ความท้าทายเกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศมีสิ่งใดที่ได้พัฒนาขึ้นบ้าง
ตั้งแต่การประชุมสุดยอดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2019 ถึงเดือนสิงหาคม 2021
ในเดือนกุมภาพันธ์ 2019 พระสันตะปาปาฟรานซิสเชิญประธานสภาบิชอปมาประชุมเกี่ยวกับพื้นฐานแห่งความเชื่อและการจัดการกับประเด็นของการล่วงละเมิดทางเพศต่อผู้เยาว์ที่ถูกละเมิดโดยสมาชิกที่เป็นสมณะ/นักบวช การประชุมในทำนองเดียวกันจะมีขึ้นในยุโรปกลางและยุโรปตะวันออก ณ กรุงวอร์ซอร์ ประเทศโปแลนด์ ในวันที่ 19-22 กันยายน 2021 ในบทความนี้คุณพ่อเฟเดริโก ลอมบาร์ดี เอส. เจ. (Federico Lombardi) อุทิศให้การประชุมในระดับภูมิภาคส่วนนี้เป็นการเดินทางของพระศาสนจักรจวบจนกระทั่งทุกวันนี้
.
พระศาสนจักรต้องเผชิญกับการท้าทายปัจจุบันในโลกของพวกเราทุกวันนี้เกี่ยวกับพื้นฐานแห่งความเชื่อและการประกาศความเป็นพระเจ้าของพระเยซูคริสต์ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงอย่างมากมายของวัฒนธรรมและมานุษยวิทยา แต่ก็ยังมีการท้าทายอื่นอีกที่มีอิทธิพลอย่างรุนแรงต่อชีวิตของพระศาสนจักร และการประกาศพระวรสาร การท้าทายที่น่ากลัวที่สุดประการหนึ่งที่เกิดขึ้นในสองสามทศวรรษที่ผ่านมาก็คือการล่วงละเมิดทางเพศต่อผู้เยาว์ที่กระทำโดยสมณะ/นักบวช นี่เป็นการทำลายความน่าเชื่อถือของพระศาสนจักรตามด้วยบั่นทอนอำนาจ และความสามารถที่จะประกาศพระวรสารอย่างน่าเชื่อถือ ซึ่งสร้างความคลุมเครือให้กับการไม่คงที่คงวา และความไม่จริงใจในพระศาสนจักรในฐานะที่เป็นสถาบันรวมถึงชุมชนทั้งปวงของพระศาสนจักรโดยปริยาย นี่ถือว่าเป็นเรื่องที่ร้ายแรงและหนักหน่วงที่สุด
.
ตลอดเวลาแห่งประสบการณ์ซึ่งเริ่มต้นด้วยการล่วงละเมิดทางเพศต่อผู้เยาว์ที่ถือว่าร้ายแรงที่สุด พวกเราได้เรียนรู้ถึงมิติต่างๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย ดังนั้นทุกวันนี้พวกเราจึงมักจะพูดกันถึงการล่วงละเมิดทางเพศที่ผู้อ่อนแอเปราะบางทำให้พวกเขาต้องรับทุกข์ และพวกเราก็ทราบกันดีว่าการล่วงละเมิดนั้น ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องการล่วงละเมิดทางเพศเท่านั้น แต่ยังเป็นการล่วงละเมิดในการใช้อำนาจและมโนธรรมในทางที่ผิดด้วย ดังที่พระสันตะปาปาเคยกล่าวบ่อยครั้ง
.
นอกจากนี้จำเป็นที่ต้องจำว่าปัญหาของการล่วงละเมิดในรูปแบบต่างๆ เป็นปัญหาทั่วไปในสังคมมนุษย์ทั้งในประเทศของเราเองและในทวีปต่างๆ ไม่ใช่เป็นเพียงแค่ปัญหาของพระศาสนจักรคาทอลิก ผู้ที่ศึกษาค้นคว้าอย่างจริงจังทั่วไปเห็นว่ามีภูมิภาค สถานที่ และสถาบันหลายแห่งซึ่งการล่วงละเมิดเช่นนี้แพร่หลายอย่างน่ากลัว
.
