Skip to content

สาส์นจากสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส โอกาสครบรอบ 58 ปี ของวันภาวนาสากลเพื่อกระแสเรียก

(วันที่ 25 เมษายน 2021) นักบุญยอแซฟ: ความฝันแห่งกระแสเรียก

วันที่ 8 ธันวาคมที่ผ่านมาซึ่งเป็นวันครบรอบ 150 ปี ของการประกาศให้นักบุญยอแซฟเป็นองค์อุปถัมภ์ของพระศาสนจักรสากลถือเป็นจุดเริ่มต้นของปีพิเศษที่อุทิศให้กับท่าน (เทียบ กฤษฎีกาศาลคดีมโนธรรม (Apostolic Penitentiary) วันที่ 8 ธันวาคม 2020) ในส่วนของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าได้เขียนสมณลิขิต “ด้วยหัวใจของบิดา” (Patris Corde) ซึ่งมีจุดมุ่งหมายคือ “เพื่อเพิ่มพูนความรักของเราที่มีต่อท่านนักบุญผู้ยิ่งใหญ่ท่านนี้” นักบุญยอแซฟเป็นภาพของบุคคลผู้สูงส่งแต่ในขณะเดียวกันก็เป็นผู้ที่อยู่ “ใกล้ชิดกับประสบการณ์ความเป็นมนุษย์ของเราอย่างยิ่งในเวลาเดียวกัน” ท่านไม่ได้ทำสิ่งที่น่าประหลาดใจ ท่านไม่ได้มีพระพรพิเศษอย่างหนึ่งอย่างใด และท่านก็ไม่ได้ดูพิเศษในสายตาของคนที่พบท่าน ท่านไม่ได้มีชื่อเสียงหรือแม้แต่เป็นที่สังเกต พระวรสารไม่ได้กล่าวถึงคำพูดของท่านแม้แต่คำเดียว ถึงกระนั้นด้วยชีวิตธรรมดาของท่าน ท่านได้ทำสิ่งที่พิเศษในสายพระเนตรของพระเจ้าให้สำเร็จไป

พระเจ้าทรงทอดพระเนตรที่หัวใจ (เทียบ 1 ซมอ 16: 7) และในตัวของนักบุญยอแซฟ พระองค์ทรงแลเห็นหัวใจของบิดาผู้ซึ่งสามารถเป็นผู้ให้ และทำให้ชีวิตเกิดขึ้นในท่ามกลางการงานประจำวัน กระแสเรียกต่างๆ มีเป้าหมายเดียวกันนี้ คือการให้กำเนิดและเริ่มชีวิตใหม่ในทุกวัน องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปรารถนาที่จะหล่อหลอมจิตใจของบิดาและมารดาอันได้แก่ หัวใจที่เปิดกว้าง มีความสามารถในการริเริ่มที่ยิ่งใหญ่ มีใจกว้างในการเสียสละตนเอง มีความเห็นอกเห็นใจในการบรรเทาความวิตกกังวลต่างๆ และแน่วแน่ในการเสริมสร้างความหวัง สังฆภาพและชีวิตผู้ถวายตัวต้องมีคุณสมบัติเหล่านี้อย่างยิ่งในปัจจุบัน ในช่วงเวลาที่มีความเปราะบาง พร้อมไปกับความทุกข์ทรมานอันเนื่องจากโรคระบาดครั้งใหญ่ซึ่งก่อให้เกิดความไม่แน่นอน และความกลัวเกี่ยวกับอนาคตและความหมายของชีวิตอย่างมาก นักบุญยอแซฟมาพบเราด้วยวิธีที่อ่อนโยนของท่าน ในฐานะที่เป็น “นักบุญผู้อยู่ใกล้ชิด” ในขณะเดียวกันการเป็นพยานที่เข้มแข็งของท่านสามารถนำเราในการเดินทางได้

