
ข้อคิดข้อรำพึง
สมโภชพระวรกายและพระโลหิตของพระคริสตเจ้า ปี A
แม้ในยุคพันธสัญญาเดิม ในขณะที่ประชากรอิสราเอลรอนแรมออกจากประเทศอียิปต์ มุ่งหน้าสู่ดินแดนพระสัญญา พระเจ้าได้ทรงประทานมานนาเลี้ยงพวกเขา ในขณะที่พวกเขาไม่มีอะไรจะกิน และเมื่อผ่านที่แห้งแล้งไม่มีน้ำ พระองค์ก็ได้ทรงบันดาลให้น้ำไหลออกมาจากหินแข็งสำหรับพวกเขา
มาถึงยุคพันธสัญญาใหม่ พระเยซูเจ้าตรัสกับประชากรอิสราเอลว่า “เราเป็นปังทรงชีวิตที่ลงมาจากสวรรค์ ใครที่กินปังนี้จะมีชีวิตอยู่ตลอดไป และปังที่เราจะให้นี้ คือเนื้อของเรา เพื่อให้โลกมีชีวิต” ดังนั้น ใครที่ไม่กินเนื้อบุตรแห่งมนุษย์ และไม่ดื่มโลหิตของพระองค์ ผู้นั้นจะไม่มีชีวิตในตนเอง ส่วนใครที่กินทั้งเนื้อ ดื่มทั้งโลหิตของพระองค์ ก็มีชีวิตนิรันดร
จะเห็นว่า อาหารจากสวรรค์ หรือ ปังแห่งสวรรค์ หรือ ปังแห่งทวยเทพเทวา ที่พระเยซูเจ้าทรงนำเสนอนั้น ยิ่งใหญ่และสมบูรณ์แบบกว่าอาหารแบบเก่าของบรรพบุรุษชาวอิสราเอล ซึ่งได้เก็บมานนามากินก็จริง แต่แล้วก็ตายไป แต่ผู้ที่กินปังที่พระเยซูเจ้าทรงหยิบยื่นให้ จะมีชีวิตอยู่ตลอดไป
ถ้าเข้าใจเนื้อหาหลักและแก่นแท้ในการเขียนพระวรสารของนักบุญยอห์นแล้ว เราจะเข้าใจเรื่องนี้ได้ไม่ยาก นักบุญยอห์นได้เริ่มต้นพระวรสารของท่านตั้งแต่แรกพูดถึงพระวจนาตถ์ทรงรับเอากาย ทุกสิ่งทุกอย่างมีความเป็นอยู่ขึ้นมาได้เพราะพระวจนาตถ์นี้ จึงไม่ควรแปลกใจใดๆ ทั้งสิ้นที่จะใช้หลักการเดียวกันนี้ ที่พระเจ้าจะทรงมอบพระกายของพระองค์เองเป็นอาหารเลี้ยงชาวเราให้มีชีวิตนิรันดร เป็นความจริงที่ว่า “พระเจ้าทรงรักโลกอย่างมาก” (ยน 3:16) และโลกที่พระองค์ทรงรักนั้น ครั้งหนึ่งได้บรรจุไปด้วยพระวจนาตถ์ที่รับเป็นพระกาย ขณะนี้จึงรอคอย เหมือนแก้วไวน์คริสตัลชั้นดีที่กำลังรอไวน์ชั้นเยี่ยมจะมาบรรจุอยู่ จะถึงวันนั้นวันที่พระเจ้าจะเติมเต็มทุกอย่างให้ครบสมบูรณ์ด้วยการปรากฏของพระองค์
พี่น้องครับ พิธีบูชามิสซาขอบพระคุณและศีลมหาสนิทเป็นบูชาแห่งรักขององค์พระเยซูเจ้า คนที่รักพระเยซูเจ้า(ไม่ใช่รักแต่ปาก) ก็จะรักศีลมหาสนิท และรักพิธีบูชามิสซาด้วย และในทางกลับกัน คนที่ไม่คิดจะมามิสซาฯ ในวันอาทิตย์เลย หรือคิดว่านานๆ ค่อยมาสักครั้ง โดยจะอ้างโน่นอ้างนี่ อ้างตั้งแต่ตัวเองไม่พร้อม ลูกๆ ไม่พร้อม ครอบครัวไม่พร้อม หรือจะอ้างว่าวัดโน้นไม่ดี ทำพิธีกรรมน่าเบื่อ ร้องเพลงไม่น่าฟัง ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ ขอบอกตามตรงว่า พวกที่ไม่มาวัดในวันอาทิตย์เลย หรือนานทีปีหน ก็คือพวกที่ไม่รักศีลมหาสนิท ไม่รักพระเยซูเจ้า ไม่เห็นความสำคัญของพระองค์ ปัจจุบันทั่วโลก มีคาทอลิกมาวัดในวันอาทิตย์เพียงหนึ่งในสามเท่านั้น
ถ้าเราได้อ่านเรื่องนี้ อาจจะทำให้เรามีความรักต่อพระเยซูเจ้าในศีลมหาสนิทเพิ่มมากขึ้นก็เป็นได้
