Skip to content

ข้อคิดข้อรำพึง พระวาจาพระเจ้า ของอาทิตย์ที่ 3 เทศกาลมหาพรต ปี B

“จงทำลายพระวิหารนี้ แล้วเราจะสร้างขึ้นใหม่ภายในสามวัน”

กาลครั้งหนึ่ง ณ ศาลาธรรมแห่งหนึ่งของชาวยิว มีการขายบัตรที่นั่งในวันสมโภชศักดิ์สิทธิ์เพื่อหาเงินเข้าการกุศล เมื่อถึงวันสมโภช ก็เผอิญมีเด็กชายคนหนึ่งมาที่ศาลาธรรมเพื่อตามหาพ่อของเขา แต่ผู้ที่เฝ้าตรงทางเข้าไม่ยอมให้เขาเข้าไปข้างใน เพราะไม่มีบัตร

“คุณครับ นี่เป็นเรื่องสำคัญมากนะครับ” เด็กคนนั้นบอก “ใครๆ ก็พูดอย่างนี้ทั้งนั้น” ชายที่เฝ้าประตูตอบกลับมา และยังยืนขวางประตูอยู่ เด็กหนุ่มรู้สึกหมดหวัง แต่ก็ยังร้องขออีก “คุณครับ ให้ผมเข้าไปข้างในหน่อยเถิด นี่เป็นเรื่องคอขาดบาดตายนะครับ ผมขอเข้าไป 2-3 นาที เท่านั้นแหละครับ”

เมื่อทนรบเร้าไม่ไหว คนเปิดประตูก็ยอม แต่พูดว่า “โอเค ถ้ามันจำเป็นเช่นนั้นจริง แต่อย่าให้ฉันจับได้นะว่าเจ้าแอบเข้าไปภาวนา”

ในพระวรสารของวันนี้ เล่าเรื่องที่พระเยซูเจ้าเสด็จขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม ไปที่พระวิหาร ก็พบบริเวณพระวิหารกลายเป็นห้างสรรพสินค้า มีพ่อค้าขายวัว ขายแกะ ขายนกพิราบ จึงมีทั้งคนทั้งสัตว์มากมาย วุ่นวายไปหมด ยังพบคนแลกเงินนั่งอยู่ที่โต๊ะอีกเป็นจำนวนมาก คนเหล่านี้ก็กำลังค้าขาย ต่อรองราคา โก่งราคา กำลังทำมาหากินอย่างบ้าเลือดในพระวิหารของพระเจ้า บรรยากาศและความศรัทธา ความสงบเงียบที่เหมาะสำหรับภาวนาไม่มีเลย

พระเยซูเจ้าทรงเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดเหล่านี้แล้วมิสามารถอดกลั้นไว้ได้ ทรงขับไล่ทุกคนรวมทั้งสัตว์ออกไปจากพระวิหาร ทรงปัดเงินกระจายเกลื่อนกลาด และทรงคว่ำโต๊ะของผู้แลกเงิน ทรงประกาศก้องว่า “อย่าทำบ้านของพระบิดาของเราให้เป็นตลาด”