ท่านนักบุญยอแซฟแนะนำถ้อยคำ 3 คำที่เป็นดังกุญแจสำคัญสำหรับกระแสเรียกของแต่ละคน ประการแรกคือ ความฝัน ทุกคนฝันที่จะพบกับความสำเร็จในชีวิต ตามปกติเราหล่อเลี้ยงความหวังอันยิ่งใหญ่ ความปรารถนาอันสูงส่งด้วยจุดหมายปลายทางชั่วคราวที่ไม่ได้ให้ความสุขแท้จริง เช่น ความสำเร็จ ทรัพย์สินเงินทองและความบันเทิง หากเราจะขอให้ผู้คนแสดงความฝันในชีวิตออกมาเป็นคำพูดสักหนึ่งคำ ก็คงไม่ใช่เรื่องยากที่จะจินตนาการถึงคำตอบว่าคือ “ได้รับความรัก” เป็นความรักที่ให้ความหมายกับชีวิต เพราะมันเผยแสดงให้เห็นถึงความลึกลับของชีวิต แท้จริงแล้วเราจะมีชีวิตได้ก็ต่อเมื่อเราได้ให้ชีวิต เราเป็นเจ้าของชีวิตอย่างแท้จริงก็ต่อเมื่อเราให้มันออกไปด้วยใจกว้างขวาง นักบุญยอแซฟมีเรื่องจะบอกเรามากมายในเรื่องนี้ เพราะว่า โดยผ่านทางความฝันที่พระเจ้าดลใจท่าน ท่านนักบุญทำให้ชีวิตของท่านเองเป็นของขวัญ

พระวรสารบอกเราถึงความฝัน 4 เรื่อง (เทียบ มธ 1:20;2:13.19.22) เป็นการเรียกจากพระเจ้า แต่ก็ไม่ง่ายที่จะยอมรับ หลังจากความฝันแต่ละครั้งนักบุญยอแซฟต้องเปลี่ยนแผนการของท่านและยอมเสี่ยงอันตราย เสียสละแผนการของตัวเองเพื่อทำตามแผนการอันล้ำลึกของพระเจ้าผู้ซึ่งท่านไว้วางใจอย่างเต็มเปี่ยม เราอาจถามตัวเองว่า “ทำไมถึงวางใจความฝันในเวลากลางคืนได้มากขนาดนี้” แม้ว่าความฝันจะถือว่ามีความสำคัญมากในสมัยโบราณ แต่ก็ยังเป็นเพียงสิ่งเล็กน้อยในการเผชิญกับความเป็นจริงที่เป็นรูปธรรมของชีวิต ถึงกระนั้นนักบุญยอแซฟก็ปล่อยให้ตัวเองถูกนำทางไปตามความฝันโดยไม่ลังเล ทำไม? เพราะหัวใจของท่านมุ่งไปยังพระเจ้า มันถูกโน้มนำไปสู่พระองค์อยู่แล้ว สิ่งบ่งชี้เพียงเล็กน้อยก็เพียงพอสำหรับ “การได้ยินเสียงภายใน” ของท่านที่ตื่นเฝ้าที่จะจดจำเสียงของพระเจ้าได้ สิ่งนี้ใช้ได้กับการเรียกของเราด้วยเช่นกัน พระเจ้าไม่พอพระทัยที่จะเปิดเผยพระองค์เองในรูปแบบน่าตื่นตาตื่นใจ บังคับเสรีภาพของเรา พระองค์ถ่ายทอดแผนการของพระองค์แก่เราด้วยความอ่อนโยน พระองค์ไม่ได้ทำให้เราพิศวงด้วยภาพนิมิตรที่ชวนให้หลงไหล แต่ทรงตรัสอย่างเงียบ ๆ ในส่วนลึกของจิตใจเรา ทรงเข้ามาใกล้เราและตรัสกับเราผ่านความคิดและความรู้สึกของเรา ด้วยวิธีนี้ พระองค์ทรงนำเสนอจุดประสงค์ที่ลึกซึ้งและไม่คาดคิดให้แก่เราเช่นเดียวกับที่พระองค์ทรงกระทำกับนักบุญยอแซฟ