ในขณะเดียวกันเป็นการถูกต้องแล้วที่พระศาสนจักรจะต้องใส่ใจกับปัญหานี้เป็นพิเศษ เพราะอย่างที่ตั้งข้อสังเกตไว้ความน่าเชื่อถือและความคงเส้นคงวาของตนกำลังได้รับผลกระทบ พระศาสนจักรจะตอกย้ำอยู่เสมอถึงคำสอนของตนเกี่ยวกับพฤติกรรมทางเพศและการให้ความเคารพต่อบุคคล ดังนั้นแม้ว่าพวกเราจะทราบว่านี่เป็นปัญหาที่ที่เกิดขึ้นไม่ใช่เฉพาะเพียงภายในพระศาสนจักร พวกเราต้องมีความเด็ดขาดและเข้าใจว่าประเด็นนี้มีผลกระทบที่รุนแรงในบริบทแห่งชีวิตของพระศาสนจักรและในการประกาศพระวรสารของพระเยซูคริสต์
.
สิ่งที่สำคัญเป็นพิเศษคือความล้ำลึกและความจริงแห่งความสัมพันธ์ระหว่างประชาชน ซึ่งศักดิ์ศรีของพวกเขาต้องได้รับความเคารพ ในฐานะที่เป็นคริสตชนและเป็นคาทอลิกพวกเรามีความภูมิใจในการทราบถึงความสำคัญแห่งศักดิ์ศรีของบุคคล ซึ่งเป็นภาพลักษณ์ของพระเจ้า ดังนั้นการล่วงละเมิดต่อบุคคล การขาดความเคารพต่อพวกเขา การถือว่าผู้อื่นเป็นเพียงแค่วัตถุ ไม่ใสใจในความทุกข์ของพวกเขา ฯลฯ จึงเป็นสัญญาณว่าสิ่งใดที่เป็นความสำคัญเฉพาะ และเป็นพื้นฐานขาดหายไปในความเชื่อและวิสัยทัศน์เกี่ยวกับโลกของพวกเรา
.
การปฏิรูปครั้งล่าสุดของพระศาสนจักรเกี่ยวกับเกี่ยวกับกระบวนการกฎหมายอาญา มีมิติหนึ่งที่ดูเหมือนจะเป็นพิธีการล้วนๆ แต่อันที่จริงแล้วมีความสำคัญจากมุมมองนี้ ความผิดทางอาญาของการล่วงละเมิดทางเพศถูกแทรกเข้าใปในการเยียวยาในการกระทำความผิด “ต่อชีวิต ศักดิ์ศรี และเสรีภาพมนุษย์” นี่ไม่ใช่เป็นเพียงการกระทำ “อันเป็นที่สะดุด” หรือพฤติกรรมที่ถือว่า “ไม่คู่ควรสำหรับชีวิตสมณะ/นักบวช” เท่านั้น ตรงกันข้ามการตอกย้ำอยู่ที่ความเข้าใจของพระสาสนจักรว่าศักดิ์ศรีของบุคคลเป็นศูนย์กลาง และต้องได้รับความเคารพเพราะว่าพวกเราแต่ละบุคคลเป็นภาพลักษณ์ของพระเจ้า นี่เป็นพื้นฐานสำคัญที่สุด ความจริงที่ว่าการกลับใจ หรือมีการกลับใจเกิดขึ้นและพวกเราเริ่มมีการฟังกันอย่างจริงจังมากขึ้นพร้อมกับให้ความเคารพต่อปัจเจกบุคคลมากขึ้น แม้ต่อผู้ที่ต่ำต้อยและอ่อนแอเปราะบางที่สุดนั้นเป็นก้าวหนึ่งที่มีความสำคัญยิ่งยวดสำหรับการเดินทางในยุคของพวกเราสู่กระบวนการของการกลับใจและการชำระพระศาสนจักรให้สะอาดเพื่อที่จะได้รับความน่าเชื่อถือกลับคืนมา
.
การประชุม เดือนกุมภาพันธ์ 2019: ความรับผิดชอบ การพึ่งพาได้ ความโปร่งใส
· • —– ٠ ✤ ٠ —– • ·
.