คุณพ่อ วอลเตอร์ ชิสเซค (Fr Walter Ciszek) ถูกจับโดยพวกรัสเซียช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ในข้อหา “เป็นสายลับให้กับกรุงวาติกัน” (= Vatican spy) ถูกจับไปกักขังไว้ในค่ายกักกันแถบไซบีเรีย ต้องทำงานหนักในขณะที่อากาศหนาวทารุณมาก เป็นเวลาถึง 23 ปี เมื่อครบกำหนด จึงถูกปล่อยตัวมา ท่านได้เขียนหนังสือเล่มหนึ่ง ชื่อว่า “He Leadeth Me” (พระองค์ทรงนำข้าพเจ้า)
มีบางเรื่องที่เล่าไว้อย่างน่าประทับใจในหนังสือนี้ เกี่ยวกับการที่นักโทษต้องเสียสละตนเองเป็นอย่างมากเพื่อจะรับพระกายพระคริสตเจ้าในคุก มีเรื่องหนึ่งที่น่าจะนำมาแบ่งปันกัน แต่ก่อนอื่น ขออนุญาตอธิบายบริบทก่อน คือในสมัยก่อนสังคายนาวาติกันที่สอง กฎของพระศาสนจักรคือ ต้องอดอาหารและเครื่องดื่มก่อนรับศีลมหาสนิท 24 ชั่วโมง คราวนี้เรามาฟังเรื่องเล่าของคุณพ่อชิสเซค
“ฉันได้เห็น… พวกนักโทษที่ต้องอดนอนทั้งที่ควรจะต้องนอนให้เพียงพอ เพื่อจะได้ตื่นก่อนกระดิ่งปลุกตอนเช้ามืด เพื่อมาร่วมมิสซาที่ต้องทำกันแบบลับๆ คือถ้าถูกจับได้เราจะถูกลงโทษแบบรุนแรงมาก และก็มีคนคอยสืบแนมเพื่อไปรายงานตลอด… เหตุนี้ จึงเป็นเรื่องยากที่จะให้นักโทษหลายๆคนมาร่วมพิธีมิสซา เพราะอาจถูกจับได้ จึงต้องเสกศีลฯ เผื่อไว้ให้คนที่ไม่สามารถมาได้ บางทีกว่าเราจะได้พบกันอีกก็คือกลับมาจากการไปทำงานนอกค่ายเพื่อมารับอาหารเย็น หมายความว่าบรรดานักโทษที่ต้องการรับศีลฯ จะต้องอดอาหารตั้งแต่หลังอาหารเย็นของวันวาน และพวกเขาถูกใช้ทำงานหนักตลอดวันในอุณหภูมิที่ต่ำกว่าศูนย์ เพื่อจะได้รับศีลฯ ก่อนทานอาหารมื้อเย็น จึงเห็นได้ว่า ศีลมหาสนิทมีความหมายต่อพวกเขามากแค่ไหน”
ข้อคิดข้อรำพึง
สมโภชพระวรกายและพระโลหิตของพระคริสตเจ้า ปี A
“ขอให้ศีลมหาสนิท นำทางเราจากการไม่รู้จักความจริงมาสู่ความจริง
ขอให้ศีลมหาสนิท นำเราจากความมืดไปสู่ความสว่าง
ขอให้ศีลมหาสนิท นำเราจากความตายไปสู่ความเป็นอมตะ”
วันสมโภชพระวรกายและพระโลหิตของพระคริสตเจ้า เริ่มต้นในปี ค.ศ.1264 นี่เอง โดยสมเด็จพระสันตะปาปาอูร์บันที่ 4 ในเวลานั้น พระองค์ได้ทรงมอบหมายให้นักบุญโธมัส อากวีนัส เป็นผู้เขียนหรือแต่งบทพิธีกรรมสำหรับใช้ในวันสมโภช
นักบุญโธมัส จึงผูกพันกับวันฉลองนี้มากทีเดียว บทสดุดี/บทสรรเสริญศีลมหาสนิทต่างๆ ยกให้เป็นฝีมือของท่าน เช่น บท “ตานตุม แอร์โก ซาคราแมนตุม” ที่ยังร้องกันมาอยู่ทุกวันนี้ ก็เป็นบทกวีที่ท่านประพันธ์ไว้
ยิ่งกว่านั้น ท่านมีความศรัทธาภักดีต่อศีลมหาสนิทมากทีเดียว คืนหนึ่งขณะที่ท่านกำลังภาวนาในวัดน้อยของคณะโดมินิกันที่เมืองเนเปิลส์ คนที่จัดวัดได้มองดูท่านในขณะภาวนาโดยที่ท่านไม่รู้ตัว เขาเห็นตัวท่านลอยขึ้นไปในอากาศ และได้ยินเสียงพระเยซูเจ้าตรัสกับท่านทางไม้กางเขน “โธมัส เธอได้เขียนเกี่ยวกับฉันดีเหลือเกิน เธออยากได้รางวัลอะไร” โธมัสตอบว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์ไม่ต้องการอะไรเลย นอกจากพระองค์”