อันที่จริงความฝันของนักบุญยอแซฟทำให้ท่านเข้าสู่ประสบการณ์ที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน ประการแรก การเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับการหมั้นของท่าน แต่ทำให้ท่านเป็นบิดาของพระเมสสิยาห์ ประการที่สองทำให้ท่านต้องหนีไปอียิปต์ แต่ได้ช่วยชีวิตครอบครัวของท่านไว้ จากนั้นความฝันประการที่สามแจ้งให้ท่านกลับไปยังดินแดนบ้านเกิด ความฝันประการที่สี่ทำให้ท่านต้องเปลี่ยนแผนอีกครั้งโดยพาพระกุมารกลับไปที่นาซาเร็ธ สถานที่ที่พระเยซูเจ้าจะเริ่มประกาศพระอาณาจักรพระเจ้า ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญเหล่านี้ ท่านพบกับความกล้าหาญที่จะทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้า ในกระแสเรียกก็เช่นกัน การเรียกของพระเจ้ามักกระตุ้นให้เราออกย่างก้าวแรกออกไป เพื่อมอบตนเอง ก้าวไปข้างหน้า ไม่มีความเชื่อใดที่ไม่มีความเสี่ยง เพียงแค่การออกจากตนเอง วางใจในพระหรรษทาน วางแผนการและความสะดวกสบายของตนเองลง เราจึงจะสามารถกล่าวตอบ “ครับ/คะ” อย่างแท้จริงกับพระเจ้า และทุกคำตอบ ”ครับ/คะ” จะบังเกิดผลเพราะมันได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของแผนการที่ยิ่งใหญ่กว่า ซึ่งเราแลเห็นได้เฉพาะส่วนย่อย แต่พระเจ้าผู้ทรงเป็นจิตรกรทรงทราบและเป็นผู้ดำเนินงานให้ทุกชีวิตเป็นผลงานชิ้นเอก ในเรื่องนี้ยอแซฟเป็นตัวอย่างที่ดีเยี่ยมในการยอมรับแผนการของพระเจ้า ยิ่งกว่านั้นการยอมรับของท่านเป็นการยอมรับอย่างแข็งขัน ไม่ลังเลหรือฝืนใจ  นักบุญยอแซฟ ”แน่นอนว่าไม่ได้เป็นผู้ที่ยอมจำนนอย่างนิ่งเฉย แต่ท่านเป็นผู้ที่เลือกตอบสนองอย่างกล้าหาญและแน่วแน่” (Patris Corde, 4) ขอท่านช่วยทุกคนโดยเฉพาะคนหนุ่มสาวในการวินิจฉัยตัดสินใจและการทำความฝันของพระเจ้าสำหรับพวกเขาให้เป็นจริง ขอให้ท่านสร้างแรงบันดาลใจให้พวกเขากล้าที่จะตอบ ”ครับ/คะ” กับพระเจ้าผู้ทรงสร้างความอัศจรรย์ใจและไม่เคยทำให้ผิดหวัง