อันที่จริง เรื่องที่พระเยซูเจ้าทรงขับไล่พ่อค้าออกจากบริเวณพระวิหารนั้น ผู้นิพนธ์พระวรสารทั้งสี่องค์ต่างก็เขียนถึง แต่ของสามท่านแรกที่เขียนในทำนองเดียวกัน คือ นักบุญมาระโก นักบุญมัทธิว และนักบุญลูกา บอกว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นก่อนที่พระเยซูเจ้าจะทรงถูกจับไปประหารชีวิต แต่พระวรสารของนักบุญยอห์นที่เรานำมาพูดในวันนี้ ลำดับเหตุการณ์ว่าเกิดขึ้นตั้งแต่แรกๆ ที่เริ่มประกาศเทศนาข่าวดีเลยทีเดียว จะว่านักบุญยอห์น แปลกก็ไม่เชิง โดยเฉพาะพระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญยอห์นสี่บทแรกนั้น มีแก่นแท้ของเรื่องอยู่ที่ “การเข้ามาแทนที่ (ของเดิม)” แล้วเรื่องการชำระพระวิหารของยอห์นอยู่ในบทที่ 2 (ถ้าอยากรู้ว่าสี่บทแรกของยอห์นพูดเรื่องอะไรบ้าง อะไรเป็นเรื่องเก่าและจะมีการแทนที่ด้วยอะไร ขอให้ไปอ่านพระวรสารของยอห์นดู) และเรื่องนี้ยอห์นต้องการจะพูดถึงพระวิหารเก่าซึ่งจะถูกทำลายลง และจะถูกแทนที่ด้วยพระวิหารซึ่งพระองค์ตรัสหมายถึงพระวรกายของพระองค์ “จงทำลายพระวิหารนี้ แล้วเราจะสร้างขึ้นใหม่ในสามวัน” คำตรัสนี้ชาวยิวในขณะนั้นไม่เข้าใจ พากันคิดตามตัวอักษร จึงไม่เข้าใจว่าพระวิหารของเขาที่สร้างมาตั้ง 46ปี และยังกำลังสร้างต่อ แต่พระเยซูเจ้าจะทรงใช้เวลาเพียงแค่ 3 วัน ได้อย่างไรกัน ไม่มีทางเป็นไปได้เลย แต่เหตุการณ์จริงทั้งในประวัติศาสตร์และในประวัติศาสตร์แห่งความรอดก็เกิดขึ้นจริง คือชาวยิวได้ประหารพระเยซูเจ้า (ทำลายพระวิหาร) แต่พระองค์ทรงกลับฟื้นคืนพระชนมชีพในวันที่สาม (ทรงสร้างขึ้นมาแทนที่ใหม่) ตัวพระวิหารจริงๆ ก็ถูกทำลายลงโดยชาวโรมันต่อจากนั้นไม่นาน อย่างไรก็ดี นักบุญยอห์นยังรายงานต่อไปว่า ขณะที่พระองค์ประทับที่กรุงเยรูซาเล็มในเทศกาลปัสกา คนจำนวนมากเชื่อในพระนามของพระองค์ ขอให้เราเป็นหนึ่งในผู้ที่มีความเชื่อในพระองค์อย่างมั่นคง ความเชื่อที่เป็นของประทานที่ให้เราเปล่าๆ โดยองค์พระผู้เป็นเจ้า ความเชื่อเช่นนี้ ชาวยิวรับไว้ไม่ได้ เพราะเขาขอเห็นอัศจรรย์ยืนยัน แต่กลับเห็นพระคริสต์ผู้ถูกตรึงอยู่บนไม้กางเขน ความเชื่อนี้ที่ชาวกรีกรับไว้ไม่ได้ เพราะถือว่าเป็นเรื่องโง่เขลา ไม่สอดคล้องกับความปรีชาฉลาดตามประสาโลกที่เขาแสวงหา นักบุญเปาโลกลับบอกว่า แต่สำหรับผู้ที่พระเจ้าทรงเรียกนั้น พระคริสตเจ้าทรงเป็นทั้งพระอานุภาพและพระปรีชาญาณของพระเจ้า จงมั่นใจในความเชื่อของเราเถิดครับ เพราะพื้นฐานของศาสนาคริสต์วางอยู่บนไม้กางเขน

(คุณพ่อ วิชา หิรัญญการ เขียนลงสารวัดนักบุญยอแซฟ อยุธยา อาทิตย์ที่ 11 มีนาคม ค.ศ. 2012
Based on : John’s Homilies, Cycle – B ; by John Rose)

ข้อคิดข้อรำพึง พระวาจาพระเจ้า ของอาทิตย์ที่ 3 เทศกาลมหาพรต ปี B

พระวรสารของนักบุญยอห์นประจำอาทิตย์ที่สามในเทศกาลมหาพรตนี้ พูดถึงเรื่อง ศูนย์การค้าในบริเวณพระวิหาร

พระวิหารที่เคยเป็นจุดศูนย์กลางของชีวิตของชาวยิว เป็นที่มานมัสการพระเจ้า โดยเฉพาะที่นั่นเป็นที่ถวายสัตวบูชา เครื่องเผาบูชาแด่พระเจ้า เพื่อชดเชยบาปของมนุษย์ ดังนั้น นอกจากมีคนมากมายแล้ว ก็ยังมีสัตว์ต่างๆ อีกมากมาย ทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ และที่ตายแล้ว บัดนี้จึงกลายเป็นเหมือนตลาดสดที่บดบังความหมายที่แท้จริงจนหมดสิ้น

