Skip to content

ข้อคิดข้อรําพึง อาทิตย์ที่ 19 เทศกาลธรรมดา ปี C

จงคาดสะเอวแล้วจุดตะเกียงเตรียมพร้อมไว้

อาจารย์ท่านหนึ่งกล่าวกับลูกศิษย์ที่ไม่ค่อยใส่ใจอะไร ชอบใช้ชีวิตแบบสบาย ๆ ว่า “เธอกำลัง ทำลายตัวเองโดยรูปแบบการใช้ชีวิตแบบสบาย ๆ เช่นนี้ และจะนำไปสู่หายนะแน่ ๆ” ศิษย์ถามว่า “จะเป็น เช่นนั้นได้อย่างไร” อาจารย์ยกตัวอย่างว่า “ลองหย่อนกบตัวหนึ่งลงไปในน้ำเดือดสิ มันจะกระโดดหนี ออกมาโดยทันที แต่ถ้านำไปไว้ในภาชนะที่มันค่อย ๆ ร้อนขึ้นทีละนิด ๆ อย่างช้า ๆ กบจะสูญเสียความตึงเครียดที่ทำให้มันกระโดดออกมาเมื่อถึงเวลาจำเป็นที่ต้องกระโดดนั่นเอง” เฉกเช่นเดียวกับที่พระเยซูเจ้าได้ ตรัสให้สานุศิษย์ได้เตรียมพร้อมด้วยคำว่า “จงเตรียมตัวไว้ให้พร้อม และให้ตะเกียงของท่านจุดอยู่เสมอ”

หนังสือปรีชาญาณที่เราได้ฟังในบทอ่านแรกของวันอาทิตย์นี้ ได้ถูกเขียนขึ้นมาราว 50 ปีก่อนถึง สมัยของพระเยซูเจ้า แต่ก็ถูกถือว่าเป็นหนังสือที่ครอบคลุมความจริงทุกยุคทุกสมัย และในตอนที่นำมาใน วันนี้มีคำว่า “คืนนั้น” (- “บรรพบุรุษของข้าพเจ้าทั้งหลายได้รับรู้ล่วงหน้าถึงคืนนั้น”) ซึ่งเป็นข้อความที่บ่งบอกถึงข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ ที่อ้างถึง “ปัสกาครั้งแรก” (the First Passover) เมื่อชาวอิสราเอลได้ พบกับประสบการณ์จริงถึงอำนาจขององค์พระผู้เป็นเจ้า บทอ่านแรกจึงเน้นเรื่องที่ว่าพระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าแห่งพันธสัญญา ผู้ทรงกระทำให้คำมั่นสัญญาทุกประการสำเร็จเป็นไป ดังนั้น ประชากรต้องไว้ใจในพระเจ้า และร่วมใจกัน “ขับร้องบทเพลงสดุดีของบรรพบุรุษ” ซึ่งก็คือการกระตุ้นเตือนใจให้ร้องเพลงสดุดี ชุด “ฮัลเลล” (= Hallel ซึ่งชาวยิวใช้ขับร้องในงานสมโภชต่าง ๆ รวมทั้งงานเลี้ยงอาหารค่ำปัสกา คือ บทสดุดีที่ 113-118 – ผู้ถอดความ อ้างอิงจาก “หนังสือพระคัมภีร์คาทอลิกฉบับสมบูรณ์ หน้า 1127 ฟุตโน้ตที่ 113 ข้อ a)

บทสดุดีของวันนี้ (สดด 33) เป็นคำตอบที่เหมาะกับบทอ่านแรก เพราะผู้ประพันธ์ได้สรรเสริญพระเจ้าในกิจการทรงอำนาจของพระองค์ที่สำเร็จไปในประวัติศาสตร์แห่งความรอด “ชนชาติที่มีองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นพระเจ้าย่อมมีสุข คือประชากรที่ทรงเลือกไว้เป็นสมบัติของพระองค์” เป็นบทขอบพระคุณของการ ที่ได้รับเลือกสรร ซึ่งมากกว่า “สิทธิพิเศษ” ก็คือ “การมีความรับผิดชอบอย่างใหญ่หลวง” เพราะพระองค์ทรงเลือกคนธรรมดา ๆ ให้มาทำพันธกิจที่พิเศษของพระองค์

