Skip to content

บทเทศน์ของพระสันตะปาปาฟรานซิส ณ สนามกีฬาฟรานโซ ฮารีรี (Franso Hariri)
แห่งเมืองอัรบีล (Erbil) ในพิธีบูชาขอบพระคุณ วันอาทิตย์ที่ 7 มีนาคม 2021

นักบุญเปาโลสอนพวกเราว่า “พระเยซูคริสต์เป็นพลังและปรีชาญาณของพระเจ้า” (1 คร 1: 22-25) พระเยซูคริสต์ทรงเผยให้พวกเราเห็นว่าพลังอำนาจและปรีชาญาณเหนือสิ่งใด คือการให้อภัยและแสดงความเมตตา พระองค์ทรงเลือกที่จะกระทำเช่นนี้ โดยไม่แสดงพลังอำนาจหรือโดยที่ไม่ตรัสกับพวกเราจากเบื้องบนด้วยถ้อยคำที่ยืดยาวและเป็นวิชาการ พระองค์ทรงกระทำด้วยการมอบชีวิตของพระองค์บนไม้กางเขน พระองค์ทรงเผยให้พวกเราเห็นถึงปรีชาญาณและอำนาจของพระองค์จนถึงที่สุดด้วยความซื่อสัตย์ต่อความรักของพระบิดา ด้วยความซื่อสัตย์ต่อพันธสัญญาของพระเจ้า ผู้ทรงนำประชากรของพระองค์ให้หลุดพ้นจากการเป็นทาสและนำพวกเขาไปสู่อิสรภาพ (เทียบ อพย. 20: 1-2)

        ช่างน่าอายเพียงใดถ้าหากพวกเราหลงผิดไปติดกับดักในความคิดที่ว่า พวกเราต้องแสดงให้คนอื่นเห็นว่าพวกเรามีอำนาจและเฉลียวฉลาด ในการจินตนการภาพลักษณ์ของพระเจ้าว่าพระองค์สามารถทำให้พวกเราปลอดภัย (เทียบ อพย. 20: 4-5) แต่ความจริงมีอยู่ว่าพวกเราทุกคนต้องการอำนาจและปรีชาญาณของพระเจ้าที่เผยแสดงให้พวกเราเห็นโดยพระเยซูคริสต์บนไม้กางเขน ณ บนเนินกัลวารีโอพระองค์ทรงมอบบาดแผลของพระองค์ให้กับพระบิดาซึ่งพวกเราจะได้รับการเยียวยารักษาก็โดยบาดแผลนี้เท่านั้น (เทียบ 1 ปต. 2: 24) สำหรับที่นี่ในประเทศอิรักยังมีพี่น้องชายหญิง กัลยาณมิตร และเพื่อนร่วมชาติอีกกี่คนที่ได้รับบาดแผลจากสงคราม และการใช้ความรุนแรง ทั้งเป็นบาดแผลที่ทั้งมองเห็นได้และมองเห็นไม่ได้ การล่อลวงคือการมีปฏิกิริยาตอบโต้ต่อบาดแผลเหล่านี้ และประสบการณ์อื่นๆ ด้วยอำนาจและความเฉลียวฉลาดของมนุษย์ ตรงกันข้ามพระเยซูคริสต์ทรงแสดงให้พวกเราเห็นถึงหนทางของพระเจ้า เป็นหนทางที่พระองค์ทรงดำเนิน เป็นหนทางที่พระองค์ทรงเรียกร้องให้พวกเราเดินตามพระองค์