ในช่วงเทศกาลปัสกา พระเยซูเจ้าเสด็จขึ้นไปกรุงเยรูซาเล็ม ทรงพบว่าในบริเวณพระวิหารเต็มไปด้วยพ่อค้าขายวัว พ่อค้าขายแกะ พ่อค้าขายนกพิราบ และคนแลกเงินนั่งอยู่ที่โต๊ะ และโดยไม่มีใครคาดคิด พระองค์ทรงใช้เชือกทำเป็นแส้ ทรงขับไล่ทั้งคนและสัตว์ที่ทำการซื้อขายกันออกจากพระวิหาร ทรงปัดเงินตกกระจายเกลื่อนกลาด ทรงกล่าวอย่างกล้าหาญว่า “จงนำของเหล่านี้ออกไป อย่าทำบ้านของพระบิดาของเราให้เป็นตลาด”

การชำระพระวิหารแสดงถึงความเป็นผู้มีอำนาจของพระองค์ เจ้าหน้าที่ทางศาสนายิวและเจ้าหน้าที่ชั้นสูงเข้าใจทันทีว่าพระองค์ทรงทำเช่นนี้แสดงว่าพระองค์ทรงอวดอ้างว่าเป็นพระเมสสิยาห์ เขาจึงตั้งคำถามกับพระองค์ทันทีว่า “ท่านมีเครื่องหมายอะไรแสดงให้เรารู้ว่าท่านมีอำนาจทำดังนี้”

ก่อนเริ่มพระภารกิจ ในถิ่นทุรกันดาร ปีศาจมาผจญพระเยซูเจ้า ขอให้พระองค์ทรงทำอัศจรรย์หรือแสดงเครื่องหมายที่มีอำนาจ บัดนี้ก็พวกชาวยิว นักบุญเปาโลบอกไว้ในบทอ่านที่สองของอาทิตย์นี้ว่า “ขณะที่ชาวยิวเรียกร้องขอดูอัศจรรย์ และชาวกรีกแสวงหาปรีชาญาณ เรากลับประกาศเรื่องพระคริสตเจ้าผู้ทรงถูกตรึงกางเขน” บางครั้งหรือบ่อย ๆ เราก็ถูกปีศาจผจญให้เราขอพระองค์ทรงสำแดงอัศจรรย์เพื่อเราเหมือนกัน แต่อัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดพระองค์ได้ทรงแสดงให้เห็นแล้ว แต่พวกยิวไม่เชื่อและไม่คิดว่าเป็นอัศจรรย์และบางทีความคิดของเราก็ไม่ได้ก้าวข้ามความคิดแบบพวกยิวด้วยเช่นเดียวกัน

อัศจรรย์นั้นมีนัยว่าดังนี้ พระเยซูเจ้าตรัส “จงทำลายพระวิหารนี้ แล้วเราจะสร้างขึ้นใหม่ในสามวัน” ชาวยิว ณ ที่นั้นกลับไปคิดถึงตัวพระวิหารที่ใช้เวลาสร้างนานถึง 46 ปี และก็ไม่เชื่อว่าจะทรงทำได้ภายในสามวัน หากแต่แท้จริงแล้วทรงหมายถึงพระองค์เอง ทรงทำนายล่วงหน้าถึงการกลับฟื้นคืนพระชนมชีพของพระองค์ ซึ่งเป็นเอกอัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

และเหตุการณ์นี้ก็เกิดขึ้นจริงในประวัติศาสตร์แห่งความรอด พวกยิวนั่นแหละ ได้ร่วมกันทำลายพระวิหารนี้เสีย โดยจับพระเยซูเจ้าไปประหารชีวิต แต่แล้วพระองค์ทรงกลับคืนพระชนมชีพในวันที่สาม

สรุปว่า พระคัมภีร์ได้ทำนายล่วงหน้าว่าการชำระล้างพระวิหารจะนำความตายมาสู่พระองค์ จากหนังสือบทสดุดีเขียนไว้ดังนี้ “เพราะความกระตือรือร้นที่ข้าพเจ้ามีต่อบ้านของพระองค์ เป็นเสมือนไฟที่เผาผลาญข้าพเจ้า คำสบประมาทที่เขามุ่งร้ายพระองค์ตกอยู่เหนือข้าพเจ้า” (สดด.69:9) และ พระเยซูเจ้าทรงบอกล่วงหน้าว่าความตายของพระองค์จะนำไปสู่การกลับฟื้นคืนพระชนมชีพ เราทราบดีว่าถ้อยคำเหล่านี้สำเร็จเป็นจริงไปแล้ว เราจงเชื่อพระคัมภีร์และเชื่อทุกถ้อยคำขององค์พระเยซูเจ้า

( คุณพ่อ วิชา หิรัญญการ เขียนลงสารวัดพระกุมารเยซู เมื่อปี ค.ศ. 2009 )