ในบทอ่านที่สองยกย่องความเชื่อของอับราฮัมและนางซาราห์ ที่น่าสนใจคือในบทที่ 11 ของจดหมายถึงชาวฮีบรูนี้ บางทีเรียกกันในหัวข้อว่า “แบบฉบับความเชื่อของบรรดาวีรบุรุษ (= ของบรรพบุรุษ) เพราะว่ามีเนื้อหาที่เป็นรายชื่อของผู้ติดตามที่ซื่อสัตย์ในการทำตามความเชื่อให้สมบูรณ์ไป จริง ๆ แล้วเราต้องเข้าใจว่าพระคัมภีร์จะไม่ยกย่องผู้ใดให้เป็นวีรบุรุษ เพราะปกติบรรดาวีรบุรุษประกาศความยิ่งใหญ่ของตนเอง ในขณะที่บุคคลในพระคัมภีร์มอบความไว้วางใจของตนในพระเจ้า และประกาศความซื่อสัตย์ของพระเจ้า

ข้อความในพระวรสารตอนนี้บรรจุด้วยเรื่องผู้รับใช้ที่กำลังรอคอย มีความต่อเนื่องกันระหว่างบทอ่าน แรกกับพระวรสารของวันนี้ เพราะพระวรสารได้นำเอาข้อความในวันฉลองปัสกามาไว้ที่นี่ “ท่านทั้งหลายจงคาดสะเอว (ดูใน อพย 12:11) และจุดตะเกียงเตรียมพร้อมไว้ จงเป็นเสมือนผู้รับใช้ที่กำลังคอยนายกลับ จากงานมงคลสมรส” พวกคริสตชนในสมัยแรก ๆ เชื่อกันว่า พระเจ้าจะเสด็จกลับมาในวันปัสกาเหมือนกับที่ในตอนแรกชาวอิสราเอลเชื่อว่าพระเมสสิยาห์จะเสด็จมาใน “คืนนั้น” (= คืนวันปัสกา) แต่เมื่อ เหตุการณ์นี้ยังไม่เกิดขึ้น คริสตชนจึงตีความการเสด็จมาของพระองค์ในรูปแบบ “การเสด็จกลับมาทางศีล มหาสนิท” ที่ซึ่งพระเยซูเจ้าเสด็จมายังโต๊ะเพื่อจะรับใช้

เราทุกคนถูกเรียกให้เป็น “ผู้รับใช้” ที่คอยให้นายกลับมา นายจะกลับมาเมื่อไร เราก็ไม่ทราบ นักปราชญ์ชาวอินเดียที่ชื่อว่า “Tagore” ได้เขียนข้อความที่งดงามไว้ว่า “พระองค์เสด็จมา เสด็จมา และ เสด็จมาเสมอ” (He comes, comes, ever comes) ใช่แล้วครับ พระองค์เสด็จมาเมื่ออรุณรุ่งเป็นเม็ดฝน ที่ชะล้างกระจกหน้าต่างของฉัน พระองค์เสด็จมาเมื่อเราแบ่งปันศีลมหาสนิทให้แก่กัน พระองค์เสด็จมาเมื่อผู้ร่วมงานยื่นมือมาช่วยฉัน พระองค์เสด็จมาเมื่อเรารับประทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อยเมื่อเที่ยงนี้ พระองค์เสด็จมาเมื่อขอทานคนนั้นยื่นมือมาขอฉัน พระองค์เสด็จมาอยู่ใกล้ชิดเมื่อฉันอยู่กับคนรักของฉันในเย็นวันนี้ แล้วในตอนกลางคืนเล่า พระองค์ทรงถามฉัน “เธอจะต้อนรับเราไหม” อนิจจา ฉันไม่ได้ต้อนรับ ฉันไม่พร้อมจริง ๆ แล้วฉันก็พูดพึมพำอย่างโง่ ๆ ว่า “พรุ่งนี้นะครับ/ค่ะ พระเจ้าข้า”

แต่พรุ่งนี้ไม่เคยมาถึง พรุ่งนี้เป็นเพียงภาพมายา จริง ๆ แล้วฉันต้องรอคอย “วันนี้” วันนี้เป็นความเป็นจริง เป็นทั้งหมดที่ฉันมีอยู่ เราคงเคยได้ยินเรื่องที่คนเราบางคนเข้านอน แล้วก็ไม่ตื่นมาอีกเลย “บุตรแห่งมนุษย์จะมาในเวลาที่ท่านไม่คาดฝัน” ขออย่าให้ฉันเป็นเหมือนกบตัวนั้น ที่ไม่สามารถกระโดดออกไปได้เมื่อวันเวลานั้นมาถึง

(คุณพ่อวิชา หิรัญญการ เขียนเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม ค.ศ. 2019
Based on Sunday Seeds For Daily Deeds
by : Francis Gonsalves, S.J.)