Skip to content

สภาพระสังฆราชคาทอลิกแห่งประเทศไทย
แถลงการณ์นโยบายมาตรฐานในการปกป้องคุ้มครองเด็ก/ผู้เยาว์

1. สมาชิกทุกท่านของสภาพระสังฆราชคาทอลิกแห่งประเทศไทยตระหนักและเคารพในศักดิ์ศรีและสิทธิของเด็ก/ผู้เยาว์ กล่าวคือผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีและพร้อมที่จะสร้างหลักประกันให้พวกเขามีความปลอดภัยและชีวิตที่ดี สมาชิกทุกท่านของสภาพระสังฆราชฯ และผู้ร่วมงานในแต่ละสังฆมณฑลรวมทั้งคณะนักบวชชายหญิงแต่ละคณะในประเทศไทยมีหน้าที่ต้องสร้าง หลักประกันว่าสิทธิขั้นพื้นฐานของเด็ก/ผู้เยาว์ และคนผู้ไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถ ต้องได้รับความยินยอมจากผู้อนุบาลหรือผู้พิทักษ์ (VULNERABLE PERSONS)*
เช่นคนพิการทุกประเภท จะต้องได้รับความเคารพ

2. ในหน่วยงานฝ่ายต่างๆ ที่สังกัดภายใต้สภาพระสังฆราชฯ และในองค์กรต่างๆของแต่ละสังฆมณฑลรวมถึงคณะนักบวชชายหญิงตระหนักและยืนยันว่าเด็กผู้เยาว์แต่ละคนควรได้รับ ความรักและเมตตาดุจของขวัญจากพระเจ้าซึ่งเด็ก/ผู้เยาว์เหล่านั้นมีสิทธิตามธรรมชาติในศักดิ์ศรีซึ่งจะต้องได้รับความเคารพ ได้รับการหล่อเลี้ยง และได้รับการปกป้องคุ้มครองจาก
ทุกคน

3. สภาพระสังฆราชคาทอลิกฯ และสังฆมณฑลทุกเขตปกครอง รวมทั้งคณะนักบวชชาย-หญิงทุกคณะพร้อมที่จะทําทุกอย่างเพื่อสร้างสรรค์สภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยในการทําพันธกิจของตนที่นํามาซึ่งสวัสดิภาพของเด็ก/ผู้เยาว์ ตลอดจนคนผู้ไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถฯ ซึ่งอยู่ในสภาวะล่อแหลมอันอาจจะได้รับอันตราย

4. สําหรับผู้ที่ดูแลเด็ก/ผู้เยาว์ขั้นประถมวัยในแต่ละสังฆมณทล สภาพระสังฆราชคาทอลิกฯ สนับสนุนและให้คุณค่าการมีส่วนร่วมของเด็ก/ผู้เยาว์ในการร่วมศาสนพิธีและกิจกรรมต่างๆ ที่จะเอื้อต่อการพัฒนาชีวิตฝ่ายจิต สังคม อารมณ์ และสติปัญญาของพวกเขา

5. ณ ศาสนสถาน สถาบันการศึกษา อันได้แก่วัด โรงเรียน สถานสังคมสงเคราะห์ ศูนย์เด็กเยาวชนคาทอลิก และ สถานที่อํานวยความสะดวกฝ่ายสังคมต่างๆซึ่งเป็นพันธกิจในประเทศไทย สภาพระสังฆราชฯ ขอร้องให้ใส่ใจเป็นพิเศษต่องานอภิบาลและสวัสดิการของเด็กและผู้เยาว์ที่อยู่ภายใต้การแนะนําดูแลของพวกท่าน

6. นโยบายมาตรฐานฉบับนี้ยึดมั่นอยู่กับหลักการและเอกสารที่เกี่ยวข้องต่างๆของพระศาสนจักร ทั้งจากสันตะสํานักและจากผู้รับผิดชอบและมีอํานาจการตัดสินใจในพระศาสนจักรท้องถิ่น รวมถึงข้อกฎหมายและข้อแนะนําแนวทางปฏิบัติต่างๆของเจ้าหน้าที่ฝ่ายบ้านเมือง และขณะเดียวกันก็ตื่นตัวอยู่เสมอกับสภาวะการเปลี่ยนแปลงต่างๆ เหล่านั้น

7. สภาพระสังฆราชคาทอลิกฯ และพระศาสนจักรท้องถิ่นในประเทศไทยตั้งใจที่จะปฏิบัติในเชิงรูปธรรม ดังนี้

7.1 ต้องพยายามอย่างที่สุดที่จะสร้างหลักประกันว่าเด็ก/ผู้เยาว์ และตลอดจน คนผู้ไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถฯ ซึ่งอยู่ในสภาวะเสี่ยงอันจะได้รับอันตรายต้องได้รับการเอาใจใส่เป็นอันดับแรกและได้รับการปฏิบัติด้วยความเคารพโดยให้สิทธิของพวก เขาได้รับการปกป้องคุ้มครองและสวัสดิการของพวกเขาได้รับการส่งเสริม

