Skip to content

ข้อคิดข้อรำพึง สมโภชพระวรกายและพระโลหิตพระคริสตเจ้า ปี C

พระสงฆ์หนุ่มองค์หนึ่งเพิ่งได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส วันอาทิตย์แรกที่เขาต้องทำมิสซาที่วัดใหม่แห่งนี้ เขาจะต้องเทศน์เรื่องอัศจรรย์ของพระเยซูเจ้าที่ทรงทวีขนมปังและปลาเพื่อเลี้ยงประชาชนจำนวนมาก แต่เวลาเทศน์จริงๆเขาเกิดความประหม่า และพูดสลับที่กันโดยไม่รู้ตัว เขาเทศน์ว่าดังนี้ “บรรดาศิษย์ได้นำขนมปังห้าพันก้อน กับปลาสองพันตัวไปเลี้ยงดูประชาชนห้าคนจนอิ่มหนำ” เมื่อพูดผิดออกไปดังนี้ ชายชราคนหนึ่งที่นั่งแถวหน้ายกมือขึ้น แล้วพูดเสียงดังว่า “พ่อครับ นี่ไม่เห็นจะเป็นอัศจรรย์อะไรเลย ผมเองก็ทำเช่นนี้ได้” เจ้าวัดหนุ่มก็ได้แต่นิ่งเงียบไป อาทิตย์ถัดมา พระสงฆ์หนุ่มขอโยงไปถึงเรื่องนี้อีกครั้งในบทเทศน์ คราวนี้เขากล่าวได้อย่างถูกต้องว่า “บรรดาศิษย์ได้นำขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัว ที่พระเยซูเจ้าทรงกล่าวถวายพระพรแล้วมอบให้ศิษย์ไปแจกจ่ายให้ประชาชนราวห้าพันคนได้กินจนอิ่ม” แล้วเขาก็หยุดเล็กน้อย มองไปที่ลุงคนนั้น แล้วถามว่า “ลุงยังสามารถทำเช่นนี้ได้อีกไหม” ลุงตอบว่า “ทำได้แน่นอนครับ” พระสงฆ์ถามว่า “แล้วลุงจะทำอย่างไร” เขาตอบว่า “ก็เอาที่เหลือจากอาทิตย์ที่แล้วมาเลี้ยงพวกเขาสิครับ คุณพ่อ”
.
วันนี้ เราสมโภชพระวรกายและพระโลหิตพระคริสตเจ้า ในพระวรสารตอนหนึ่งพระเยซูเจ้าเคยตรัสว่า “ใครที่กินเนื้อของเรา และดื่มโลหิตของเรา จะมีชีวิตนิรันดร” นักบุญเปาโลได้เตือนใจเราว่า “ปังที่เรารับประทานนั้นเป็นการมีส่วนร่วมในพระวรกายของพระคริสตเจ้า และถ้วยที่เราดื่มก็ทำให้เรามีส่วนร่วมในพระโลหิตของพระคริสตเจ้า” ถ้าศีลมหาสนิทคือ พระวรกายและพระโลหิตที่แท้ของพระเยซูเจ้า ทำไมเราจึงมาร่วมในพิธีบูชามิสซาแบบไม่ค่อยจริงจังเล่า เหมือนกับว่า หลายๆคนคิดว่าศีลมหาสินทไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร ศีลมหาสนิทก็เป็นเพียงแค่จารีตทางสังคมที่เราจะมาร่วม เมื่อเราต้องการมา ก็เท่านั้น
.