โดยที่พวกเราไม่ต้องไปขุดค้นประวัติศาสตร์ทุกอย่างของเหตุโศกนาฏกรรม และการตอบสนองของพระศาสนจักรเกี่ยวกับการล่วงละเมิดต่อผู้เยาว์ เพื่อความเรียบง่ายพวกเราสามารถเริ่มศึกษาด้วยการประชุมในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2019 ซึ่งเรียกให้มีการประชุมโดยพระสันตะปาปาฟรานซิสในระดับสากล (มีสมาชิกผู้แทนสภาบิชอปทุกแห่ง ผู้แทนสถาบันนักบวชชายหญิงเข้าร่วมประชุม) พวกเขามารวมตัวกันเพื่อที่จะรับรู้อย่างแท้จริงและอุทิศตนให้กับหนทางแห่งการฟื้นฟูพระศาสนจักรอย่างมีประสิทธิภาพ
.
การจัดประชุมครั้งนั้นจะพูดกันถึงสามหัวข้อหลัก (การประชุมครั้งนั้นในที่สุดได้มีการพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ “Libreria Editrice Vaticana” หนังสือชื่อว่า “Consapevolezza e purificazione” – การรับรู้และการชำระล้างให้สะอาด).
.
ก่อนอื่นการรับรู้อย่างดีและการรับผิดชอบต่อปัญหาที่เกี่ยวกับการล่วงละเมิดเพศต่อผู้เยาว์และผู้อื่นมีความสำคัญที่ต้องรับฟังด้วยความตั้งใจและเห็นอกเห็นใจถึงผลร้ายของความทุกข์และความหนักหนาสาหัสของสิ่งที่ได้เกิดขึ้น และสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ การฟังด้วยความเห็นอกเห็นใจคือจุดเริ่มต้นในการสร้างความเชื่อมั่นถึงความจำเป็นที่ต้องมีการแก้ไข แน่นอนว่ามีความจำเป็นที่จะต้องมีความยุติธรรมเพื่อลงโทษอาชญากรที่ไปทำร้ายผู้อื่น อีกมุมมองหนึ่งเป็นการป้องกันเพื่อที่จะไม่ให้เกิดอาชญากรรมนั้นอีก หรืออย่างน้อยก็ให้สิ่งเล็วร้ายเกิดขึ้นน้อยที่สุด ภัยอันตรายนี้พวกเราสามารถที่จะควบคุมได้ นี่หมายถึงการอบรมทุกคนที่ทำงานอยู่ภายในชุมชนพระศาสนจักรโดยเฉพาะอย่างยิ่งการอบรมให้มีผู้เชี่ยวชาญที่สามารถเป็นคนกลางที่พึ่งพาได้ในการแก้ไขกับปัญหา พูดสั้นๆ คือการรับรู้และการรับผิดชอบในการเผชิญกับปัญหาด้วยกัน อีกประเด็นหนึ่งที่เป็นเรื่องที่มีความสำคัญไม่น้อยกว่าก็คือการเชื่อใจได้ เพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมในการปกปิดหรือซุกซ่อนปัญหา มิติที่เลวร้ายประการหนึ่งของวิกฤตินี้ก็คือการก่อให้เกิดสถานการณ์น่าเป็นห่วงของการกระทำการสอบสวนแบบผิวเผินเพื่อให้เป็นการรับรู้ของสาธารณะชน (แม้ประชาชนจะทราบดีถึงเรื่องที่เกิดขึ้น) – ซึ่งเป็นวิธีหนึ่งของการจัดการกับการล่วงละเมิดทางเพศต่อผู้เยาว์ ซึ่งกลายเป็นการจัดระบบไปและบ่อยครั้งมีการอธิบายว่านี่เป็นเรื่อง “ตามธรรมชาติ” ที่ซ่อนไว้ในเงามืดหรือกวาดไว้ใต้พรม เนื่องจากความอับอายหรือต้องการปกป้องชื่อเสียงของครอบครัวหรือสถาบันที่เกี่ยวข้อง ฯลฯ แนวโน้มที่ชอบซุกซ่อนเรื่องจำเป็นต้องเปลี่ยนให้เป็นความเชื่อใจได้สำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นแม้จะกระทำโดยผู้ที่มีบทบาทเป็นผู้นำ แนวโน้มที่จะปกปิดการล่วงละเมิดนี้แพร่ระบาดไปในทุกระดับ และจะเลวร้ายยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อการถูกล่วงละเมิดจากผู้ที่มีตำแหน่งที่ต้องรับผิดชอบ (เจ้าคณะบักบวช บิชอป ฯลฯ) ดังนั้นการนำเรื่องราวสู่ที่สาธารณะ และการสร้างความมั่นใจว่าทุกคนสามารถยึดเป็นที่พึ่งพาได้ในการกระทำของพวกเขาจึงเป็นสร้างหลักประกันว่าพวกเรากำลังก้าวเข้าสู่ความโปร่งใส ความรักผิดชอบ และความยุติธรรม – ซึ่งเป็นอีกก้าวหนึ่งที่จำเป็นในกระบวนการจัดการกับเรื่องนี้
.
