
ข้อคิดข้อรำพึง อาทิตย์ที่ 18 เทศกาลธรรมดา ปี C
ในปี ค.ศ.1997 ณ พิธีปลงพระศพของเจ้าหญิง ไดอาน่า สเปนเซอร์ (Princess Diana Spencer) นักร้องคนดังคือ Elton John ได้ทำให้ผู้คนที่มาร่วมพิธีไว้อาลัยที่มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ (Westminster Abbey) ต่างก็มีน้ำตาคลอเบ้า เมื่อเขาได้ขับร้องเพลงชื่อ “candle in the wind” ที่น่าสนใจคือเพลงนี้เดิมชื่อว่า “Goodbye, Norma Rose” ถูกเขียนขึ้นสำหรับผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งแสนสวย มีเสน่ห์เทียบเทียมกัน “Norma Jeane” คือชื่อแท้จริงของนักแสดงหญิงที่เรารู้จักกันในนามว่า “Marilyn Monroe” เธอได้เสียชีวิต 35 ปีก่อนหน้านี้ คือในวันที่ 5 สิงหาคม ค.ศ.1962 สืบเนื่องจากกินยานอนหลับมากเกินไป ทั้งเจ้าหญิงไดอาน่าและมาริลินมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เหมือนกัน – ต่างก็มีความสวยและร่ำรวย ถูกถ่ายรูปมากมายจากปาปารัสซีทั่วทุกมุมโลก มีชีวิตแต่งงานที่ปราศจากความสุข และทั้งคู่ประสบกับความตายแบบโศกนาฏกรรมในเดือนสิงหาคม เมื่ออายุได้ 36 ปี เหมือนไส้เทียนที่ถูกดับไปด้วยสายลมทั้งที่ยังอยู่ในวัยเยาว์ที่มีชื่อเสียง
เป็นสิ่งไร้ค่าที่เราทำงานหนักเพื่อจะได้ครอบครองสิ่งที่เสื่อมสลายไป แน่นอนว่าหนังสือ “ปัญญาจารย์” ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ไม่ใช่หนังสือที่บอกกล่าวถึงเรื่อง “ข่าวดี” แต่กลับเป็น “ข่าวร้าย” สำหรับคนที่วางความคาดหวังไว้ในสิ่งอนิจจัง เป็นเสียงสะท้อนของเรื่องจริงที่ว่า “ไม่เที่ยงแท้ที่สุด ทุกสิ่งทุกอย่างไม่เที่ยงแท้” ทุกสิ่งในชีวิตของมนุษย์จะไร้ค่าความหมายอย่างที่สุด ถ้าพึ่งพิงเพียงตนเอง โดยออกห่างจากพระเจ้า
นักบุญเปาโลในบทอ่านที่สองบอกเราว่า “จงใฝ่หาแต่สิ่งที่อยู่เบื้องบนเถิด” ความหมายที่แท้จริงไม่ได้บอกให้เราหนีจากโลกแห่งความจริง ไปสู่ดินแดนแห่งความฝัน แต่หมายความว่าเราควรดำเนินชีวิตแบบมีคุณภาพที่ยกระดับชีวิตของเราให้สูงส่งขึ้น นักบุญเปาโลพูดถึง “การเป็นคนใหม่” ที่มีชีวิตซ่อนอยู่กับพระคริสตเจ้าในพระเจ้า เลิกทำตาม “วิสัยมนุษย์เก่า” และสวมใส่ “วิสัยมนุษย์ใหม่” ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่เพื่อมุ่งไปหาความรู้ตามภาพลักษณ์ขององค์พระผู้สร้าง (คส 3:9-10)
พระวรสารจึงเป็นบทสรุปของสองบทอ่านแรก และได้ให้คำตอบที่ชี้ชัด เศรษฐีที่ไม่ฉลาดคนนั้นดำเนินชีวิตโดยไม่พึ่งพิงองค์พระเจ้า และก็หลงวนเวียนอยู่กับสิ่งไร้ค่าความหมาย – อนิจจังแห่งอนิจจังทั้งหลาย เขาไม่ได้แสวงหาสิ่งที่อยู่เบื้องบน และความฝันของเขาก็พังทลายลง “คนโง่เอ๋ย คืนนี้ เขาจะเรียกเอาชีวิตเจ้าไป แล้วสิ่งที่เจ้าได้เตรียมไว้จะเป็นของใครเล่า คนที่สะสมทรัพย์สมบัติไว้สำหรับตนเอง แต่ไม่เป็นคนมั่งมีสำหรับพระเจ้า ก็เป็นเช่นนี้”