คำที่สองซึ่งชี้ให้เห็นการเดินทางของนักบุญยอแซฟและกระแสเรียกคือ การรับใช้ พระวรสารแสดงให้เห็นว่านักบุญยอแซฟใช้ชีวิตทั้งหมดเพื่อผู้อื่นและไม่เคยทำเพื่อตัวเองอย่างไร ประชากรศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าวิงวอนต่อท่าน ในฐานะเป็นภัสดาผู้บริสุทธิ์ยิ่งที่ตั้งอยู่บนความสามารถในการรักโดยไม่ยึดถือสิ่งใดเพื่อตนเอง ด้วยความรักที่เป็นอิสระจากการครอบครองใดๆ ท่านเปิดตัวเองเพื่อการรับใช้ที่บังเกิดผลมากยิ่งขึ้น การดูแลเอาใจใส่ด้วยความรักของท่านขยายสืบทอดไปจากรุ่นสู่รุ่น การปกป้องอย่างใส่ใจของท่านทำให้ท่านกลายเป็นองค์อุปถัมภ์ของพระศาสนจักร ในฐานะที่ท่านรู้วิธีการทำให้ความหมายของการมอบอุทิศชีวิตเป็นรูปธรรมที่เป็นจริง นักบุญยอแซฟยังเป็นองค์อุปถัมภ์ของการตายอย่างมีความสุขอีกด้วย อย่างไรก็ตามการรับใช้และการเสียสละของท่านเป็นไปได้เพียงเพราะว่าได้รับการสนับสนุนจากความรักที่ยิ่งใหญ่กว่า “ทุกกระแสเรียกที่แท้จริงเกิดจากการมอบตนเองเป็นของขวัญซึ่งเป็นผลของการเสียสละอย่างมีวุฒิภาวะ การเป็นสมณะและชีวิตผู้ถวายตัวก็เรียกร้องวุฒิภาวะเช่นเดียวกัน ไม่ว่ากระแสเรียกของเราจะเป็นเช่นใด ไม่ว่าจะแต่งงาน ถือโสดหรือเจริญชีวิตพรหมจรรย์ การมอบตนเองเป็นของขวัญของเราจะไม่สมบูรณ์หากหยุดอยู่เพียงแค่การเสียสละเท่านั้น หากเป็นเช่นนั้นแทนที่จะเป็นเครื่องหมายความสวยงามและความชื่นชมยินดีแห่งความรัก การมอบตนเองเป็นของขวัญก็เสี่ยงที่จะเป็นการแสดงถึงการไม่มีความสุข ความเสียใจและความผิดหวัง (Patris Corde, 7)

สำหรับนักบุญยอแซฟการรับใช้เป็นการแสดงออกที่เป็นรูปธรรมของการมอบตนเองเป็นของขวัญที่ไม่ได้เป็นเพียงอุดมคติอันสูงส่งเท่านั้น แต่กลายเป็นหลักปฏิบัติสำหรับชีวิตประจำวัน ท่านพยายามค้นหาและเตรียมสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับพระเยซูที่จะประสูติ ท่านพยายามอย่างเต็มที่เพื่อปกป้องพระองค์จากความโกรธเกรี้ยวของเฮโรดโดยจัดเตรียมการเดินทางอย่างเร่งรีบไปอียิปต์ ท่านกลับไปยังกรุงเยรูซาเล็มทันทีเมื่อรู้ว่าพระเยซูหายไป ท่านเลี้ยงดูครอบครัวด้วยการทำงานแม้จะอยู่ต่างแดน  ในระยะเวลาสั้นๆ ท่านปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่แตกต่างกันด้วยทัศนคติของคนที่ไม่ท้อถอยเมื่อชีวิตไม่เป็นไปตามที่ต้องการ ท่านแสดงให้เห็นถึงความเต็มใจตามแบบฉบับของผู้ที่มีชีวิตอยู่เพื่อรับใช้ ด้วยจิตตารมณ์นี้ยอแซฟยอมรับการเดินทางแห่งชีวิตหลายครั้งและที่ไม่คาดคิดหลายครา จากนาซาเร็ธ ไปเบธเลเฮ็มเพื่อสำรวจสำมะโนประชากร จากนั้นไปอียิปต์และอีกครั้งไปยังนาซาเร็ธ และทุก ๆ ปีไปกรุงเยรูซาเล็ม ทุกครั้งที่ท่านเต็มใจเผชิญสถานการณ์ใหม่ ๆ โดยไม่บ่นกับสิ่งที่เกิดขึ้น พร้อมที่จะยื่นมือเข้าช่วยแก้ไขสถานการณ์ เราสามารถพูดได้ว่านี่เป็นพระหัตถ์ที่ยื่นออกมาของพระบิดาเจ้าสวรรค์ไปหาพระบุตรของพระองค์บนแผ่นดินโลก ยอแซฟไม่สามารถล้มเหลวในการเป็นแบบอย่างสำหรับทุกกระแสเรียก ที่ถูกเรียกให้เป็นพระหัตถ์ของพระบิดาที่ทำงานอยู่เสมอในการยื่นออกไปหาบรรดาบุตรของพระองค์