ประเด็นที่สามที่มีอภิปรายกันมากในการประชุมคือเรื่องของความโปร่งใสซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากการอภิปรายสองหัวข้อข้างต้น นี่ไม่เพียงแต่หมายความถึงการยอมรับว่าอาญากรรมได้เกิดขึ้นและกำลังเกิดขึ้นเท่านั้น มีการโจตจันกันจนเป็นเรื่องอื้อฉาว แน่นอนว่าการเผชิญกับความจริงของเรื่องราวเป็นสิ่งจำเป็น ทว่าความโปร่งใสยังหมายถึงการรู้และทำให้มันเป็นที่รู้กันว่ามีการตอบสนองกันอย่างไร มีกระบวนการอะไรที่พระศาสนจักรแสดงอย่างไรบ้าง มีบทลงโทษอะไรบ้างเกี่ยวกับผู้ที่กระทำความผิดฯลฯ อาศัยวิธีนี้ทั้งชุมชนพระศาสนจักรและชุมชนพลเรือนจะตระหนักถึงไม่เพียงแต่ความผิดและอาชญากรรมแตะยังจะตระหนักถึงการเดินทางของชุมชนด้วยมโนธรรมที่สอดคล้องกันกับปัญหานี้ด้วย
.
การใช้มาตรการสำคัญตั้งแต่การประชุมในปี ค.ศ. 2019
· • —– ٠ ✤ ٠ —– • ·
.
หากการประชุมในปี ค.ศ. 2019 สมมุติว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงก็จำเป็นที่จะต้องรับรู้ด้วยว่า ข้อแนะนำอีกหลายประการของพระสันตะปาปาและของผู้นำพระศาสนจักรหหลังการประชุมดังกล่าวต้องนำมาปฏิบัติด้วย ข้อแนะนำเหล่านั้นมีอะไรบ้าง?
.
ประการแรก เมื่อปลายเดือนมีนาคม 2019 พระสันตะปาปาฟรานซิสทรงออกสมณกฤษฎีกาส่งเสริมกฎหมายและคำแนะนำใหม่เกี่ยวกับนครรัฐวาติกันและสันตะสำนัก ซึ่งขยายมิตินี้ไปไกลกว่าเรื่องของการล่วงละเมิดทางเพศต่อผู้เยาว์เพื่อครอบคลุม “ผู้ที่อ่อนแอเปราะบาง” ด้วย เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2019 พระองค์ก็ทรงประกาศกฎหมายใหม่ที่สำคัญสำหรับพระศาสนจักรทั้งมวลใน “Motu Proprio Vos estis lux mundi” – “ท่านเป็นแสงสว่างของโลก” – ซึ่งพระสันตะปาปาทรงออกกฎเกณฑ์ว่าทุกเขตศาสนปกครอง (Dioceses) ต้องจัดให้มีสำนักงานเพื่อรอรับการรายงานและปฏิบัติตามกฎหมายพระศาสนจักรในกระบวนการตอบโต้ต่อการล่วงละเมิดเพศผู้ต่อเยาว์ นอกจากนี้พระองค์ยังทรงกำหนดว่าบาดหลวงและนักบวชทุกคนที่ทราบถึงเหตุการณ์การล่วงละเมิดทุกประเภท จำเป็นต้องรายงานถึงผู้ที่รับผิดชอบ พระองค์ยังเชื้อเชิญให้สมาชิกฆราวาสรายงานเหตุการณ์ดังกล่าวเช่นเดียวกัน บัดนี้บรรดาบาดหลางและนักบวชทุกคนมีหน้าที่ด้วยมโนธรรมต้องรายงานกรณีของการล่วงละเมิดทางเพศต่อผู้เยาว์ที่ตนเองทราบ ข้อบังคับนี้ไม่เพียงแค่หมายถึงกรณีของผู้เยาว์เท่านั้นซึ่งเป็นความผิดที่ร้ายแรงที่สุด แต่ยังหมายถึงบุคคลที่มีความอ่อนแอเปราะบาง และการล่วงละเมิดอื่นๆ ที่รวมถึงการใช้ความรุนแรงด้วย ขอย้ำอีกครั้งหนึ่งสมาชิกที่เป็นฆราวาสก็ได้รับการเชิญให้กระทำเช่นนี้ด้วย เพื่อที่จะรายงานการล่วงละเมิดกับสำนักงานที่ตั้งขึ้นเพื่อรับเรื่องร้องเรียน และจำเป็นต้องประกาศให้ทุกคนรู้อย่างเป็นทางการ
.