เพื่อจะมาร่วมในพิธีบูชามิสซาได้บ่อยๆ สิ่งแรกที่เราควรทำ คือ เพิ่มความปรารถนาของเราให้มีมากขึ้น ในบทอ่านจากภาคพันธสัญญาเดิมเราพบว่า ชาวอิสราเอลได้หิวโหยในถิ่นทุรกันดาร ก่อนที่พระเจ้าจะทรงเลี้ยงพวกเขาด้วยมานนา ที่จริงมานนาเป็นอาหารจืดๆ แต่เพราะความหิวของพวกเขา ทำให้รู้สึกว่ามีรสชาติอร่อย ในทางกลับกันถ้าคนเราขุนตนเองด้วยอาหารขยะ (junk food) แม้จะมีมื้ออาหารที่พิเศษ ก็อาจดึงดูดความสนใจเขาได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เรื่องคล้ายๆกันนี้อาจนำมาประยุกต์ใช้กับศีลมหาสนิท เช่นว่าถ้าบางคนมุ่งแต่ทำให้ตนเองได้อิ่มเอมไปด้วยอาหารที่ด้อยคุณค่าทางจิตใจ เช่นมุ่งสนใจแต่โทรทัศน์ อินเตอร์เน็ต และสิ่งล่อใจอื่นๆ บูชามิสซาสำหรับพวกนี้ก็ไม่มีเสน่ห์ดึงดูดเขา เราต้องทำเหมือนกับจำศีลอดอาหารต่อสิ่งต่างๆที่กล่าวมานี้ เพื่อใช้เวลาในการคิดรำพึงอย่างเงียบๆ ถ้าเราต้องการพระคุณความรอดจากศีลมหาสนิท
.
คุณพ่อ James Gilhooley ได้เล่าเรื่องหนึ่งไว้ดังนี้ มีทหาร 2 คน ไปร่วมรบด้วยกันในสงครามที่อิรัก คนหนึ่งเป็นคนทึ่มๆ เชื่องช้า อีกคนฉลาดหลักแหลม มีการรบครั้งหนึ่งที่เพื่อนทั้งสองต้องแยกกันไป ปรากฏว่าทหารคนที่เชื่องช้าเกิดได้รับบาดเจ็บ เสียเลือดไปมาก เมื่อเพื่อนอีกคนรู้ เขาก็ยินดีบริจาคเลือดของตนให้ไป เมื่อคนที่ได้รับบาดเจ็บรู้ว่าเป็นเลือดของใคร เขาพูดกับเพื่อนผู้บริจาคเลือดว่า “ฉันรู้สึกเหมือนเป็นคนใหม่เลย” บางสิ่งที่คล้ายกันนี้ควรจะเกิดขึ้นทุกครั้งที่เราไปรับศีลมหาสนิท การรับศีลมหาสนิทอย่างดีจะช่วยเพิ่มโอกาสที่ดีที่ทำให้เราได้เป็นคนใหม่ในพระเยซูเจ้า เรามาร่วมในพิธีบูชามิสซาเพื่อแสวงหาให้ได้รับการเติมพระโลหิตกับจิตวิญญาณของเรา หรือเติมให้เต็มเมื่อรู้ว่าพร่องไป คือ เราต้องการประจุพลังฝ่ายจิตนี้ เพื่อก้าวเดินต่อไปอีกหกวันข้างหน้า
.
ในศีลมหาสนิท พระเยซูเจ้าทรงเลี้ยงดูเราให้ไปใกล้ชิดที่สุดกับชีวิตพระ ดังนั้นถ้าเรายังไม่มีความผูกพันทางโลหิตกับพระองค์ก่อนไปรับศีลฯ เราก็ควรจะเป็นหลังจากรับศีลฯแล้ว กล่าวคือ ให้ปังศักดิ์สิทธิ์นี้เปลี่ยนแปลงตัวเรา การไป “รับศีลมหาสนิท” มีความหมายต่อคริสตชนอย่างลึกซึ้งมาก หมายถึงการไปรับพระวรกายและพระโลหิตของพระเยซูเจ้า และการรับนี้ทำให้เราชิดสนิทเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์อย่างแนบแน่น