บทอ่านทั้งสามของอาทิตย์นี้ท้าทายเราด้วยคำถามที่ว่า “เราได้แสวงหาสิ่งที่อยู่เบื้องบน” ด้วยดวงใจที่หันไปหาพระเจ้า และสิ่งที่เรามีสิ่งที่เราเป็นนั้นก็เพื่อคนยากคนจนที่อยู่ล้อมรอบเราหรือไม่ เราตระหนักหรือไม่ว่าท้ายที่สุดแล้วเราจะต้องละทิ้งทุกสิ่งเหล่านี้ไป นักบุญเปาโลได้เขียนไว้ว่า “เราไม่ได้นำสิ่งใดติดตัวเข้ามาในโลก และเราก็นำอะไรออกไปไม่ได้” (1 ธท 6:7)
มีเรื่องเล่าว่าพระสงฆ์คณะฟรังซิสกันองค์หนึ่ง กับคณะเยสุอิตองค์หนึ่งไปเยี่ยมหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ซึ่งพวกเขาจะต้องข้ามแม่น้ำไป พระสงฆ์เยสุอิตบอกให้พระสงฆ์ฟรังซิสกันแบกเขาข้ามแม่น้ำไป เพราะสงฆ์ฟรังซิสกันถือความยากจน เดินเท้าเปล่า ไม่มีรองเท้า และสวมเสื้อผ้าชุดเก่าๆ สงฆ์ฟรังซิสกันก็ยินยอมให้เขาขึ้นบ่าแล้วย่ำน้ำท่องไป แต่พอไปได้ครึ่งทางสงฆ์ฟรังซิสกันถามขึ้นมาว่า “พ่อครับ พ่อนำเงินติดตัวมาที่นี่ด้วยหรือเปล่า” สงฆ์เยสุอิตตอบว่า “นำมาสิ แค่ห้าร้อยบาทเท่านั้น” สงฆ์ฟรังซิสกันปล่อยสงฆ์เยสุอิตลงไปทันที แล้วร้องบอกว่า “ผมเสียใจครับ เราไม่ได้รับอนุญาตให้ถือหรือแบกเงินไปด้วย” ใช่แล้วครับ บ่อยๆที่เงินกลายเป็นพระเจ้าของบรรดาพระสงฆ์และบรรดานักบวชที่ปฏิญาณจะถือความยากจน ดังนั้น จึงเป็นสิ่งสำคัญมากด้วยที่เราไม่ว่าเป็นใคร มีอาชีพอะไร จะถามตนเองว่า “ฉันได้สะสมทรัพย์สมบัติไว้บนสวรรค์หรือไม่”
ภายในช่วงสัปดาห์ที่เจ้าหญิงไดอาน่าประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตนั้น มีหญิงอีกคนหนึ่งที่งดงามและร่ำรวยด้วยได้จากไป เธอคือ คุณแม่เทเรซา แห่งกัลกัตตา (หรือนักบุญเทเรซา แห่งกัลกัตตา) ความงามของเธอซ่อนอยู่อย่างลึกซึ้งภายในจิตใจ และความร่ำรวยของเธอคือทรัพย์สมบัติที่เธอฝากไว้บนสวรรค์ ในขณะที่เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ.2007 เจ้าชายวิลเลี่ยม และเจ้าชายแฮรี่ได้พยายามที่จะประทับความทรงจำอย่างมิลืมเลือนต่อพระมารดาของพระองค์ด้วยการจัด “คอนเสิร์ตสำหรับเจ้าหญิงไดอาน่า” คนทั่วโลกก็กำลังสวดภาวนาในพิธีสถาปนาการเป็นนักบุญของคุณแม่เทเรซา แห่งกัลกัตตา ในขณะที่ Elton John ได้ขับร้องเพลง “Goodbye, candle in the wind” พวกผู้คนที่เป็นโรคเรื้อน คนที่สังคมรังเกียจ ฯลฯ ก็ได้ขับร้องเพลงด้วยน้ำตาคลอเบ้า และด้วยความกตัญญูว่า “สวรรค์เป็นนิรันดร สำหรับนักบุญที่น่ารักของคนข้างถนน”
(คุณพ่อวิชา หิรัญญการ เขียนเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม ค.ศ.2019
Based on : Sunday Seeds For Daily Deeds,
By : Francis Gonsalves, S.J.)