นี่เป็นขั้นตอนที่มีความสำคัญที่สุดขั้นตอนหนึ่ง แน่นอนว่าพวกเราจำเป็นต้องสร้างหลักประกันว่ามีการปฏิบัติตามกันอย่างจริงจังหรือไม่ ณ เวลานี้มีกฎหมายอยู่แล้วสำหรับพระศาสนจักรทั้งมวล ซึ่งเป็นขั้นตอนระดับพื้นฐานที่สุดที่พระสันตะปาปาทรงมีพระบัญชา นี่อาจเป็นได้ว่าประเด็นนี้มีความสำคัญที่สุดใน 20 ปีที่ผ่านมา ยิ่งไปกว่านั้นอีกกฎหมายเดียวกันยังสถาปนากระบวนการของการสอบสวนที่รวมถึงการรายงานของผู้ใหญ่ในระดับสูงสุด -เจ้าคณะแห่งสถาบันของชีวิตถวายตัว บิชอป พระคาร์ดินัล – ไม่เพียงแค่ผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าได้กระทำการล่วงละเมิดทางเพศต่อผู้เยาว์ แต่ยังมีผลกับผู้ที่ให้ความร่วมมือในการ “ปกปิดเรื่องราว” ด้วย เพราะฉะนั้นขั้นตอนที่เป็นรูปธรรมสำหรับความรับผิดชอบและการไว้ใจได้นั้นได้รับการชี้นำอย่างสิ้นเชิงแล้ว
.
อีกขั้นตอนหนึ่งที่นำไปสู่ความโปร่งใสยิ่งขึ้นเกิดขึ้นในเดือนธันวาคม 2019 เมื่อพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงยกเลิกความลับที่สงวนไว้สำหรับพระสันตะปาปาที่ในอดีตที่ปกปิดกรณีของการล่วงละเมิดทางเพศผู้เยาว์ นี่ทำให้ความร่วมมือกันมีความชัดเจนและง่ายขึ้นระหว่างเจ้าหน้าที่พระศาสนจักรและภาครัฐมากกว่าในอดีต สุดท้าย “Vademecum” (หนังสือคู่มือ) ที่พัฒนาขึ้นถูกตีพิมพ์ออกมาในเดือนกรกฎาคม 2020 เอกสารชิ้นนี้เป็นผลที่ได้มาจากการประชุมสุดยอดในเดือนกุมภาพันธ์ 2019 และมีการอภิปรายกันมาก่อนในการประชุมในฐานะที่ประเด็นนี้เป็นเป้าหมายประการหนึ่งของการประชุม สมณกระทรวงเพื่อพระสัจธรรม (CDF) เป็นผู้รวบรวมเขียนเอกสารขึ้นมา แม้ว่าจะไม่มีอะไรใหม่ในเอกสารนี้ แต่เป็นเอกสารที่เขียนได้ดีมากในการแสดงให้เห็นอย่างเป็นระบบระเบียบอย่างชัดเจนในการอธิบายถึงสิ่งที่บิชอปทุกองค์ หรือบุคคลที่มีอำนาจจำเป็นต้องทราบและต้องทำอะไรบ้างในเหตุการณ์ต่างๆ นี่เป็นเครื่องมือที่สำคัญที่สุดแม้ว่าจะไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควรเมื่อถูกตีพิมพ์ออกมา แต่ว่านี่เป็นข้อเสนอและคำแนะนำสำคัญที่ถูกขอร้องจากสมาชิกที่ประชุมในการประชุมของปี 2019 ซึ่งก็มีการปฏิบัติตามจนสำเร็จ และเมื่อวันสมโภชพระจิตของปี 2021 พระสันตะปาปาฟรานซิสทรงประกาศการชำระประมวลกฎหมายพระศาสนจักร บรรพที่ 4 ซึ่งกฎหมายส่วนนี้มีบทสรุปของ บทลงโทษในคดีอาญาของพระศาสนจักร กฎหมายใหม่เปลี่ยนแปลงคำพูดและปรับปรุงกฎหมายฉบับเก่าในทำนองที่ว่ากฎหมายใหม่จะนำมาใช้ตลอดปีเกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศต่อผู้เยาว์และความผิดอื่นๆ ซึ่งบัดนี้มีการระบุอย่างชัดเจนในประมวลกฎหมายที่จัดระเบียบไว้เป็นอย่างดี ก่อนหน้านี้การออกกฎหมายสะเพสะพัดในเอกสารและการแทรกแซงต่างๆ บัดนี้สามารถยืนยันโดยไม่ต้องมีข้อสงสัยเลยว่าทุกสิ่งที่พวกเราคาดหวังจากพระสันตะปาปาฟรานซิสและสันตะสำนักหลังการประชุมในปี 2019 นั้นได้ประสบกับความสำเร็จเรียบร้อยแล้ว
.