        ในบทอ่านพระวรสารที่พวกเราเพิ่งได้ฟังมา (จาก ยน. 2: 13-25) พวกเราเห็นว่าพระเยซูคริสต์ทรงขับไล่คนแลกเงินพ่อค้าแม่ขายออกจากวิหารที่กรุงเยรูซาเล็มอย่างไร เหตุใดพระเยซูคริสต์จึงทำสิ่งที่รุนแรงที่สร้างความไม่พอใจให้ผู้คนเช่นนี้?  พระองค์ทรงกระทำดังกล่าวเพราะพระบิดาทรงส่งพระองค์มาชำระล้างวิหารให้สะอาด ไม่ใช่วิหารที่ทำด้วยอิฐด้วยปูน แต่ที่สำคัญคือวิหารแห่งดวงใจของพวกเรา พระเยซูคริสต์ไม่อาจทนที่เห็นบ้านของพระบิดากลายเป็นตลาดนัด (เทียบ ยน. 2: 16) และพระองค์ก็ไม่ทรงต้องการเห็นหัวใจของพวกเรากลายเป็นสถานที่แห่งความสับสนวุ่นวาย ไม่มีระเบียบ ยุ่งเหยิง หัวใจของพวกเราต้องได้รับการชำระให้สะอาด ต้องมีระเบียบ และบริสุทธิ์ จากสิ่งใดหรือ? จากความเท็จที่ทำให้หัวใจเปื้อนสกปรก จากการเป็นคนตีสองหน้าหน้าไหว้หลังหลอก พวกเราทุกคนมีสิ่งเหล่านี้ อันเป็นเชื้อโรคที่ทำร้ายหัวใจ ทำให้ชีวิตของพวกเรามัวหมอง และทำให้พวกเราเป็นคนที่ไม่มีความจริงใจ พวกเราจำเป็นต้องได้รับการชำระล้างจากสิ่งที่หลอกลวงเหล่านี้ ที่จะมาทำลายความเชื่อของพวกเราในพระเจ้าด้วยสิ่งที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไปหรือด้วยผลประโยชน์เพียงชั่วคราว พวกเราจำเป็นต้องทำให้การล่อลวงที่เป็นพิษแห่งอำนาจและเงินตราพ้นไปจากหัวใจของพวกเรา และจากพระศาสนจักร เพื่อที่จะชำระหัวใจของพวกเรา  พวกเราจำเป็นต้องทำให้มือของเราอันสกปรก หรือต้องรู้สึกรับผิดชอบไม่ใช่เพียงแค่ยืนมองในขณะที่พี่น้องของพวกเรากำลังเผชิญกับความทุกข์ พวกเราจะต้องชำระล้างหัวใจของพวกเราอย่างไร? ด้วยความพยายามของตัวเราอย่างเดียว พวกเราจะไม่สามารถกระทำได้เลย พวกเราต้องการพระเยซูคริสต์ พระองค์ทรงมีอำนาจที่จะเอาชนะความชั่วร้ายในตัวของพวกเราได้ พระองค์จะเยียวยารักษาโรคในตัวของพวกเรา  พระองค์จะสร้างวิหารในหัวใจองพวกเรา

        เพื่อแสดงให้เห็นและเป็นเครื่องหมายแห่งอำนาจของพระองค์พระเยซูคริสต์ทรงกล่าวต่อไปว่า “จงทำลายวิหารนี้ แล้วเราจะสร้างขึ้นมาใหม่ภายในสามวัน” (ข้อ 19) มีแต่เพียงพระเยซูคริสต์เท่านั้นที่สามารถลชำระล้างพวกเราจากผลร้ายแห่งความชั่วร้าย พระเยซูคริสต์ผู้สิ้นพระชนม์และเสด็จกลับคืนพระชนม์ชีพขึ้นมา และทรงเป็นพระเจ้า!  ลูก ๆ และพี่น้องชายหญิงที่รัก พระเจ้าจะไม่ทรงปล่อยให้พวกเราตายไปในบาป แม้พวกเราจะหันหลังให้กับพระองค์ พระองค์ก็จะยังไม่ปล่อยให้พวกเราเป็นไปตามชะตากรรมของพวกเรา พระองค์จะคอยตามหาพวกเรา วิ่งตามหาพวกเรา เรียกร้องให้พวกเราเสียใจในบาปและชำระล้างตัวเราให้พ้นจากมลทิน “เรามีชีวิตอยู่แน่ฉันใด พระยาห์เวห์องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส เราไม่ยินดีในความตายของคนชั่วร้าย แต่ยินดีในการกลับใจของคนชั่วร้ายที่ละทิ้งความประพฤติของตนและมีชีวิต” (อสค. 13: 11) พระเจ้าต้องการให้พวกเรารอดและกลายเป็นวิหารทรงชีวิตแห่งความรักของพระองค์ในภราดรภาพ ในการบริการรับใช้ และในความเมตตากรุณา