ข้าพเจ้ามักที่จะคิดถึงนักบุญยอแซฟองค์อุปถัมภ์ของพระเยซูและและพระศาสนจักร ในฐานะองค์อุปถัมภ์กระแสเรียกทั้งหลาย อันที่จริงจากความเต็มใจที่จะรับใช้ทำให้ท่านต้องห่วงใยที่จะปกป้อง พระวรสารบอกเราว่า “ยอแซฟจึงลุกขึ้นพาพระกุมารและพระมารดาออกเดินทางไปอียิปต์ในคืนนั้น” (มธ 2:14) เผยให้เห็นความห่วงใยเสมอที่ท่านเห็นแก่ความดีของครอบครัว ท่านไม่เสียเวลาไปกับการเป็นทุกข์ในสิ่งที่ควบคุมไม่ได้เพื่อที่จะให้ความสนใจอย่างเต็มที่ผู้ที่ได้รับความไว้วางใจให้ดูแล ความห่วงใยอย่างเอาใจใส่เช่นนี้เป็นเครื่องหมายของกระแสเรียกที่แท้จริง ประจักษ์พยานของชีวิตที่ได้รับการสัมผัสจากความรักของพระเจ้า นับเป็นตัวอย่างที่สวยงามของชีวิตคริสตชนเมื่อเราปฏิเสธที่จะทำตามความทะเยอทะยานหรือปล่อยตัวไปกับภาพลวงตา แต่เอาใจใส่สิ่งที่พระเจ้ามอบความไว้วางใจให้เราผ่านทางพระศาสนจักรแทน แล้วพระเจ้าจะประทานพระจิตและความคิดสร้างสรรค์ของพระองค์เหนือเรา พระองค์ทรงทำสิ่งมหัศจรรย์ในตัวเราเช่นเดียวกับที่พระองค์ทรงกระทำกับยอแซฟ

พร้อมกับการเรียกของพระเจ้าซึ่งทำให้ความฝันอันสูงสุดของเราเป็นจริงและการตอบรับของเราซึ่งประกอบด้วยการรับใช้ด้วยใจกว้างและการดูแลด้วยความเอาใจใส่ มีคุณลักษณะประการที่สามในชีวิตประจำวันของนักบุญยอแซฟและกระแสเรียกคริสตชนของเรา คือ ความซื่อสัตย์ โยเซฟเป็น “ผู้ชอบธรรม” (มธ 1:19) ที่เพียรพยายามรับใช้พระเจ้าและแผนการของพระองค์อย่างเงียบ ๆ ทุกวัน ในช่วงเวลาที่ยากลำบากเป็นพิเศษในชีวิต ท่านคิดอย่างรอบคอบว่าจะทำอย่างไร (เทียบข้อ 20) ท่านไม่ปล่อยให้ตัวเองถูกกดดันให้ทำอะไรอย่างใจร้อน ท่านไม่ปล่อยให้ถูกล่อลวงที่จะทำอะไรผลีผลามตามสัญชาตญาณหรือเอาตัวรอดชั่วขณะหนึ่ง แต่ท่านพิจารณาไตร่ตรองสิ่งต่าง ๆ อย่างอดทน ท่านรู้ว่าความสำเร็จในชีวิตเกิดจากความซื่อสัตย์อย่างมั่นคงต่อการตัดสินใจที่สำคัญ สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นจากความมุมานะของท่านในการทำงานอาชีพช่างไม้ผู้สุภาพถ่อมตน (เทียบ มธ 13:55) ความเพียรพยายามอย่างเงียบ ๆ ที่ไม่ได้เป็นที่รู้จักในสมัยของท่าน แต่ได้สร้างแรงบันดาลใจในชีวิตประจำวันให้กับผู้เป็นบิดาทุกคน บรรดาผู้ใช้แรงงานและคริสตชนอย่างมากมาย เพราะว่ากระแสเรียกเป็นดังชีวิตที่เติบโตมีวุฒิภาวะขึ้นด้วยความซื่อสัตย์ในชีวิตประจำวันเท่านั้น