พวกเราอาจเพิ่มบางสิ่งบางอย่างเข้าไปได้ ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ ในเดือนพฤศจิกายน 2020 “McCarrick Report” มีการจัดพิมพ์โดยสำนักเลขาธิการของวาติกันโดยได้รับพระบัญชาจากพระสันตะปาปาฟรานซิสเอง การสอบสวนนี้เผยให้เห็นถึงรายละเอียดเกี่ยวกับการเป็นที่สะดุดอย่างรุนแรง ซึ่งทำให้พระศาสนจักรในประเทศสหรัฐอเมริกาและทั่วโลกต้องสั่นสะเทือน ทุกฝ่ายต่างฉงนสนเทห์ว่าเป็นไปได้อย่างไรที่การล่วงละเมิดนั้นได้ไต่เต้าไปจนถึงผู้ทีมีอำนาจสูงสุดของพระศาสนจักรเฉกเช่นพระคาร์ดินัล ซึ่งเป็นอาร์ชบิชอปแห่งวอชิงตัน ดี.ซี. (Washington DC) อาจถือได้ว่าการพิมพ์รายงานออกมานี้เป็นสิ่งที่เจ็บปวดอย่างมาก แต่ก็เป็นขั้นตอนที่กล้าหาญในทิศทางแห่งความโปร่งใสและแสดงให้เห็นถึงความปรารถนาที่จะจัดการอย่างเด็ดขาด และมีความรับผิดชอบต่ออาชญากรรมแม้กระทั่งกับผู้ที่อยู่ในระดับสูงสุดของพระศาสนจักร
.
ดังนั้นพวกเราจึงเผชิญกับปัญหาที่ยิ่งใหญ่ ที่ยากลำบาก และที่เจ็บปวด ซึ่งมีผลกระทบกระทั่งไปถึงความน่าเชื่อถือของพระศาสนจักร แม้ว่านี่เป็นเรื่องจริงที่ไม่ได้เป็นจริงไปทุกที่ทุกแห่ง พระศาสนจักรท้องถิ่นบางแห่งไม่มีการกระทำสิ่งใดเลย หรือแทบจะไม่มีการจัดการอะไรเลย ตรงกันข้ามอาจจะกล่าวได้โดยไม่ต้องลังเลยว่าในส่วนของพระศาสนจักรสากลได้เผชิญและกำลังเผชิญกับปัญหาจนกระทั่งมีความจำเป็นที่ต้องหามาตรการและกฎหมายเพื่อที่จะจัดการให้ทุกสิ่งถูกต้องอย่างชอบธรรม
.
การดำเนินการในขั้นตอนต่อไป จากมาตรการที่ได้วางไว้สู่การปฏิบัติ
· • —– ٠ ✤ ٠ —– • ·
.