คำขอของท่านได้รับการตอบสนอง วันที่ 6 ธันวาคม ค.ศ.1273 ในขณะท่านกำลังทำมิสซา ท่านได้เข้าฌานอย่างล้ำลึก หลังมิสซา โธมัสได้พูดกับเลขานุการที่ทำงานมากับท่านยาวนานว่า “พระเจ้าทรงเผยสิ่งที่ยิ่งใหญ่ให้แก่ฉัน จนว่าอะไรที่ฉันเคยเขียนๆ ไว้เป็นแต่เพียงแค่ฟางบางเบาเท่านั้นเอง” ต่อจากนั้นท่านก็ไม่ได้เขียนหนังสืออะไรอีกเลย สองเดือนหลังจากนั้น ท่านได้สิ้นใจเมื่ออายุ 49 ปี
นี่เป็นเรื่องของนักบุญองค์หนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการจัดฉลองศีลมหาสนิท ที่จริงเราทุกๆ คนก็เกี่ยวข้องกับศีลมหาสนิท ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
ประชาชนในสมัยพันธสัญญาเก่าทราบดีว่า พระเจ้าทรงรักและทรงเอาใจใส่ประชากร ในขณะที่เขาเดินทางในถิ่นทุรกันดาร ยามที่เขาพบกับอุปสรรคและปัญหาต่างๆ ก็จะพากันร้องหาพระเจ้า ยามที่เขาไม่มีอาหารจะกินและไม่มีน้ำจะดื่ม ก็จะมาร้องขอจากพระเจ้าผ่านทางโมเสส พระเจ้าทรงประทาน “มานนา” ซึ่งเป็นอาหารที่ตกมาจากฟ้า ซึ่งพวกเขาไม่รู้จักมาก่อน ให้เป็นอาหารสำหรับพวกเขา และทรงทำให้น้ำออกมาจากหินเพื่อดับกระหายพวกเขา
ในยุคสมัยพันธสัญญาใหม่ พระเยซูเจ้าตรัสไว้ชัดเจนว่าพระองค์ทรงเป็น “ปังทรงชีวิตที่ลงมาจากสวรรค์” ปังนี้ประเสริฐกว่ามานนาในอดีตในแบบที่เปรียบกันไม่ได้ เพราะมานนานั้นกินไปแล้ว พวกบรรพบุรุษของอิสราเอลก็ยังตาย แต่ “ใครที่กินปังนี้จะมีชีวิตอยู่ตลอดไป”
พี่น้องครับ ที่บอกว่าเราแต่ละคนสนิทสัมพันธ์กับศีลมหาสนิทไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เพราะว่าชีวิตคริสตชนไม่อาจดำเนินไปได้โดยปราศจากศีลมหาสนิท
ศีลมหาสนิท ทำให้เราเป็นหนึ่งเดียวกับพระคริสตเจ้า ยิ่งเรารับพระองค์บ่อยๆ ในขณะที่เราอยู่ในสถานะพระหรรษทาน เราก็ยิ่งเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์มากยิ่งขึ้น
ศีลมหาสนิทจะก่อให้เกิดผลแห่งความยินดีในตัวของเรา เปรียบได้กับคนที่กินอาหารดีๆ อย่างพอเหมาะพอควร ก็ทำให้ร่างกายแข็งแรงดีและมีความสุข เช่นเดียวกันกับผู้ที่หล่อเลี้ยงจิตใจด้วยการรับศีลมหาสนิทเสมอๆ
ศีลมหาสนิทยังช่วยลบล้างบาปเบาต่างๆ ในตัวเรา เหมือนอาหารที่ให้พลังและมีฤทธิ์ช่วยต่อต้านเชื้อโรคต่างๆ ที่จะเข้ามาโจมตีร่างกายของเรา ทำให้เรามีเกราะป้องกันไว้ได้
และที่สุด ศีลมหาสนิทเป็นเหมือนยาถอนพิษแห่งความตาย คือเป็นยาที่ทำให้เราเข้าสู่ชีวิตแห่งความเป็นอมตะ