7.2 ต้องลดความเสี่ยงให้เหลือน้อยที่สุดเพื่อปกป้องคุ้มครองผลประโยชน์ของเด็ก/ผู้เยาว์และตลอดจนคนผู้ไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถฯ ซึ่งอยู่ในสภาวะล่อแหลมอันอาจจะได้รับอันตราย

7.3 ต้องสร้างหลักประกันว่าสมาชิกทุกคนของสภาพระสังฆราชคาทอลิกฯ และ ผู้ร่วมงานในสังฆมณฑลต่างๆ รวมทั้งนักบวชชาย-หญิงทุกคณะ จะได้รับการตรวจสอบ การรับสมัครเข้าทํางาน คัดเลือก อบรม สนับสนุน และมีการควบคุมดูแลด้วยความเอาใจใส่

7.4 ต้องให้การเอาใจใส่ดูแลอย่างเหมาะสมต่อเหยื่อที่ถูกล่วงละเมิดทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทางเพศ ทางร่างกาย ทางอารมณ์ หรือจากการถูกปล่อยปละละเลย

7.5 ต้องให้การอบรมที่เหมาะสมสําหรับสมาชิกและเพื่อนร่วมงานทุกคนในองค์การ

7.6 ต้องทํางานแบบมีส่วนร่วมกับเจ้าหน้าที่ผู้มีอํานาจเกี่ยวข้องเพื่อจัดการกับข้อกล่าวหาต่างๆอย่างรวดเร็ว ชอบธรรม และอย่างมีประสิทธิผล โดยเฉพาะปฏิบัติตามกระบวนการสอบสวนซึ่งสอดคล้องกับประมวลกฎหมายพระศาสนจักร ในมาตรา 1717-1719 และ มาตรา 695 รวมทั้งข้อปฏิบัติที่ออกโดยสันตะสํานัก

7.7 ต้องทําให้นโยบายมาตรฐานนี้เป็นที่รับรู้อย่างกว้างขวาง เข้าถึงภาคปฏิบัติได้ เข้าใจกันดีในสาระ และนําไปใช้ในกระบวนการและการดําเนินคดีซึ่งจะช่วยทําให้เด็ก/ผู้เยาว์ และตลอดจนคนผู้ไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถซึ่งอยู่ในสภาวะเสี่ยงอัน อาจจะได้รับอันตราย มีความปลอดภัยซึ่งเรามีความเกี่ยวข้องในพันธกิจในพระศาสนจักรของพวกเรา

7.8 ต้องทํางานร่วมกันกับคณะกรรมาธิการการปกป้องคุ้มครองเด็ก/ผู้เยาว์ ระดับชาติที่ได้จัดตั้งขึ้น และปฏิบัติตามคู่มือหรือแนวทางที่สภาพระสังฆราชฯ ให้การรับรองตั้งแต่ ปี ค.ศ. 2012 และประกาศใช้อย่างเป็นทางการ เมื่อเดือน กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2016

7.9 ต้องจัดวันอธิษฐานภาวนาและจัดกิจกรรมอันเหมาะสมเพื่อการเยียวยารักษาผู้ที่เป็นเหยื่อของการถูกล่วงละเมิดประเภทต่างๆ ซึ่งสภาพระสังฆราชฯได้กําหนด ให้เป็นวันที่ 6 กรกฎาคม ของทุกปี โอกาสระลึกถึง นักบุญมารีอา กอเร็ตตี (Saint Maria Goreti)

ประกาศ วันที่ 2 ตุลาคม ค.ศ. 2016


CONFERENTIA EPISCOPALIS THAILANDIAE
(พระคาร์ดินัล ฟรังซิส เซเวียร์ เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช)
ประมุขแห่งอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ และประธานสภาพระสังฆราชฯ

(พระอัครสังฆราช หลุยส์ จําเนียร สันติสุขนิรันดร์)
ประมุขแห่งอัครสังฆมณฑลท่าแร่-หนองแสง

(พระสังฆราชโยเซฟ ประธาน ศรีดารุณศีล)
ประมุขแห่งสังฆมณฑลสุราษฎร์ธานี และรองประธานสภาพระสังฆราชฯ

(พระสังฆราชยอแซฟ ชูศักดิ์ สิริสุทธิ์)
ประมุขแห่งสังฆมณฑลนครราชสีมา และเลขาธิการสภาพระสังฆราชฯ

(พระสังฆราช ยอห์น บอสโก ปัญญา กฤษเจริญ)
ประมุขแห่งสังฆมณฑลราชบุรี และเหรัญญิกสภาพระสังฆราชฯ