Skip to content
การพบปะระหว่างมารีอา โวเช (Maria Voce) และอีหม่าม ไฟซาล อับดุล ราอูฟ (Imam Feisal Abdul Rauf)

โควิด19 – สาส์นแห่งความรักจากผู้นำศาสนาต่อสถานการณ์โรคระบาด

สถาบันการเสวนาระหว่างศาสนาเอลียาห์ (Elijah Interfaith)

วันที่ 2 กรกฎาคม 2020

ต่อไปนี้เป็นสาส์นให้กำลังใจเกี่ยวกับ “โรคระบาดไวรัสโคโรนา” ซึ่งนำผู้นำศาสนา 40 ท่านจากทั่วโลกมาไตร่ตรองถึงการท้าทายฝ่ายจิตวิญญาณที่เกิดขึ้นเนื่องจากโควิด-19  รวมถึง “ความคิดเห็นจากศูนย์กลางพระศาสนจักร ณ กรุงโรม” ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส และจากผู้นำศาสนายิว รับไบ ฟิการ์โด ดิ เซญี่ (Rabbi Ficardo Di Segni) ในสถานการณ์ที่โลกของเรากำลังเผชิญอยู่นี้ ทำให้พวกเราเห็นถึงความคิดเห็นของคริสตชนรวม และเห็นถึงการเชื่อมโยงกันกับความคิดเห็นที่สำคัญของพี่น้องชาวมุสลิม

        มารีอา โวเช (Maria Voce) ประธานของกระบวนการโฟโกลาเร ซึ่งเป็นกระบวนการขับเคลื่อนของฆราวาสคาทอลิกนี้มีอยู่ทั่วโลก และได้รับแรงบันดาลใจเบื้องต้นจากการรับรู้ถึงความรักของพระเจ้าในฐานะที่เป็นสิ่งตรงข้ามต่อชีวิตพลเรือนที่แตกสลายในเวลาที่เกิดสงคราม แก่นของเจตนารมย์คือวิสัยทัศน์แห่งความเป็นเอกภาพและภราดรภาพของมนุษยชาติ และเป็นเรื่องน่าสนใจที่จะเชื่อมโยงสาส์นของพระศาสนจักรกับสาส์นของอีหม่าม ไฟซาล อับดุล ราอูฟ (Imam Feisal Abdul Rauf) ซึ่งเป็นนักแต่งซูล์ฟี (Sulfi) ที่มีชื่อเสียงและเป็นนักกิจกรรมที่แสวงหาด้วยวิธีของตนเอง เพื่อที่จะรับรู้ถึงวิสัยทัศน์แห่งความเป็นเอกภาพของสังคมทั่วไป และระหว่างศาสนาต่างๆ ในทัศนวิสัยของทั้งสองฝ่าย พวกเราสามารถเรียนรู้ถึงการทำงานที่มีพื้นฐานร่วมกันในชีวิตฝ่ายจิตและชีวิตแห่งความรัก

        สำหรับมารีอา โวเช (Maria Voce) เธอยึดถือเรื่องของความรัก อันเป็นแก่นที่ผลักดันการทำงานของเธอและองค์กรของเธอ การตัดสินใจของเธอในช่วงที่เกิดโรคระบาดโควิด-19 เกิดขึ้น เพราะหลักการแห่งความรักในความสว่างที่เธอแสวงหา เพื่อถ่ายทอดไปยังประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากที่ได้รับจากการตัดสินใจของเธอ  ความรักยังเป็นพลังฝ่ายจิต ซึ่งแต่ละบุคคลสามารถที่จะเผชิญกับการท้าทายที่เกิดจากสถานการณ์โควิด19 ในการสัมภาษณ์กับผู้นำ ได้มีการตั้งคำถามว่าพวกเราจะเผชิญกับความหวาดกลัวและการตื่นตระหนกนี้อย่างไร โดยอาศัยการแนะนำของเคียร่า ลูบิค (Chiara Lubich) ผู้สถาปนาคณะโฟโกลาเร  มารีอา โวเชหันกลับไปไตร่ตรองคำสอนขั้นพื้นฐานที่สอนว่า ในที่สุดมีแต่เพียงความรักเท่านั้นที่จะขจัดความหวาดกลัวให้หมดสิ้นได้ ความรักเปรียบได้กับความรักของมารดา  ความรักของมารดาต่อเหล่าลูกนั้นทำให้เธอกล้าหาญที่จะรับมือกับเหตุการณ์เลวร้ายใหญ่ๆ  แม้ว่าจะมีความกลัวในหัวใจ การจำกัดเขตกักกัน ปิดเมือง ปิดประเทศ ในช่วงโควิด19 ระบาดถูกมองด้วยแว่นขยายแห่งความรัก การที่ต้องดำเนินชีวิตในสถานที่ปิด การท้าทายที่ตามมากลายเป็นโอกาส และการเชื้อเชิญให้ปฏิบัติความรัก ความรักควรเป็นสื่งที่สร้างสรรค์  ขอให้ความรักนำเสนอหนทางไม่ใช่ร้อยแต่นับพันโอกาส ที่พวกเราจะไปอยู่ที่นั่นเพื่อผู้อื่นไม่ว่าจะใกล้หรือไกล อีกทั้งใช้เทคนิคทุกอย่างที่พวกเรามี  ปัญหาต่างๆอาจเกิดขึ้นได้ในอนาคตแม้ว่าโรคระบาดจะยุติไปแล้ว พวกเราต้องเผชิญกับปัญหาเหล่านี้ด้วยความเชื่อว่ามีใครบางคนที่นำประวัติศาสตร์ให้เดินไปข้างหน้าเพื่อคุณประโยชน์ของพวกเรา ใครบางคนนี้คือพระเจ้าผู้เป็นองค์แห่งความรัก ผู้ทรงรักทุกคนและผู้ที่ไม่สามารถละเลย แต่ที่จะนำเอาความดีเข้ามาจากสถานการณ์เหล่านี้ เป็นที่ชัดเจนว่าทัศนวิสัยของคริสตชนเกี่ยวกับพระเจ้าในฐานะเป็นองค์แห่งความรักจึงเป็นพื้นฐานแห่งการเป็นศูนย์กลางแห่งความรัก ในฐานะที่เป็นแก่นแห่งสาส์นของเธอ และเป็นหลักการพื้นฐานในการเผชิญกับการท้าทายต่างๆไม่ว่าจะเป็นโรคระบาดโควิด19 หรือปัญหาอื่นๆ ความรักยังเป็นพื้นฐานแห่งความหวัง วิสัยทัศน์ของเธอโดยพื้นฐานแล้วจะมองโลกในทางบวก การมองโลกในเชิงบวกนี้เกิดจากความเชื่อในความรักของพระเจ้า พระเจ้าทรงรักสิ่งสร้างทั้งมวล สรรพสิ่ง สรรพสัตว์ของพระองค์และทุกคน เพราะพระเจ้าเป็นองค์แห่งความรัก ดังนั้นประเด็นนี้จึงกลายเป็นพื้นฐานนำสู่วิสัยทัศน์แห่งชีวิต ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งแห่งความหวัง  ขณะที่พวกเรายังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ พวกเราต้องดำเนินชีวิตในความรัก เพื่อว่าพวกเราจะได้สามารถมอบสาส์นแห่งความรักไว้ให้กับชาวโลกซึ่งจะต้องดำเนินต่อไปตราบจนนิรันดร์

