เฮลิคอปเตอร์ตกทำให้ทหารคนหนึ่งกลับมาสู่ความเชื่อ
พลทหาร ดิลเลียน บีตสัน หนุ่มชาวออสเตรเลีย อายุประมาณ 20 ปี ประกาศตนไม่เชื่อพระเจ้าพูดดูหมิ่นศาสนา แต่เมื่อเฮลิคอปเตอร์ตก ขณะฝึกซ้อมในตะวันออกกลาง เขากลับร้องขอพระเจ้าให้ช่วย
เขาให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว EWTN (21 มกราคม 2021) “มันน่าขำที่ มันทั้งรวดเร็ว และช้า ในเวลาเดียวกัน”
“ผมกำลังจับยึดบางสิ่ง เมื่อเราปะทะลงทางด้านซ้าย เครื่องเฮลิคอปเตอร์พุ่งลงทราย มันยังคงเคลื่อนไปข้างหน้า ผลักผมไปในทราย ใบพัดยังคงหมุนอยู่ เสียงดังมากอย่างเหลือเชื่อ ผมคิดว่า ผมต้องจบชีวิต… ผมได้ร้องเรียกพระเจ้าว่า “พระเจ้า อย่าให้ผมตายเลย”
ขณะนั้นพลทหารบีตสัน เป็นหน่วยวิทยุในกองทหารออสเตรเลีย เขาประหลาดใจที่ เขาภาวนาออกมาแบบธรรมชาติ
“ตอนนั้น ผมสับสน…เพราะผมไม่เชื่อในพระเจ้า คิดว่าเป็นเพียงนิยาย เหตุการณ์นี้จึงทำให้ใจผมเริ่มแสวงหา” เพื่อนทหารคนหนึ่งได้เสียชีวิตในเหตุการณ์นี้ แต่บีตสันไม่ได้รับบาดแผลอะไรเลย ทำให้เขาใช้เวลาหนึ่งปี แสวงหาความหมายของชีวิต
“ผมได้รับศีลล้างบาปเป็นคาทอลิก เรียนชั้นประถมในโรงเรียนคาทอลิก แต่ก็ไม่ศรัทธามากนัก รู้จักพระเจ้า และพระเยซูเจ้าเล็กน้อยมาก เมื่อสำเร็จชั้นมัธยมในออสเตรเลีย ก็เหมือนหนุ่มสาวหลายคน “ไม่สนใจศาสนา” ไม่ขึ้นกับนิกายศาสนาใดๆ วันเสาร์-อาทิตย์ ก็ “ดื่มเหล้า” ปาร์ตี้ เมื่อพูดถึงศาสนา ก็ถือเป็นเรื่องตลก ชอบดูหมิ่นคนที่ศรัทธา ชอบโจมตีสถาบันศาสนา
พลทหารบีตสันได้ตัดสินใจกลับมาร่วมมิสซา… เมื่อเขาเฉียดตาย เขาสมัครเรียนคริสตศาสนธรรมร่วมพิธีรับผู้ใหญ่เป็นคริสตชน (RCIA) และได้รับศีลกำลังในพระศาสนจักรคาทอลิก เดือนสิงหาคม 2019
“ผมไปร่วมมิสซาภาษาละติน ไม่รู้เลยว่ายังมีมิสซาละติน… ผมชอบ.. ผมรู้สึกขาดอะไรไปในวัยเด็ก ทำให้มิได้เติบโตในความรักพระคริสตเจ้า ขาดคำสอน และศีลธรรมในวัยรุ่น”
บัดนี้พลทหารบีตสันเป็นคาทอลิกที่ปฏิบัติศาสนา “ความเชื่อเป็นขุมทรัพย์” ที่เขาต้องการแบ่งปันแก่คนอื่น
“บัดนี้ชีวิตของผมเปลี่ยนไป เพราะผมไม่แค่ดำเนินชีวิตเพื่อตนเองอีกต่อไป ผมกำลังพยายาม… ผิดพลาดก็หลายครั้ง… แต่ผมกำลังพยายามดำเนินชีวิตเพื่อพระคริสตเจ้า ผมกำลังพยายามรู้จักพระองค์มากยิ่งขึ้น... ยอมรับความรักของพระองค์ ให้ส่องสว่างในตัวผม ผมรู้สึกได้ถึง สันติสุข”
“วัฒนธรรมในปัจจุบัน เป็นพิเศษหนุ่มสาว เราถูกเลี้ยงดูด้วยการโกหกมากมายเกี่ยวกับว่าวัยรุ่นควรเป็นอะไร ที่จริงแบบอย่างล่ำเลิศสำหรับมนุษย์ คือพระเยซูเจ้า เป็นความรู้สึกเหลือเชื่อ และความรักที่เหลือเชื่อ ความรักและพระหรรษทานของพระองค์ได้เปลี่ยนชีวิตของผม และก็สามารถเปลี่ยนชีวิตของคุณได้เช่นกัน” “ประโยชน์ล้ำค่าคือการรู้จักพระคริสตเยซู” (ฟป 3:8)
(ฟ.วีระ อาภรณ์รัตน์ แปล )