเป็นกษัตริย์ผู้ทรงอ่อนโยน “ทรงถ่อมพระองค์ และประทับบนหลังลา บนหลังลาตัวน้อย ลูกแม่ลา” ส่วนในพระวรสารพระเยซูเจ้าทรงเชื้อเชิญบรรดาคนที่เหน็ดเหนื่อย และแบกภาระหนักให้เข้ามาหาพระองค์… “เพราะเรามีใจสุภาพ อ่อนโยน และถ่อมตน”

เมื่อพูดถึง “ท่านทั้งหลายที่เหน็ดเหนื่อย และแบกภาระหนัก” มีผู้ตีความพระคัมภีร์จำนวนมากคิดว่าพระเยซูเจ้าทรงอ้างถึงภาระหนักที่พวกฟาริสีและธรรมจารย์สมัยก่อนพระเยซูเจ้า และในสมัยของพระเยซูเจ้าด้วยที่สอนว่าชาวยิวต้องถือกฎทั้งหมด 613 ข้อ (ทั้งที่ให้ปฏิบัติ และห้ามปฏิบัติ รวมกัน = The burden of the 613 positive and negative commandments) เพราะพวกเขาคิดว่าถือแค่พระบัญญัติ 10 ประการคงไม่พอ จึงเพิ่มกฎข้อบังคับต่างๆ ขึ้นอีกมากมาย พวกเขาถือตามและคิดว่าพวกเขาเป็นผู้ชอบธรรม พวกเขาสอนคนอื่นๆ ให้ถือปฏิบัติเช่นนี้ด้วย ใครที่ถือไม่ได้ ก็เป็นพวกที่น่ารังเกียจ แน่นอนครับ การถือตามกฎตั้ง 613 ข้อ ย่อมทำให้เหน็ดเหนื่อย และเป็นภาระที่หนักยิ่ง พระเยซูเจ่าจึงทรงเชื้อเชิญคนทั้งหลายเหล่านี้ให้มาหาพระองค์ พระองค์จะทรงให้พวกเขาได้พักผ่อน เพราะแอกของพระองค์อ่อนนุ่ม และภาระที่พระองค์ทรงมอบให้แบกก็เบา พระองค์ทรงลดจำนวนพระบัญญัติมากมายที่ต้องถือให้เหลือ 2 ข้อที่สำคัญเท่านั้นเอง นั่นคือ จงรักองค์พระผู้เป็นเจ้า และจงรักเพื่อนมนุษย์ “ท่านจะต้องรักองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านสุดจิดใจ สุดวิญญาณ สุดสติปัญญาของท่าน นี่คือบทบัญญัติเอกและเป็นบทบัญญัติแรก บทบัญญัติประการที่สองก็เช่นเดียวกัน คือท่านต้องรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง ธรรมบัญญัติและคำสอนของบรรดาประกาศกก็ขึ้นอยู่กับบทบัญญัติสองประการนี้” (มธ 22 : 37-40)

เราควรมาพินิจพิเคราะห์ข้อความที่พระเยซูเจ้าได้ตรัสไว้ในพระวรสารของวันนี้ ที่ว่า “… (จง) มาเป็นศิษย์ของเรา เพราะเรามีใจสุภาพ อ่อนโยน และถ่อมตน” ว่าทรงต้องการสอนอะไรให้กับเรา ย้อนไปดูที่ประกาศกอิสยาห์ได้ทำนายล่วงหน้าถึงความอ่อนโยนของพระเยซูเจ้ากับข้อเขียนของท่านที่ว่า “เขาจะไม่ร้องตะโกนหรือเปล่งเสียงดัง จะไม่ทำให้ใครได้ยินเสียงของเขาตามถนน ไม้อ้อที่ช้ำแล้ว เขาจะไม่หัก และใส้ตะเกียงที่ริบหรี่อยู่ เขาจะไม่ดับ เขาจะประกาศความยุติธรรมด้วยความสัตย์จริง” (อสย 42 : 2-3)

และให้เราคิดถึงตัวอย่างที่งดงามถึงความอ่อนโยนของพระเยซูเจ้าที่แสดงออกมาในการแก้ปัญหาให้กับหญิงที่ถูกจับตัวมาขณะล่วงประเวณี บรรดาธรรมาจารย์และพวกฟาริสี นำเธอมาต่อหน้าพระเยซูเจ้า เพื่อให้ทรงตัดสิน ในสถานการณ์เช่นนี้ พระองค์ทรงแสดงออกอย่างเด่นชัดถึงความอ่อนโยน ไม่ใช่สำหรับเฉพาะหญิงคนนั้นเท่านั้น แต่กับพวกที่กล่าวหาเธอด้วย จะเห็นว่าพระองค์ไม่ได้ทรงร้องตะโกน หรือคลั่งอาละวาด แต่ทรงก้มลง เอานิ้วพระหัตถ์ขีดเขียนที่พื้นดิน เมื่อคนเหล่านั้นยังทูลถามย้ำอยู่อีก พระองค์ทรงเงยพระพักตร์ขึ้นมาตรัสว่า “ท่านผู้ใดไม่มีบาป จงเอาหินทุ่มนางเป็นคนแรกเถิด” แล้วทรงก้มลงขีดเขียนบนพื้นดินต่อไป แล้วนั้น บรรดาผู้กล่าวหานางก็ค่อยๆ ทยอยออกไปทีละคน จนเหลือแต่พระเยซูเจ้าและหญิงคนนั้น …. “เราก็ไม่ลงโทษท่านด้วย ไปเถิด และตั้งแต่นี้ไปอย่าทำบาปอีก” (ยน 8 : 1-11)

พระเยซูเจ้าทรงสอนให้เรามีความอ่อนโยน ทรงมีพระประสงค์ให้เราเลียนแบบนายชุมพาบาลในนิทานเปรียบเทียบเรื่องแกะที่พลัดหลง เมื่อเขาพบแกะแล้ว เขาจะไม่ตีแกะ หรือลากมันกลับมา แต่เขาจะยกมันใส่บ่าด้วยความยินดี (ลก 15 : 4-7)

และทรงมีพระประสงค์ด้วยที่จะให้เราเลียนแบบบิดาในนิทานเปรียบเทียบเรื่องลูกล้างผลาญ และลูกที่คิดว่าตนทำดีแล้ว ผู้เป็นบิดาไม่ได้ตะโกนด่าว่าเมื่อเห็นลูกกลับมา บิดามีแต่ความสงสาร และวิ่งไปสวมกอดและจูบลูก (ลก 15 : 11-32)

เมื่อเราประมวลสรุปเรื่องราวต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้น บัดนี้เราคงเข้าใจแล้วว่าการมีใจสุภาพ อ่อนโยน และถ่อมตน ของพระเยซูเจ้านั้นเป็นเช่นไร ให้เราเข้าไปหาพระองค์ ปวารณาตัวเป็นศิษย์ของพระองค์ เพื่อจะทรงสั่งสอนเราให้สอดคล้องกับพระประสงค์ของพระองค์ในเรื่องของ ความสุภาพ อ่อนโยน และถ่อมตน ที่แท้จริง

(คุณพ่อวิชา หิรัญญการ ลงวันที่ 30 มิถุนายน 2023
Based on : 1) Speak, Lord! Year A., By Fr. Hermon Mueller, SVD
2) Illustrated Sunday Homilies – Year A., By Mark Link, SJ)