อาทิตย์ที่ 4 เทศกาลธรรมดา 29 มกราคม 2017
บทอ่าน ศฟย 2:3 ; 3:12-13 ; 1 คร 1:26-31 ; มธ 5:1-12ก
พระวรสารสัมพันธ์กับ คำสอนพระศาสนจักรคาทอลิก (CCC) 520, 544, 581, 764, 1716, 1720, 2305, 2330, 2518, 2546, 2763
จุดเน้น ความสุขแท้เป็นอุดมคติที่ถูกจารึกในหัวใจของเรา และแสดงออกเป็นกิจการ
ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่พระเยซูเจ้าได้นำเสนอ ความสุขแท้ บนภูเขา พระเจ้าได้ประทานบัญญัติ 10 ประการบนภูเขาซีนาย พระบัญญัติเหล่านั้นเป็นธรรมบัญญัติที่ถูกจารึกบนแผ่นหิน ความสุขแท้ของพระเยซูเจ้าเป็นอุดมคติที่ต้องถูกจารึกในใจมนุษย์ พระเยซูเจ้ามิได้ล้มล้างธรรมบัญญัติของโมเสส แต่ด้วยความสุขแท้นี้ พระเยซูเจ้าได้ต้องการยกจุดเน้นจากธรรมบัญญัติภายนอก ให้เราเชื่อฟังบัญญัติแห่งความรัก เจริญชีวิตในอาณาจักรสวรรค์ที่พระองค์ได้มาเปิดเผยให้เราทราบ
ความสุขแท้เปลี่ยนมาตรฐานของโลก กล่าวคือ ผู้มีใจยากจนย่อมเป็นสุข โลกถือว่าไร้ความหมาย หนทางสู่ความสุข (ฝ่ายโลก) พบที่ความก้าวร้าว? ความทะเยอทะยาน และความสำเร็จในการแข่งขันกัน
พระเยซูเจ้าทรงสอนเราว่า พระเจ้าทรงมอบความสุขให้เรา เราไม่ต้องแข่งให้ชนะ เป็นผู้เหมาะสมจะได้รับ หรือหาซื้อมา (ด้วยเงินทอง) ทุกคนมีความสุขได้ ทุกคนเป็นผู้ชนะ พระเยซูเจ้าทรงสอนว่า ความสุขและความสำเร็จสมบูรณ์จะมาสู่คนที่เปิดมือ คนที่ใจสุภาพ และมีจิตใจต้อนรับผู้อื่น อาณาจักรสวรรค์เป็นของประทานของพระจ้า ไม่ใช่ของเราที่จะได้แบบที่เราปรารถนา
ผู้มีความทุกข์ย่อมเป็นสุข คนยากจน คนสุภาพ ผู้ถูกเบียดเบียน ย่อมเป็นสุขหรือ พี่น้องจะไม่พบสิ่งเหล่านี้ถูกกล่าวถึงในรายการทีวี ทอล์คโชว์
ใครคือผู้มีใจอ่อนโยน… คือผู้ที่มีความสามารถต่างๆ เพื่อรับใช้สิ่งที่พระเจ้าต้องการ มิใช่ที่พวกเขาต้องการเอง เราพบความสุขแท้ในการรับใช้ช่วยเหลือผู้อื่น
ผู้หิวและกระหายล่ะ พวกเราแสวงหาความสนิทสัมพันธ์กับพระเจ้า ดีขึ้น ลึกซึ้งขึ้น พวกเราปรารถนาให้สังคมดีกว่าที่เป็นอยู่ โดยเราเอาใจใส่ดูแลซึ่งกันและกัน
ผู้มีใจเมตตาล่ะ เราสนใจผู้อื่น เราเต็มใจให้อภัย และแสวงหาการคืนดีกัน
ตอนนี้ตรงข้าม เฟดเดอริก วิลเฮม นิตเช่ นักปรัชญาชาวเยอรมันผู้มีชื่อเสียงในศตวรรษที่ 19 เป็นเครื่องมือแนวปรัชญานาซี ที่ว่า คนที่สมบูรณ์พร้อมที่สุดควรขึ้นไปให้ถึงยอดสุด ใครที่แย่ที่สุดควรต้องตาย เขาเชื่อว่า พระเจ้าตายแล้วด้วย
ความคิดของนิตเช่ยังมีหลายคนยึดตาม และประกาศว่าไม่มีพระเจ้า ในโลกปัจจุบัน แนวคิดแบบนี้ขัดแย้งกับการปฏิบัติและความเชื่อของเราคริสตชน แต่นักบุญเปาโลเตือนใจเราว่า เมื่อเราเชื่อในพระคริสตเจ้า ไม่มีอะไรมายับยั้งเราได้ ดังที่เราได้ยินในบทอ่านวันนี้
“พี่น้องทั้งหลาย จงพิจารณาดูเถิด เมื่อพระเจ้าทรงเรียกท่านนั้น มีน้อยคนที่ฉลาดตามมาตรฐานของมนุษย์ น้อยคนที่มีอิทธิพล น้อยคนที่มีตระกูลสูง แต่พระเจ้าทรงเลือกคนโง่เขลาในสายตาของโลก เพื่อทำให้คนฉลาดต้องอับอาย พระเจ้าทรงเลือกสรรคนที่โลกถือว่าอ่อนแอ เพื่อทำให้ผู้แข็งแรงต้องอับอาย และพระเจ้าทรงเลือกสรรสิ่งต่ำช้าน่าดูหมิ่นไร้คุณค่าในสายตาของชาวโลก เพื่อทำลายสิ่งที่โลกเห็นว่าสำคัญ ทั้งนี้ เพื่อมิให้มนุษย์โอ้อวดเฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้าได้ เดชะพระองค์ ท่านจึงมีความเป็นอยู่ในพระคริสตเยซูผู้ที่พระเจ้าทรงตั้งให้เป็นปรีชาญาณสำหรับเรา ทั้งยังทรงเป็นผู้บันดาลความชอบธรรม ความศักดิ์สิทธิ์และการไถ่กู้อีกด้วย เพื่อให้เป็นไปตามที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า “ผู้ใดจะโอ้อวดก็ให้ผู้นั้นโอ้อวดในองค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด” (1 คร 1:26-31)
ความเชื่อคริสตชน คือ พระคริสตเจ้าเป็นการไถ่กู้และความชอบธรรมของเรา การดำเนินชีวิตตามโอวาทบนภูเขา นำเราไปสู่ความสุขแท้ ความเชื่อนี้มีอายุมากกว่า 2000 ปี ยังมีผู้ยึดถือปฏิบัติจริงจังมากกว่า 2000 ล้านคน นิตเช่ตายไปแล้ว แต่พระเจ้ายังทรงพระชนม์ในโลกนี้ เพราะเหตุว่า บรรดาผู้เชื่อศรัทธาในพระเยซูคริสตเจ้า ยังพยายามดำเนินชีวิตเรื่องความสุขแท้
บิชอป วีระ อาภรณ์รัตน์ แปล
จาก Daily Homilies โดย Catholic Diocese of Lansing,
(มกราคม-มีนาคม 2017), หน้า 43-45.