พระเยซูเจ้าตรัสไว้ในพระวรสารของวันนี้ว่า “เราเป็นปังทรงชีวิตที่ลงมาจากสวรรค์ ใครที่กินปังนี้จะมีชีวิตอยู่ตลอดไป” มีตัวอย่างที่น่าประทับใจเป็นเรื่องของพระอัครสังฆราชออสการ์ โรเมโร (Archbishop Oscar Romero) เมื่อตอนที่ท่านได้รับแต่งตั้งเป็นพระอัครสังฆราช ท่านยังคงเป็นพวกอนุรักษ์นิยม ที่ไม่ทราบเรื่องการปราบปรามอย่างรุนแรงของรัฐบาลเอล ซาลวาดอร์ ต่อพวกชาวนายากจนที่ลุกฮือขึ้น รัฐบาลเป็นผู้สนับสนุนให้เกิดการเข่นฆ่าผู้ประท้วง ในเหตุการณ์ครั้งนี้คาดว่ามีคนยากจนถูกฆ่าตายราว 10,000-40,000 คน ต่อเมื่อเพื่อนชาวคณะเยสุอิตของท่านที่ชื่อว่า Rutilio Grande ที่ได้ชื่อว่า “ประกาศกของคนยากจน” ได้ถูกฆ่าตาย ทำให้ท่านต้องลุกขึ้นมาอย่างกล้าหาญเพื่อเรียกร้องให้ยุติความรุนแรง และท่านก็ตำหนิบรรดาผู้นำชาติ ซึ่งจำนวนมากก็เป็นคริสตชน หลังจากความเคลื่อนไหวนี้ ท่านได้ถูกขู่ฆ่า หนึ่งวันก่อนที่ท่านจะถูกสังหาร ท่านได้พูดว่า “ถ้าพวกเขาฆ่าฉัน ฉันจะฟื้นชีวิตขึ้นมาอยู่กับประชาชนชาวเอล ซาลวาดอร์ทั้งหลาย” วันที่ 24 มีนาคม ค.ศ.1980 พระอัครสังฆราชออสการ์ โรเมโร ได้เทศน์ว่า “ศีลมหาสนิทนี้ คือกิจแห่งความเชื่อ…ขอให้พระกายและพระโลหิตที่ได้ถวายเป็นยัญบูชาเพื่อมนุษย์ทั้งมวลนี้ได้หล่อเลี้ยงพวกเราด้วย เพื่อว่าเราจะได้มอบทั้งกายและเลือดของเรา ตามแบบอย่างของพระคริสต์ เพื่อประชาชนของเรา” ไม่กี่นาทีต่อมา ขณะที่ท่านกำลังยกถ้วยกาลิกษ์ชูขึ้น ท่านก็ถูกยิงตายกลางพิธีบูชามิสซานั่นเอง (เรื่องเล่าจากหนังสือ “Sunday Seeds for daily Deeds” โดย Francis Gonsalves, S.J.) นี่คือชีวิตของพระอัครสังฆราชออสการ์ โรเมโร ที่ยอมตายเพื่อประชาชนที่ยากจนเหล่านั้น ยอมพลีชีวิตเหมือนพระคริสตเจ้า เพื่อจะมีชีวิตนิรันดร และอยู่ในใจของประชาชนตลอดไป
ให้เราขอบพระคุณองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างสูงที่สุด ที่ทรงมอบของขวัญที่พิเศษสุดให้กับมวลมนุษยชาติ โดยทรงมอบพระองค์เองเป็นอาหารที่บันดาลชีวิตนิรันดรให้แก่ผู้ที่รับพระองค์บ่อยๆ ด้วยความเลื่อมใสศรัทธา
(คุณพ่อ วิชา หิรัญญการ เขียนลงสารวัดนักบุญยอแซฟ อยุธยา เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน ค.ศ.2011
เรียบเรียงเพิ่มเติม เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน ค.ศ. 2020)
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
- สันตะสำนักออกหนังสือ คู่มือการสอนคำสอน พร้อมกับคำแนะนำใหม่ในการสอนคำสอน
- สมเด็จพระสันตะปาปาในคืนคริสต์มาส: พระเยซูเจ้าทรงแสดงทางจากความเล็กน้อยไปสู่ความยิ่งใหญ่
- สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสมีความคิดที่จะปฏิรูปพระศาสนจักร
- สมณลิขิตในรูปแบบพระสมณอัตตาณัติ (Motu Proprio) ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส “ANTIQUUM MINISTERIUM”
- สมณลิขิตสำหรับชี้แจงเหตุผลในการประกาศใช้สมณอัตตาณัติ “ผู้พิทักษ์ธรรมประเพณี” (TRADITIONIS CUSTODES)