        พระเยซูคริสต์ไม่เพียงแต่จะชำระล้างพวกเราให้พ้นจากมลทินเท่านั้น แต่ยังทรงประทานให้พวกเรามีส่วนร่วมในอำนาจและปรีชาญาณของพระองค์เองด้วย พระองค์ทรงช่วยให้พวกเราเป็นไทจากความคิดแบบแคบๆ ที่ทำให้ครอบครัวแตกแยก ทำให้ความเชื่อระส่ำระสาย และทำให้ชุมชนขาดความเป็นมิตรกัน เกิดการต่อสู้กัน และไม่ยอมร่วมมือกัน เพื่อที่พวกเราจะสามารถสร้างพระศาสนจักรให้เป็นสังคมที่เปิดกว้างให้กับทุกคน และใส่ใจต่อบรรดาพี่น้องชายหญิงของพวกเราที่เผชิญกับความเดือดร้อน ในขณะเดียวกันพระองค์จะทรงประทานพละกำลังให้พวกเราต่อต้านกับการล่อลวงมุ่งที่จะแก้แค้นเอาชนะ ซึ่งนั่นจะทำให้พวกเราตกอยู่ในกงกำกงเกวียนแบบต่อต้านกันอย่างไม่รู้จักจบสิ้น ด้วยอำนาจของพระจิต พระองค์ทรงส่งพวกเราออกไปไม่ใช่เพื่อบังคับให้คนอื่นกลับใจ แต่ให้ออกไปในฐานะศิษย์ธรรมทูต ทั้งชายและหญิงถูกเรียกร้องให้เป็นประจักษ์พยานถึงอำนาจเปลี่ยนแปลงชีวิตของพระวรสาร พระเยซูคริสต์ผู้เสด็จกลับคืนพระชนม์ชีพ ทรงทำให้พวกเราเป็นเครื่องมือแห่งพระเมตตาและสันติสุขในพระเจ้า พระองค์ขอให้พวกเราเป็นศิลปินที่มีความอดทนและมีความกล้าหาญสำหรับระเบียบสังคมใหม่ ด้วยวิธีนี้โดยอาศัยอำนาจของพระเยซูคริสต์และพระจิต คำทำนายของอัครสาวกเปาโลถึงชาวโครินธ์จึงสำเร็จลุล่วงไป “เพราะความโง่เขลาของพระเจ้ายังฉลาดยิ่งกว่าปรีชาญาณของมนุษย์” (1 คร. 1: 25) ชุมชนคริสตชนที่กอปรด้วยประชากรเจริญชีวิตอย่างซื่อๆ เรียบง่ายและต่ำต้อยสุภาพถ่อมตนกลายเป็นเครื่องหมายแห่งพระอาณาจักรของพระองค์ เป็นอาณาจักรแห่งความรัก ความยุติธรรม และสันติสุข

        “จงทำลายวิหารนี้ แล้วเราจะสร้างขึ้นมาใหม่ภายในสามวัน” (ยน. 2: 19) พระเยซูคริสต์ทรงกล่าวถึงวิหารแห่งพระกายของพระองค์เอง รวมถึงพระศาสนจักรด้วย พระองค์ให้คำมั่นสัญญากับพวกเราว่า โดยอาศัยอำนาจแห่งการเสด็จกลับฟื้นคืนชีพพระองค์สามารถทำให้พวกเรา และชุมชนของพวกเราลุกขึ้นมาใหม่ได้จากความพังพินาศเพราะความอยุติธรรม การแบ่งแยก และความเกลียดชัง นั่นเป็นพันธสัญญาที่พวกเราทำการเฉลิมฉลองในศีลมหาสนิท  ด้วยสายตาแห่งความเชื่อพวกเรารับรู้อย่างดีถึงการประทับอยู่ของพระผู้ที่ถูกตรึงบนไม้กางเขน ทรงเสด็จกลับฟื้นคืนพระชนม์ชีพ และทรงประทับอยู่ท่ามกลางพวกเรา และพวกเราก็ได้เรียนรู้ที่จะรับปรีชาญาณแห่งการปลดให้พวกเราเป็นไทในพระองค์ เพื่อที่จะพำนักอยู่อยู่ในบาดแผลของพระองค์ เพื่อที่จะได้พบกับการเยียวยาและพละกำลังที่จะรับใช้การเสด็จมาถึงแห่งพระอาณาจักรยังโลกของพวกเรา โดยอาศัยบาดแผลของพระองค์เราจึงได้รับการเยียวยารักษา (เทียบ 1 ปต. 2: 24) ลูก ๆ และพี่น้องที่รัก ในบาดแผลเหล่านั้นพวกเราจะพบกับตัวยาแห่งความรักของพระองค์ เฉกเช่นชาวสะมาเรียผู้ใจดีพระองค์จะรักษาทุกบาดแผล ความทรงจำที่เจ็บปวด และจะทรงบันดาลให้มีอนาคตที่มีแต่เพียงสันติสุข และความเป็นพี่น้องกันในดินแดนภูมิภาคนี้