        หากความรักเป็นศูนย์กลางแห่งสาส์นสำหรับมารีอา โวเช นั่นก็ยังเป็นสาส์นสำคัญที่เป็นเสียงของอีหม่าม ไฟซาล อับดุล ราอูฟ (Imam Abdul Rauf) ด้วย  สาส์นของ ท่านราอูฟ พูดเกี่ยวกับความพยายามที่จะให้ได้มาซึ่งวิสัยทัศน์แห่งความจริงในสายพระเนตรของพระเจ้า สิ่งที่ท่านเรียกว่าเป็นความคิดที่นำเอาพระเจ้าเป็นศูนย์กลางชีวิต นี่ก้าวไกลถึงแก่นของการให้คำนิยามกับความเป็นอัตลักษณ์ของตนเอง  พวกเราจำเป็นต้องค้นหาส่วนที่ถาวรแท้จริงแห่งอัตลักษณ์ของตนเองเกี่ยวกับภาพลักษณ์และการหายใจของพระเจ้าในตัวเรา ความจริงเราทุกคนล้วนเป็นหนึ่งเดียวกัน แรงผลักดันเพื่อสร้างความเป็นเอกภาพที่เป็นการแสวงหาของสมาชิกคณะโฟโกลาเร ซึ่งได้รับการยืนยัน ณ ที่นี้เฉกเช่นที่เป็นหลักการอยู่ในพื้นฐานที่มีความสำคัญที่สุดในศาสนาอิสลาม ซึ่งมีความสำคัญมากกว่าสิ่งใด – นั่นคือความเป็นเอกภาพของพระเจ้า ในทางกลับกันนี่เป็นการนำอีหม่ามอับดุล ราอูฟ (Abdul Rauf) ให้มีความรัก เมื่ออ้างถึงพระเยซูคริสต์อีหม่ามราอูฟ พูดถึงพระบัญญัตืที่ยิ่งใหญ่สองประการ กล่าวคือรักพระเจ้าและรักเพื่อนมนุษย์ รักพระเจ้าและรักเพื่อนบ้านขึ้นอยู่กับการรักตนเอง ความรักที่ยิ่งใหญ่กว่าความรักใดๆคือความรักของพระเจ้าต่อพระองค์เอง พระองค์ทรงสร้างพวกเรามาในฐานะที่เป็นการแสดงออกถึงความรักตนเองของพระองค์ ท่านรักพระเจ้าด้วยการรักผู้อื่นพร้อมกับรักสิ่งสร้าง ไวรัสโคโรนากำลังทดสอบความสามารถว่าพวกเรารักกันและกันไหม  เมื่อท่านรักพระเจ้าท่านก็รักความสันโดษด้วย ซึ่งในตัวมันเองเป็นผลที่มาจากไวรัสโคโรนา  ดังนั้นพวกเราจึงเดินไปในสองหนทาง –รักพระเจ้าในความสันโดษ และรักผู้อื่นในพฤติกรรมและการกระทำที่ดี เฉกเช่นมารีอา โวเช และ อับดุล ณาอูฟ ซึ่งถือว่างานของผู้มีอาชีพในการดูแลรักษาพยาบาลเป็นการแสดงออกถึงความรัก ไม่ว่าจะในความสันโดษ ในการพิศเพ่ง ในการกระทำ และในการรับใช้ ทุกคนในชุมชนแสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ร่วมกันแห่งความรักในการแสดงออกที่น่าสนใจสองประการนี้ – รักพระเจ้าและรักผู้อื่น

บทความ โดย Alon Goshen-Gottstein, ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการเสวนาระหว่างศาสนา

(วิษณุ ธัญญอนันต์ – เก็บบทความนี้มาแบ่งปัน)