ความซื่อสัตย์ดังกล่าวได้รับการหล่อเลี้ยงอย่างไร? ในแสงสว่างของความซื่อสัตย์ของพระเจ้าเอง คำพูดแรกที่นักบุญยอแซฟได้ยินในความฝันคือคำเชื้อเชิญให้ไม่ต้องกลัวเพราะพระเจ้ายังคงซื่อสัตย์ต่อพระสัญญาของพระองค์เสมอ “ยอแซฟโอรสกษัตริย์ดาวิด อย่ากลัว” (มธ 1:20) อย่ากลัวคำพูดเหล่านี้พระเจ้าตรัสกับเธอ น้องสาวที่รัก และกับเธอ น้องชายที่รัก เมื่อใดก็ตามที่พวกเธอรู้สึกเช่นนั้นแม้ท่ามกลางความไม่แน่ใจและลังเล พวกเธอไม่สามารถชะลอความปรารถนาที่จะมอบชีวิตให้กับพระองค์อีกต่อไป พระองค์ตรัสคำเหล่านี้ซ้ำๆ บางทีอยู่ท่ามกลางความยากลำบากและความเข้าใจผิดต่างๆ นานา เธอได้พยายามทำตามน้ำพระทัยของพระองค์ทุกวัน ไม่ว่าเธอจะอยู่ที่ไหนก็ตาม คำเหล่านี้คือคำพูดที่เธอจะได้ยินอีกครั้งในทุกย่างก้าวแห่งกระแสเรียกของเธอ เมื่อเธอหันกลับไปสู่ความรักแรกของเธอ คำพูดเหล่านี้จะเดินเคียงข้างผู้ที่กล่าวตอบ ตกลง กับพระเจ้าด้วยชีวิตของตนแต่ละวันอย่างซื่อสัตย์เช่นเดียวกับนักบุญโยเซฟ

ความซื่อสัตย์นี้เป็นเคล็ดลับของความชื่นชมยินดี บทเพลงสดุดีทางพิธีกรรมกล่าวถึง “ความชื่นชมยินดีที่ชัดแจ้ง” ที่มีอยู่ในบ้านแห่งนาซาเร็ธ เป็นความยินดีในชีวิตประจำวันและความเรียบง่ายที่เข้าใจได้ ความยินดีที่เป็นประสบการณ์ในชีวิตประจำวันของผู้ที่เอาใจใส่ต่อสิ่งที่สำคัญอย่างแท้จริง อันได้แก่ ความใกล้ชิดอย่างสม่ำเสมอต่อพระเจ้าและต่อเพื่อนบ้านของเรา จะดีสักเพียงใดถ้าบรรยากาศเดียวกันนี้ อันเรียบง่ายและสดใส สงบสุขและเปี่ยมด้วยความหวังจะแผ่กระจายไปทั่วสามเณราลัย บ้านนักบวช และบ้านพักพระสงฆ์ของเรา ข้าพเจ้าภาวนาวอนขอให้ท่านประสบความสุขเช่นเดียวกันนี้ พี่น้องชายหญิงที่รัก ผู้ซึ่งทำให้พระเจ้าเป็นความฝันในชีวิตของเธอด้วยความใจกว้าง รับใช้พระองค์ในพี่น้องผ่านความซื่อสัตย์ซึ่งเป็นประจักษ์พยานอันทรงพลังในยุคแห่งการเลือกที่ไม่ยั่งยืนและอารมณ์ความรู้สึกที่ไม่นำความยินดีที่แท้จริงตลอดไปมาให้ ขอให้นักบุญยอแซฟ องค์อุปถัมภ์แห่งกระแสเรียกเดินเคียงข้างเธอด้วยหัวใจของบิดา

ให้ไว้ ณ กรุงโรม มหาวิหารนักบุญยอห์น แห่งลาเตรัน
19 มีนาคม 2021 วันสมโภชนักบุญยอแซฟ
พระสันตะปาปาฟรังซิส