        พระศาสนจักรในประเทศอิรักพร้อมด้วยพระหรรษทานของพระเจ้าได้ทำสิ่งต่าง ๆ ไว้มากมายในการประกาศปรีชาญาณแห่งไม้กางเขนด้วยการเผยให้เห็นถึงพระเมตตาอันยิ่งใหญ่ และการให้อภัยของพระเยซูคริสต์โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ที่เผชิญความเดือดร้อนมากที่สุด แม้ท่ามกลางความยากจนและความทุกข์ยากแสนสาหัส หลายคนในพวกท่านก็ได้มอบความช่วยเหลือและความเอื้ออาทรด้วยใจกว้างต่อคนยากจนและคนที่เผชิญกับความทุกข์ นั่นเป็นเหตุผลประการหนึ่งที่ทำให้พ่อเดินทางมาในฐานะผู้จาริกแสวงบุญท่ามกลางพวกท่าน เพื่อที่จะขอบคุณและยืนยันกับพวกท่านในความเชื่อและการเป็นประจักษ์พยานชีวิต วันนี้พ่อมองเห็นได้ด้วยสายตาว่าพระศาสนจักรในประเทศอิรักยังคงมีชีวิตอยู่จริง พระเยซูคริสต์ยังคงมีชีวิตและกระทำการในประชากรผู้ศักดิ์สิทธิ์และสัตย์ซื่อของพระองค์

        ลูก ๆ และพี่น้องที่รัก พ่อขอมอบพวกท่าน ครอบครัวของท่านและชุมชนของท่านไว้ภายใต้การคุ้มครองของพระแม่มารีย์ผู้ซึ่งเป็นหนึ่งเดียวกันกับมหาทรมานและความตายแห่งพระบุตรของพระแม่ และพระแม่มีส่วนในความชื่นชมยินดีในการเสด็จกลับฟื้นพระชนม์ชีพของพระองค์ ขอพระแม่มารีย์ได้โปรดวิงวอนเพื่อพวกเราและนำพวกเราไปสู่พระเยซูคริสต์ในอำนาจและปรีชาญาณของพระเจ้าด้วยเทอญ

คำปราศรัยขอบคุณของพระสันตะปาปาฟรานซิส หลังจบพิธีบูชาขอบพระคุณ ณ เมืองอัรบีล(Erbil)

ข้าพเจ้าขอต้อนรับสมเด็จพระอัยกาเกวาร์กีส ที่ 3 (Mar Gewargis III) ประมุขคาทอลิกแห่งพระศาสนจักรอัสซีเรียนแห่งจารีตตะวันออก ผู้ทรงพำนักอยู่ในเมืองนี้และพระองค์ได้ให้เกียรติโดยมาร่วมในพิธี ด้วยมิตรไมตรีในสมณสงฆ์ พร้อมกับท่านข้าพเจ้าขอต้อนรับบรรดาคริสตชนของนิกายต่างๆ ซึ่งพวกเขาหลายคนได้หลั่งเลือดบนแผ่นดินนี้ ทว่าบรรดามรณะสักขีของพวกเราต่างก็ฉายรัศมีดุจดาวดาราในท้องนภาเดียวกัน  จากเบื้องบนนั้นพวกเขาเรียกร้องให้เราเดินไปด้วยกันโดยมิต้องรีรอสู่ความเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างสมบูรณ์