(คุณพ่อ วิชา หิรัญญการ เขียนเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน ค.ศ.2019
Base on : The Table of the Word.
By : Fr John Pichappilly)

ข้อคิดข้อรำพึง สมโภชพระวรกายและพระโลหิตพระคริสตเจ้า ปี C

พี่น้องตระกูลกริมม์ได้เล่าเรื่องชายคนหนึ่งมีลูกชาย 3 คน ลูกคนสุดท้องชื่อ ซิมเปิลตัน ซึ่งมักจะถูกเยาะเย้ยและล่อหลอกโดยทุกๆ คน วันหนึ่ง พ่อต้องการไม้เพื่อก่อกองไฟจึงใช้ลูกชายคนโตซึ่งเป็นคนฉลาดที่สุดในบรรดาพี่น้องให้ไปตัดฟืนในป่า ก่อนไปแม่ของเขาได้มอบขนมเค้กอย่างดีและไวน์หนึ่งขวดไว้กินขณะตัดฟืน เมื่อเข้าไปในป่าเขาพบกับชายแก่ร่างเล็กคนหนึ่งซึ่งร้องทักทายเขาและขออาหารเขากิน ลูกคนโตกล่าวว่า “ถ้าฉันให้อาหารและเครื่องดื่มแก่ท่าน ฉันก็จะเหลือเพียงน้อยนิดเดียว ไปให้พ้น” เขาทิ้งชายแก่และไปตามทางของเขา แต่เมื่อลงมือตัดฟืน มือของเขาได้รับบาดเจ็บ เขาต้องกลับบ้านโดยไม่ได้ฟืนแถมต้องใช้ผ้าพันรอบแขน
.
ลูกคนที่สองจึงต้องไปทำหน้าที่แทน แม่ไม่ลืมให้เค้กชิ้นหนึ่งกับไวน์ขวดหนึ่ง เขาเจอชายแก่ คนเดียวกันนั้นขออาหารเขาเช่นกัน เขาตอบว่า “ถ้าให้ท่านไปส่วนของฉันก็จะหดหาย จงไปให้พ้น” แล้วเขาก็ละชายแก่ไป แต่เมื่อเขาตัดไม้ ไม้ล้มมาทับขาเขาจนต้องหามกลับบ้าน
.
ดังนั้น ซิมเปิลตันจึงขอพ่อไปในป่า แต่พ่อพูดกับเขาตรงๆ ว่า เขาไม่มีทางทำได้สำเร็จ เพราะหุ่นของเขาอวบอ้วนราวกับต้นไม้ แต่ซิมเปิลตันยืนยันว่าทำได้ แม่จึงให้ขนมเค้กธรรมดาก้อนหนึ่งกับเบียร์ เมื่อเข้าไปในป่าเขาพบกับชายแก่ที่บอกว่าตัวเขาหิวและกระหายเหลือเกิน ซิมเปิลตันตอบว่า “ฉันมีแต่เพียงเค้กธรรมดาหนึ่งชิ้นและเบียร์นิดหน่อย ถ้าท่านไม่รังเกียจเราจะนั่งลงกินและดื่มด้วยกัน” แล้วทั้งสองก็กินและดื่มเท่าที่มี จากนั้นชายนั้นพูดว่า “เพราะเธอใจดี และยินดีแบ่งสิ่งที่เธอมีให้ ฉันจะทำให้เธอโชคดี”
.
คงไม่ต้องพูดต่อว่า ซิมเปิลตันทำงานได้สำเร็จและแม้กระทั่งจะได้ครอบครองพระอาณาจักรเพราะว่าครั้งหนึ่งเขาได้แบ่งอาหารและเครื่องดื่มให้กับผู้ที่หิวและกระหาย
.
ในพระวรสารของอาทิตย์นี้ พระเยซูเจ้าได้ตรัสกับบรรดาศิษย์ด้วยจิตตารมณ์เช่นนี้ “ท่านทั้งหลายจงหาอาหารให้เขากินเถิด” ทีแรกพวกศิษย์มีความคิดจะส่งประชาชนจำนวนมากนี้กลับไป ให้ไปหาอาหารกินกันเอง เพราะดูจากทรัพยากรที่มีแล้ว เทียบกับจำนวนประชากรที่มากขนาดนั้น มันยากที่จะเป็นไปได้ แต่พระเยซูเจ้าตรัสสั่งให้สานุศิษย์ไปบอกประชาชนให้นั่งลงเป็นกลุ่ม กลุ่มละประมาณห้าสิบคน รวมแล้วมีผู้ชายห้าพันคน
.
พระเยซูเจ้าทรงรับขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัวนั้นมา ทรงแหงนพระพักตร์ขึ้นมองท้องฟ้า ทรงกล่าวถวายพร ทรงบิขนมปังส่งให้บรรดาศิษย์ไปแจกจ่ายแก่ประชาชน ทุกคนได้กินจนอิ่ม และยังเก็บเศษที่เหลือได้สิบสองกระบุง
.
พระเยซูเจ้าได้นำสิ่งที่พวกเขามีเพียงเล็กน้อย และแสดงว่าที่มีเพียงเล็กน้อยนั้นมากพอที่จะตอบสนองประชาชนที่กำลังหิวได้อย่างไร ภาษาที่นักบุญลูกาใช้ในการเล่าเรื่องนี้เกี่ยวพันอย่างลึกซึ้งกับศีลมหาสนิท… “ทรงถวายพร…ทรงบิ…และแจกจ่ายให้กับประชาชน”
.
พี่น้องครับ เช่นเดียวกับในกาลก่อนที่พระองค์ทวีขนมปังกับปลาเลี้ยงประชากรจวบจนกระทั่งบัดนี้ พระองค์มิได้ทรงหยุดที่จะเลี้ยงดูประชากรของพระเจ้าด้วยอาหารฝ่ายจิต ที่ประเสริฐที่สุด คือพระกายและพระโลหิตของพระองค์ และประชากรทั้งมวลที่ได้รับพระองค์เข้าไปจะพึงพอใจ จะอิ่มหนำ จะมีชีวิตพระ และจะเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ตลอดไป

(คุณพ่อ วิชา หิรัญญการ เขียนลงสารวัดพระกุมารเยซู เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2010)