แน่นอนนี่ไม่ได้หมายความว่าได้ทำทุกสิ่งทุกอย่างไปแล้ว เพราะดังที่พวกเราทราบนี่เป็นเพียงเรื่องหนึ่งในการสร้างมาตรการหรือกรอบ และเป็นอีกเรื่องหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์โดยการปฏิรูป การประชุมของพระศาสนจักรในยุโรปกลางและในยุโรปตะวันออก ที่จะมีขึ้นในเดือนกันยายน 2021 ณ กรุงวอร์ซอร์ ประเทศโปแลนด์ เกี่ยวกับเรื่องการปกป้องคุ้มครองผู้เยาว์และผู้ที่มีความอ่อนแอเปราะบาง จึงเป็นการที่จะปฏิบัติไปตามทิศทางนี้ ทุกภูมิภาคของพระศาสนจักรที่มีสิ่งคล้ายคลึงกันจากมุมมองของประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมจำเป็นต้องไตร่ตรองว่าตนเองยืนอยู่ ณ จุดใด และต้องแสวงหาจุดที่จำเป็น ซึ่งต้องทำให้เป็นรูปธรรมเพื่อที่จะทำให้คำชี้แนะของพระศาสนจักรสากลบังเกิดผลในพระศาสนจักรท้องถิ่น
.
นี่มีการปฏิบัติไปบ้างแล้วในบางภูมิภาค เช่นการประชุมใหญ่สำหรับภาคพื้นลาตินอเมริกาในเม็กซิโกประมาณหนึ่งปีมาแล้ว เนื่องจากโรคระบาดเข้ามาขัดจังหวะแผนการหลายอย่างซึ่งเกิดให้มีการล่าช้า แต่ก็มีการวางแผนสำหรับการประชุมต่างๆหรือเกิดขึ้นแล้วในบางทวีป ซึ่งการประชุมจะดำเนินไปในทำนองเดียวกันกับการประชุมสำหรับประเทศในยุโรปกลางและยุโรปตะวันออก การประชุมในระดับภูมิภาคเหล่านี้เป็นขั้นตอนที่จำเป็นเช่นเดียวกันในการก้าวเดินไปด้วยกันของพระศาสนจักรสากลซึ่งมีลักษณะพิเศษสำหรับภูมิศาสตร์ วัฒนธรรม และภูมิภาคของพระศาสนจักร
.
สรุป ในภาคปฏิบัติของพระศาสนจักรได้มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ได้กระทำไปมากแล้วทั้งในระดับทั่วไปตามปกติ นอกเหนือไปจากการที่มีประสบการณ์ที่เป็นรูปธรรม ในบางภูมิภาคมีการกระทำที่มากกว่าและในบางภูมิภาคก็น้อยกว่า การประชุมเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการแลกเปลี่ยนความรู้และการเข้าใจในหนทางที่เป็นรูปธรรม และอย่างมีประสิทธิภาพในการเผชิญกับปัญหา พวกเรากำลังเดินทางและพวกเราจะต้องเดินทางด้วยกันต่อไป ทว่าหนทางที่พวกเราจำเป็นต้องรีบเดินทางโดยมิต้องลังเลนี้มีการกำหนดหลักเกณฑ์ไว้แล้วเป็นอย่างดีและเพียงพอ พวกเราต้องเดินไปตามถนนนี้เพื่อเยียวยาความทุกข์ให้กับผู้เคราะห์ร้าย โดยใช้ความยุติธรรมเป็นที่ตั้ง เพื่อป้องกันการล่วงละเมิดในอนาคต พวกเราต้องฟื้นฟูความไว้วางใจ และความน่าเชื่อถือภายในชุมชนพระศาสนจักรและในพันธกิจของพระศาสนจักรเพื่อความดีงามและประโยชน์สุขของชาวโลก
(cr. คพ. เฟเดริโก ลอมบาร์ดี เอส. เจ. By Father Federico Lombardi, SJ)
(วิษณุ ธัญญอนันต์ – เก็บเรื่องนี้มาแบ่งปันและไตร่ตรอง)
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
- คำปราศรัยของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส พิธีรำลึกครบรอบ 50 ปีแห่งการสถาปนาสถาบันแห่งซีน็อดของบรรดาบิชอป
- การเป็นประจักษ์พยานถึงความสวยสดงดงามของพระเจ้าโอกาสครบรอบ 25 ปี
ของการประกาศสมณสาส์นเตือนใจ “ชีวิตผู้ถวายตัว” - สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสมีความคิดที่จะปฏิรูปพระศาสนจักร
- ประสบการณ์และความประทับใจในการเข้าร่วมเคารพศีลมหาสนิทนานาชาติ..
- กระบวนการของการก้าวเดินไปด้วยกัน: การประเมินผลเบื้องต้น นครรัฐวาติกัน วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2022