ข้อคิดข้อรำพึง อาทิตย์ที่ 18 เทศกาลธรรมดา ปี C
“จงระวังและรักษาตัวให้พ้นจากความโลภทุกชนิด”
มีชายคนหนึ่งมาทูลขอให้พระเยซูเจ้า ทรงเป็นผู้แบ่งมรดกระหว่างพี่ชายกับตัวเขา
แต่พระเยซูเจ้ามิทรงกระทำตามคำขอ
มิหนำซ้ำ ยังทรงเล่าเรื่องอุปมาเกี่ยวกับเศรษฐีคนหนึ่งที่มีทรัพย์สมบัติมาก เขาจึงคิดกับตัวเองว่าจะทำอย่างไรดีเพื่อจะเก็บพืชผลไว้ได้หมด จึงคิดจะสร้างยุ้งฉางให้ใหญ่ขึ้นเพื่อเก็บข้าวของ แล้วจะบอกตัวเองว่า “ดีแล้ว เจ้ามีทรัพย์สมบัติมากมายเก็บไว้ใช้ได้หลายปี จงพักผ่อน กินดื่มและสนุกสนานเถิด” แต่พระเจ้าจะมาเอาชีวิตเขาไปในคืนนั้น แล้วดูสิว่า สิ่งที่เขาได้เตรียมไว้จะเป็นของใคร
ที่น่าสังเกตจากอุปมาเรื่องนี้ จะเห็นว่าเศรษฐีคนนี้ไม่คบค้าสมาคมกับใครเลย ไม่พูดจากับใครด้วย เขาหมกมุ่นอยู่แต่กับทรัพย์สมบัติของเขา พูดอยู่แต่กับตัวเอง คิดถึงก็เพียงตัวเอง สิ่งของที่มีทั้งหมดก็เพื่อตัวเขาเอง
แต่เขาน่าจะรู้ความจริงข้อนี้ คือเรื่องของอนิจจัง บทอ่านแรกจากหนังสือปัญญาจารย์ ได้พูดถึงเรื่อง “ไม่เที่ยงแท้ที่สุด ทุกสิ่งทุกอย่างไม่เที่ยงแท้… คนที่ตรากตรำทำงานโดยใช้ปรีชาญาณ ความรู้ และความชำนาญ จะต้องละทิ้งผลงานให้เป็นมรดกแก่คนที่ไม่ได้ตรากตรำเพื่องานนั้นเลย นี่ก็ไม่เที่ยงแท้ด้วย”
ถ้าเศรษฐีคนนี้นำเอาทรัพย์สมบัติที่มีมาให้คนอื่นๆ ร่วมชื่นชมยินดี และมีการใช้ประโยชน์ร่วมกัน เขาก็คงไม่จากโลกนี้ไปโดยปราศจากความรักเป็นแน่แท้ แต่ทั้งชีวิตเขาอยู่แต่กับทรัพย์สมบัติและตัวเอง ก็เท่ากับเขาตายไปแล้วครึ่งหนึ่งนั่นเอง เขาเก็บสะสมทรัพย์สมบัติไว้เพื่อประดับประดาสุสานของเขานั่นเอง และที่เขาคิดว่าได้เก็บไว้อย่างปลอดภัยแล้ว เมื่อเขาตายไปจริงๆ ทรัพย์สมบัติของเขากลายไปเป็นของใครก็ได้ ยกเว้นตัวเขาเอง
มันน่าเศร้าใช่ไหมครับ ที่จะดำเนินชีวิตอย่างโง่เขลาเช่นนี้ พระเยซูเจ้าทรงสอนให้เราเห็นชัดแล้วว่า สิ่งที่มีคุณค่าสำหรับชีวิตเรา ไม่ได้วัดจากสิ่งของที่เรามี แต่วัดว่าเราได้พัฒนาตัวเราเองให้เป็นบุคคลชนิดไหนต่างหาก
เพื่อจะได้เห็นตรงข้ามกับการดำเนินชีวิตของเศรษฐีที่ไม่ฉลาดนั้น พระเยซูเจ้าทรงดำเนินชีวิตในโลกนี้โดยแบ่งปันพระองค์เองทั้งหมดให้กับทุกคน ทรงมอบความรัก การให้อภัย ความเวทนาสงสาร การหยั่งรู้ จินตภาพ คำภาวนา เรื่องราวต่างๆ ของพระองค์ และอื่นๆ อีกมากมาย สิ่งต่างๆ เหล่านี้ช่วยเสริมสร้างชีวิตใหม่ให้กับคนอื่นๆ พระเยซูเจ้ามิได้ทรงสงวนอะไรไว้สำหรับพระองค์เองเลย เพราะพระองค์มิได้ทรงถือว่ามีสิ่งใดที่เป็นของพระองค์ ทรงถือว่าสิ่งต่างๆ ที่ทรงมีและทรงเป็น มาจากพระบิดา
ขอให้เราดำเนินชีวิตตามแบบฉบับของพระเยซูเจ้า ที่สำคัญอย่าจัดลำดับว่าทรัพย์สินและตัวเองต้องมาเป็นลำดับแรกและสำคัญที่สุด แต่ให้เห็นความสำคัญของการแบ่งปันทุกสิ่งที่มี เพื่อความสุขร่วมกันกับเพื่อนมนุษย์คนอื่นๆ เป็นการมีชีวิตเพื่อผู้อื่นอย่างแท้จริง ที่จะมาในลำดับแรกและสำคัญที่สุด
(คุณพ่อ วิชา หิรัญญการ เขียนลงสารวัดพระกุมารเยซู เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2010)
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
- สาส์นจากสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส โอกาสครบรอบ 58 ปี ของวันภาวนาสากลเพื่อกระแสเรียก
- สมเด็จพระสันตะปาปาในคืนคริสต์มาส: พระเยซูเจ้าทรงแสดงทางจากความเล็กน้อยไปสู่ความยิ่งใหญ่
- สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสมีความคิดที่จะปฏิรูปพระศาสนจักร
- สมเด็จพระสันตะปาปาทรงนำบทเพลงขอบพระคุณพระเป็นเจ้า (Te Deum):
ขอให้คริสต์มาสนำไปสู่ความกตัญญูและความเป็นปึกแผ่นหนึ่งเดียวกัน - สมณลิขิตในรูปแบบพระสมณอัตตาณัติ (Motu Proprio) ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส “ANTIQUUM MINISTERIUM”