        ข้าพเจ้าขอขอบคุณอาร์ชบิชอปบาชาร์ มัตตี วาร์ดา (Bashar Matti warda) รวมทั้งบิชอปนาซาร์ ซีมาน (Nazar seaman) และบิชอปอีกหลายองค์ที่ทำงานอย่างหนักเพื่อการเดินทางของข้าพเจ้าครั้งนี้ ขอขอบคุณทุกคนที่ตระเตรียมและติดตามการเยือนของข้าพเจ้าด้วยคำภาวนาและให้การต้อนรับข้าพเจ้าอย่างอบอุ่น ข้าพเจ้าต้องขอบคุณประชากรชาวเคิร์ดเป็นพิเศษ ขอบใจเป็นอย่างยิ่งต่อเจ้าหน้าที่บ้านเมืองสำหรับความช่วยเหลืออันจะขาดเสียมิได้จากพวกเขา และขอขอบคุณทุกคนที่ร่วมมือกันในหนทางต่างๆ เพื่อทำให้กำหนดการเดินทางทั้งหมดในประเทศอิรัคซึ่งได้แก่เจ้าหน้าที่และอาสาสมัครทุกคน ขอขอบคุณทุกคนด้วยใจจริง

        ในช่วงเวลาที่ข้าพเจ้าอยู่กับพวกท่าน ข้าพเจ้าได้ยินเสียงร้องแห่งความเสียใจและการสูญเสีย ขณะเดียวกันก็ได้ยินเสียงแห่งความหวังและความบรรเทาด้วย นี่คงเป็นเพราะส่วนใหญ่แล้วความช่วยเหลือที่ไม่รู้จักหยุดหย่อนขององค์กรต่างๆ ที่เข้ามาช่วยเหลือประชากรของประเทศนี้เพื่อบูรณะประเทศ และสร้างสังคมขึ้นใหม่ งานนี้ต้องขอบคุณสมาชิกของ “ROACO” และหน่วยงานที่พวกเขาเป็นผู้แทน

        บัดนี้เวลาการเยือนดินแดนแห่งนี้ใกล้จะจบแล้ว ข้าพเจ้าต้องเดินทางกลับกรุงโรม ทว่าขอให้มั่นใจประเทศอิรักจะคงอยู่ในความทรงจำและในดวงใจของข้าพเจ้าเสมอ ขอให้ทุกคนร่วมใจกันทำงานอย่างเป็นเอกภาพเพื่ออนาคตที่จะมีแต่สันติสุขและความเจริญรุ่งเรืองโดยไม่ทิ้งใครไว้เบื้องหลัง และไม่มีการแบ่งชนชั้นกัน ขอให้มั่นใจได้ว่าข้าพเจ้าจะภาวนาสำหรับประเทศนี้ ข้าพเจ้าจะภาวนาให้เป็นพิเศษสำหรับบรรดาสมาชิกแห่งชุมชนศาสนาต่างๆ ซึ่งพร้อมกันกับชายหญิงผู้มีน้ำใจดีจะได้ช่วยกันทำงานเพื่อสานสายสัมพันธ์แห่งความเป็นพี่น้องกัน และความเอื้ออาทรต่อกันในการบริการรับใช้เพื่อความดีงาม คุณประโยชน์ส่วนรวมและเพื่อสันติสุขทั่วหน้ากัน ซาลาม ซาลาม ซาลาม (salam, salam, salam!) ชูกราน (Sukran) [ขอบคุณ] ขอพระเจ้าอวยพรทุกคน ขอพระเจ้าอวยพรประเทศอิรัก อัลลาห์ มา-อากุม (Allah ma’akum!) – พระเจ้าสถิตกับท่าน

(วิษณุ ธัญญอนันต์ – เก็บบทเทศน์ และคำปราศรัยขอบคุณของพระสันตะปาปามาแบ่งปันและไตร่ตรอง)