Skip to content

ข้อคิดข้อรำพึง อาทิตย์ที่ 5 เทศกาลปัสกา ปี B

“ท่านทั้งหลายจงดำรงอยู่ในเราเถิด”

กระสวยอวกาศลงบนดวงจันทร์ที่ชื่อว่า Eagle กำลังนำนักบินอวกาศ Aldrin และ Armstrong ลงบนพื้นผิวของดวงจันทร์เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม ค.ศ. 1969 ในขณะที่ Armstrong เตรียมตัวจะก้าวเดินไปบนดวงจันทร์ Aldrin ก็ได้นำขนมปังและไวน์ออกมา เขาอธิบายสิ่งที่กำลังจะทำว่าดังนี้

“ฉันเทไวน์ลงไปในถ้วย(แบบกาลิกษ์) ประมาณ 1 ใน 6 ของแรงโน้มถ่วงของดวงจันทร์ น้ำของไวน์ม้วนตัวลงช้าๆ และสง่างามตรงด้านข้างของถ้วย น่าสนใจที่จะคิดได้ว่าของเหลวหยดแรกที่เทลงบนดวงจันทร์ และอาหารแรกที่จะกินนั้นมีส่วนประกอบของศีลมหาสนิท”

แต่ก่อนจะกินและดื่มอาหารที่มีองค์ประกอบของมื้อนั้น Aldrin ได้อ่านข้อความจากพระวรสารของนักบุญยอห์นดังนี้

“เราเป็นเถาองุ่น ท่านทั้งหลายเป็นกิ่งก้าน ผู้ที่ดำรงอยู่ในเรา และเราดำรงอยู่ในเขา ก็ย่อมเกิดผลมาก เพราะถ้าไม่มีเรา ท่านก็ทำอะไรไม่ได้เลย” (ยน 15:5)

ในการอ้างถึงประสบการณ์คล้ายการรับศีลมหาสนิทคนเดียวของเขาบนดวงจันทร์นี้ Aldrin ได้กล่าวว่า

“ฉันรู้สึกเป็นพิเศษจริงๆ ถึงความเป็นหนึ่งเดียวของฉันกับวัดของฉันที่บ้านเกิด และกับพระศาสนจักรในทุกหนทุกแห่งด้วย” (Guideposts Treasury of Hope)

พระเยซูเจ้าตรัสว่า “เราเป็นเถาองุ่นที่แท้ และพระบิดาของเราทรงเป็นชาวสวน” พระองค์ทรงปรารถนาให้เราทั้งหลายซึ่งเป็นกิ่งก้านของเถาองุ่นดำรงอยู่ในพระองค์ จะได้บังเกิดผล

การที่เราจะดำรงอยู่ในพระองค์นั้น มี 3 วิธีด้วยกัน หนึ่งคือ การมาร่วมชุมนุมในพระนามของพระองค์ สองคือ การฟังพระวาจาของพระองค์ และสามคือ การรับพระกายและพระโลหิตของพระองค์

ดังนั้น การที่คริสตชนมาร่วมมิสซาทุกๆวันอาทิตย์ และบางคนมาร่วมมิสซาในวันธรรมดาเพิ่มขึ้นมาด้วย ก็เป็นวิธีที่ดีมากที่จะได้ดำรงอยู่ในพระองค์ และจะนำไปสู่การบังเกิดผล

เมื่อพูดถึงการบังเกิดผล ถ้าต้องการบังเกิดผลให้มากขึ้น ก็ต้องยอมให้พระบิดาทรงลิด นั่นคือการที่เราจะต้องผ่านความทุกข์ยาก ความเจ็บปวด แต่จะเห็นผลที่งดงามจริงๆ

ถ้าใครคิดที่จะไม่ขึ้นกับพระเยซูเจ้า อยากไปตามทางของตนเอง ไม่ต้องการอยู่ชิดสนิทกับพระองค์ ไม่นานเขาก็จะรู้ว่าเขาคิดผิด เพราะเขาจะค่อยๆ เหี่ยวเฉาไป และจะถูกตัดทิ้งไป หมดประโยชน์โดยสิ้นเชิง นอกจากจะโยนลงไปในกองไฟนั่นแหละ จึงจะเหมาะที่สุด

ในบทก่อนหน้านี้ นักบุญยอห์นผู้นิพนธ์พระวรสารบันทึกถึงคำตรัสของพระเยซูเจ้าต่อบรรดาอัครสาวกว่า พวกเขาต้องดำรงอยู่ในพระองค์ เหมือนที่พระองค์ทรงดำรงอยู่ในพระบิดา (ยน 14 : 20) และนี่เป็นคำตรัสอำลาต่อบรรดาศิษย์ทั้งหมด ดังนั้น เราจะเห็นได้ชัดว่าพระองค์ทรงมุ่งหมายให้บรรดาศิษย์ชิดสนิทกับพระองค์อย่างที่สุด เฉกเช่นเดียวกับกิ่งก้านที่ยังติดแนบแน่นกับเถาองุ่น และยังยอมรับคมมีดในการลิดกิ่งเมื่อจำเป็น ก็จะมีชีวิตอยู่ดี และบังเกิดผลงดงาม

แน่นอนว่า พระเยซูเจ้ามิได้ทรงหมายถึงบรรดาศิษย์ที่ใกล้ชิดกับพระองค์ขณะทรงพระชนม์อยู่แล้วเท่านั้น แต่ทรงปรารถนาให้คริสตชนทุกคนที่ติดตามพระองค์เป็นเช่นนั้นด้วย

น่าเสียดาย ที่คริสตชนสมัยต่อๆ มาจนถึงปัจจุบันได้เลือกความตายมากกว่าชีวิต เลือกที่จะให้ตัวเองถูกเผาผลาญด้วยไฟแห่งความโลภ ความโกรธ ความหลง และตัณหาราคะต่างๆ ถ้าเขาตัดสินใจจะอยู่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย โดยไม่ยอมติดกับเถาองุ่น ในไม่ช้าก็จะพบว่าตัวเองผิดพลาดไป แล้วจะค่อยๆ เหี่ยว เฉา และตายไปในกองไฟในที่สุด

( คุณพ่อ วิชา หิรัญญการ เขียนลงสารวัดนักบุญยอแซฟ อยุธยา วันอาทิตย์ที่ 6 พฤษภาคม ค.ศ. 2012
ปรับปรุงใหม่โดยเพิ่มตัวอย่าง เมื่อวันที่ 25 เมษายน ค.ศ. 2018
Based on : Illustrated Sunday Homilies – Year B ; by : Mark Link, SJ. )