Skip to content
อาทิตย์ที่ 22 เทศกาลธรรมดา 30 สิงหาคม 2015

อาทิตย์ที่ 22 เทศกาลธรรมดา 30 สิงหาคม 2015

บทอ่าน ฉธบ 4:1–2, 6-8 ; ยก 1:17–18, 21ข-22, 27 ; มก 7:1–8, 14-15, 21-23
พระวรสารสัมพันธ์กับ คำสอนพระศาสนจักรคาทอลิก (CCC) 574, 582, 1764, 2196
จุดเน้น ข่าวดีของพระเยซูเจ้าเป็นทั้งบทบัญญัติของพระเจ้า และพระหรรษทานที่ให้ชีวิต

ในสมัยแรกๆ พระศาสนจักรคาทอลิกเผชิญการคุกคามอย่างหนักในการประกาศพระวรสาร  เริ่มด้วยคำสอนต่างๆ ของมาร์คีออน (Marcion)
เขาเกิดราวปี ค.ศ. 85  ปัจจุบันคือที่ตุรกี  ในช่วงแรกของศตวรรษที่ 2  เพียงรุ่นแรกหลังสมัยบรรดาอัครสาวก  เขาหาวิธีประกาศความเชื่อว่า  พระวรสารของพระเยซูเจ้าขัดกับกิจการและบทบัญญัติของพระเจ้าที่ได้เผยแสดงในพันธสัญญาเดิม
ศิษย์ของมาร์คีออนจะมีพระคัมภีร์เล่มเล็กกว่าที่เรารู้จักในปัจจุบัน  เขาสนใจเฉพาะจดหมายของนักบุญเปาโลและพระวรสารของนักบุญลูกาเท่านั้น  ที่พระจิตเจ้าดลใจให้เขียน
พี่น้องวาดมโนภาพได้  บรรดาผู้นำของพระศาสนจักรได้คัดค้านความคิดต่อศาสนาคริสต์ของมาร์คีออน  เรายังคงนับถือพันธสัญญาเดิมและพันธสัญญาใหม่    ตั้งแต่สมัยแรกๆ พระศาสนจักรคาทอลิกยอมรับทั้งพันธสัญญาเดิมและพันธสัญญาใหม่  ทั้งความยุติธรรมและเมตตาธรรม  ทั้งบทบัญญัติและพระหรรษทาน
นี่เป็นข้อเท็จจริงสำคัญในชีวิตของพระศาสนจักรที่เราต้องจดจำ  ดังที่บทอ่านต่างๆ ในวันนี้  เพราะหากพิจารณาผิวเผิน  พี่น้องอาจเห็นว่าขัดแย้งกัน

บทอ่านจากหนังสือเฉลยธรรมบัญญัติ  โมเสสสอนชาวอิสราเอลให้ยอมรับเพื่อความดีของตนเอง  บทบัญญัติที่พระเจ้าได้เปิดเผย (ความจริง) ต่อโมเสสบนภูเขาซีนาย     อีกด้านหนึ่ง  เรามีบทอ่านจากพระวรสารของนักบุญมาระโก  ซึ่งดูเหมือนว่าพระเยซูเจ้าปฏิเสธการถือขนบธรรมเนียม (Legalism) ของชาวฟาริสี  พระเยซูเจ้าสอนเน้นความเชื่อที่ออกมาจากหัวใจมากกว่า

มาร์คีออนอาจเคยใช้สองบทอ่านนี้อ้างเพื่อสนับสนุนคำสอน (ผิดๆ) ของเขา  หลายคนปัจจุบันอาจถูกล่อลวงให้กลับไปสู่ลัทธิทวินิยมโบราณ  ถือศาสนาคริสต์ว่าเน้นแต่เพียงคำสอนด้านศีลธรรมเคร่งครัด  หรือพยายามเปลี่ยนแปลงคำสอนต่างๆ เพื่อดูเหมือนปรับความเชื่อให้เหมาะกับสภาพสังคมมากกว่า

สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสในบทเทศน์ไม่นานมานี้  ได้สอนเราให้อย่าหลงการประจญต่างๆ   ในชีวิตของพระศาสนจักร การประจญหนึ่ง คือ การไม่ยืดหยุ่นกับกฎเกณฑ์ ซึ่งมีเช่นนี้ตั้งแต่สมัยของพระเยซูเจ้าแล้ว

ในเวลาเดียวกัน  สมเด็จพระสันตะปาปาได้เตือนเรา  อย่าหลง “เมตตาธรรมลวงตา  ที่เย็บบาดแผลโดยไม่เยียวยารักษาก่อนและค่อยจัดการ”  พระองค์กล่าวว่า  เป็นการประจญของ “คนทำความดี” ด้วยความกลัว  และที่เรียกว่า “พวกก้าวหน้าและพวกใจกว้าง” ด้วย

สาส์นของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสสอนต่อเนื่องกับสมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์  ในบทเทศน์มิสซาเริ่มสมณสมัย ค.ศ. 2005  สมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ได้ตรัสว่า  ประชาชนมากมายในพันปีใหม่นี้  กลัวการยอมรับความสัมพันธ์กับพระคริสตเจ้าจะจำกัดอิสรภาพของเรา  โดยต้องแบกภาระกฎศีลธรรมเคร่งครัด

“ถ้าเรายอมรับพระคริสต์เข้ามาในชีวิต  เราไม่เสียไรเลย  ไม่มีอะไรเสีย  ไม่มีอะไรเสียจริงๆ  เพราะช่วยเราให้มีชีวิตอิสระสวยงาม  และเยี่ยมยอด… เพียงแต่มิตรภาพนี้เป็นประตูแห่งชีวิตได้เปิดกว้าง  เพียงแต่ในมิตรภาพนี้เป็นพลังยิ่งใหญ่ของมนุษย์ที่ได้รับการเผยแสดงแล้วจริงๆ  เพียงแต่ในมิตรภาพนี้ทำให้เรามีประสบการณ์สวยงาม  และการปลดปล่อยให้เป็นอิสระ”

ที่นี่สมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์แสดงด้านบวกของการประจญ  ที่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสได้บรรยาย  แทนที่จะตกไปในการประจญหรือให้ติดกับพระวรสาร  สมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์เชิญทุกคนให้เข้าไปสัมพันธ์กับพระคริสตเจ้า  ผู้ทรงประทานอิสรภาพแท้  ซึ่งได้รับการหล่อเลี้ยงโดยกฎแห่งชีวิต  ความรัก  และการมอบชีวิตของพระองค์แก่เรา

คำสอนของสมเด็จพระสันตะปาปาทั้งสองมาจากธรรมประเพณีศักดิ์สิทธิ์  และพระวรสารของพระเจ้า  ทั้งสองพระองค์สะท้อนสิ่งที่เราได้ยินวันนี้  ในบทอ่านที่สองจากจดหมายนักบุญยากอบ “จงปฏิบัติตามพระวาจา  มิใช่เพียงแต่ฟัง  ซึ่งเท่ากับหลอกตนเอง”

เพื่อดำเนินชีวิตให้สอดคล้องกับพระวรสารนี้  นักบุญยากอบบอกเราว่า  เราได้รับความช่วยเหลือจากเบื้องบน…  จากพระบิดาผู้ทรงสร้างความสว่าง  และทุกอย่างที่ดีบริบูรณ์  ดังนั้นขอให้รับความเชื่อที่งดงามนี้ทั้งหมด  อย่าตัดสินใจในความคิดแคบๆ ของมาร์คีออน หรือ พระวรสาร

บิชอป  วีระ  อาภรณ์รัตน์  แปล
จาก  Homilies  โดย Catholic  Diocese  of  Lansing,
(กรกฎาคม-กันยายน  2015), หน้า 355-387.