เรื่องหนึ่ง มีสองมุมมอง
นักเขียนหนังสือมีชื่อเสียงคนหนึ่ง นั่งคิด…จับปากกา …และเริ่มเขียนว่า
.
“ ปีที่แล้ว ผมได้รับการผ่านตัดถุงน้ำดี ผมต้องนอนพักฟื้นเป็นเวลานาน…
ปีเดียวกัน ผมอายุ 60 ปี เกษียณอายุ…ออกจากงานบริษัทแห่งหนึ่งที่ผมรักมาก… ผมต้องออกจากงานที่ได้ทำมา 35 ปี
ปีเดียวกันนั้น มารดาที่รักได้จากผมไป
.
แล้ว..ปีเดียวกันอีก ลูกชายพลาดการสอบแพทย์ครั้งสุดท้าย เพราะได้รับอุบัติเหตุทางรถยนต์ ต้องซ่อมรถยนต์แพงมาก ในปีที่แล้วที่โชคร้าย
.
ตอนท้าย เขาเขียนว่า “ช่างเป็นปีที่แย่จริงๆ”
ภรรยาของนักเขียนได้เข้ามาในห้อง พบสามีกำลังเศร้าหม่นหมอง เธอเห็นข้อเขียนของสามีจากด้านหลัง แล้วเธอจึงค่อยออกจากห้องไป
.
สิบห้านาทีต่อมา เธอกลับเข้ามาในห้อง และวางกระดาษแผ่นหนึ่ง พร้อมข้อความต่อไปนี้
ปีที่แล้ว สามีของฉันได้กำจัดถุงน้ำดี ซึ่งทำให้ปวดท้องหลายปี…
.
ปีเดียวกัน ดิฉันรู้สึกขอบคุณที่สามีสามารถลาออกจากงาน มาพักกับครอบครัวจนมีความสุข ขอบคุณพระเจ้าที่เขาได้มีโอกาสทำงานถึง 35 ปี เพื่อเลี้ยงครอบครัว
.
ตอนนี้ สามีให้เวลามากขึ้นในการเขียน ซึ่งเป็นงานอดิเรกของเขา
.
ในปีเดียวกัน แม่ยายอายุ 95 ปี ได้กลับไปหาพระเจ้าในสันติสุขโดยปราศจากความเจ็บปวดใดๆ
และในปีเดียวกัน พระเจ้าทรงคุ้มครองลูกชายจากอุบัติเหตุน่ากลัว..รถยนต์ของเราเสียหายมาก แต่ลูกชายปลอดภัย ไม่มีบาดแผลใดๆ…”
.
ประโยคสุดท้าย ภรรยาเขียนว่า “ปีที่แล้ว ช่างเป็นปีเปี่ยมด้วยพระพรพิเศษจากพระเจ้า… เราผ่านทั้งปีที่เติมด้วยมหัศจรรย์ และปลื้มปีติ..”
.
นักเขียนอมยิ้ม ประทับใจ จนน้ำตาไหลจรดแก้มทั้งสอง… เขาปลื้มใจในมุมมองที่แตกต่าง ในทุกเหตุการณ์ตลอดปีที่แล้ว…มุมมองที่แตกต่าง ทำให้เขาเป็นสุข..
.
เพื่อนๆครับ ในชีวิตนี้ เราต้องเข้าใจว่ามันมิใช่ความสุขที่ทำให้เราปลื้มปีติ แต่เป็นความปลื้มปีติที่จะทำให้เรามีความสุข ขอให้เราฝึกมองเหตุการณ์หนึ่งจากการมองในแง่ดี และเก็บความอิจฉาไว้ในใจ”
.
“เราสามารถบ่นได้ เพราะช่อกุหลาบย่อมมีหนาม หรือ ปลื้มปีติเพราะว่าหนามมีดอกกุหลาบ”
อับราฮัม ลินคอล์น (อดีตประธานาธิบดี คนที่ 16 ของสหรัฐ อเมริกา (ค.ศ.1860-1865)
ฟ.วีระ อาภรณ์รัตน์แปล (8/2/2022)