Skip to content
38corpusB

อาทิตย์ที่ 14 เทศกาลธรรมดา 5 กรกฎาคม 2015

บทอ่าน อสค 2: 2-5 ; 2 คร 12: 7-10 ; มก 6: 1-6ก
พระวรสารสัมพันธ์กับ คำสอนพระศาสนจักรคาทอลิก (CCC) 500, 699, 2610 ประมวลคำสอนด้านสังคมของพระศาสนจักร (CSDC) 259
จุดเน้น จงเตรียมจิตใจเพื่อพระเยซูเจ้า

พระวรสารนักบุญมาระโก บทที่ 6  เริ่มด้วยคำถามหลายประการ  ประชาชนได้ชุมนุมกันในศาลาธรรม  พวกเขาได้ฟังพระเยซูเจ้าสั่งสอน  แล้วรู้สึกประหลาดใจในปรีชาญาณของพระองค์  เพราะเหตุนี้  พวกเขาได้เริ่มคำถามต่างๆ เกี่ยวกับพระองค์   เราไม่รู้ว่าพระองค์เทศน์เรื่องอะไรแก่พวกเขา  มันต้องลึกซึ้งกินใจดีทีเดียว  พวกเขาจึงประหลาดใจคำพูดที่มาจากช่างไม้  ลูกนางมารีย์    พระคัมภีร์บอกเราว่า  บรรดาผู้ฟังได้ตระหนักว่าปรีชาญาณของพระเยซูเจ้าเป็นของขวัญ  พวกเขายอมรับว่าพระองค์ได้ปฏิบัติกิจการที่ยิ่งใหญ่  แต่พระองค์เป็นใคร  พวกเขาจึงต้องการรู้จัก

ข้อความจากพระวรสารนักบุญมาระโกเผยแสดงความจริงดีทีเดียว  บรรดาผู้ที่อยู่ในศาลาธรรมต้องรู้จักคุ้นเคยกับพระเยซูเจ้า  เพราะพวกเขาได้กล่าวถึงชื่อบุคคลในครอบครัวของพระองค์ คือ มารีย์  พระมารดา  ยอกอบ  โยเสท  ยูดา  และซีโมน  พี่น้อง  และอ้างถึงพี่สาวน้องสาวของพระองค์ด้วย  การอ้างพี่น้องชายหญิงนี่  เราต้องเข้าใจบริบทของเวลาและภาษาซึ่งพระเยซูเจ้าดำเนินชีวิต  สำนวน “พี่น้องชายหญิง”  น่าเป็นเหมือนครอบครัวขยาย  หมายถึงญาติพี่น้องมากกว่า  ดังนั้นข้อความตอนนี้ไม่น่าขัดแย้งกับความจริงว่า  พระนางมารีย์ทรงครรภ์พระเยซูเจ้าโดยอาศัยพระจิตเจ้า  และแม่พระไม่มีลูกคนอื่นๆ

ในตอนเริ่ม  ผู้ฟังมากมายต่างประหลาดใจที่ได้ฟังพระเยซูเจ้าประกาศพระวาจา  พูดว่าลูกช่างไม้เอาเรื่องทั้งหมดนี้มาจากไหน  จากความชื่นชมกลับกลายเป็นปรปักษ์  ไม่ยอมรับพระองค์  มันมีเหตุผลพอสรุปได้ว่า  พระองค์ได้นมัสการพระเจ้าพร้อมกับพวกเขา  แต่บัดนี้  พระองค์ถูกแยกชัดเจนเป็นประกาศก     ปัญหาคือ  พวกเขาไม่มีความเชื่อ ไม่ต้องสงสัยเลย  เพราะว่าพวกเขาเป็นพยานถึงคำพูดและการกระทำแรกๆ ของพระองค์  ถึงแม้ว่าจะพบปัญหาที่จะยอมรับว่า  ช่างไม้คนนี้อาจเป็นผู้ที่ได้รับเลือกสรร  ประชาชนบางคนที่ได้รู้จักพระเยซูเจ้าและได้อาศัยในชุมชนของพระองค์  ได้สงสัยว่าพระองค์เป็นใคร  การรับสภาพมนุษย์ยังคงเป็นการท้าทายสำหรับหลายๆ คนแม้ในปัจจุบัน  มากกว่า 2000 ปีต่อมา

สำหรับพวกเราที่ดำเนินชีวิตอาศัยความเชื่อ  ไม่ใช่อาศัยตาที่มองเห็น  เรายอมรับว่าการรับสภาพมนุษย์เป็นเหตุการณ์ที่งดงาม  เป็นเรื่องเกิดขึ้นจริงๆ    เราอยู่ที่นี่ปัจจุบันเพราะว่าเราเชื่อในพระเยซูเจ้า  ถึงแม้เราไม่เคยสวัสดี  ไม่เคยได้ยินเสียงของพระองค์  เราอยู่ที่นี่  เพราะเราเชื่อในพระวาจาของพระเจ้า  เชื่อธรรมประเพณีของพระศาสนจักร  และเชื่อว่าพระเยซูเจ้าประทับอยู่จริงในศีลมหาสนิท  เราเชื่อในการพบปะส่วนตัวกับพระเยซูเจ้าในศีลศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ  ความเชื่อของเราเข้มแข็ง  และนำพาเราให้ผ่านการทดลองต่างๆ ในชีวิต

แต่ในชีวิตของคริสตชนทุกคน  บางทีเราเหมือนประชาชนในศาลาธรรม  เราตั้งคำถามเกี่ยวกับพระเยซูเจ้า  ถ้าพี่น้องอยู่ท่ามกลางคนเหล่านั้นที่ยืนอยู่ที่เชิงกางเขน  และเห็นพระองค์สิ้นพระชนม์  ไม่ได้หมายความว่าพี่น้องขาดความเชื่อ  แต่มันสำคัญกว่าที่ซื่อสัตย์ในการแสวงหา  ตระหนักรู้เกี่ยวกับพระคริสตเจ้า  บางครั้งเราอาจสงสัยช่างไม้คนนี้  ลูกนางมารีย์  แต่เราได้รับพระพรที่รู้เรื่องการกลับคืนพระชนมชีพ  ซึ่งบางทีประชาชนในศาลาธรรม (สมัยนั้น) ไม่รู้

เนื่องจากขาดความเชื่อ  พระเยซูเจ้าจึงได้มาพบปะวันนั้น  พระคัมภีร์สอนเราว่า  พระองค์ไม่สามารถทำทุกสิ่งที่พระองค์มี (ความสามารถ)  พระองค์ได้รักษาคนเจ็บป่วยบางคนให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บ  โดยทรงปกพระหัตถ์รักษา  แต่เขาเหล่านั้นไม่มีความเชื่อ  จึงเป็นอุปสรรคไม่ได้รับพระพรจากคำพูดและการกระทำของพระองค์    พระเยซูเจ้าทรงยอมรับเรื่องนี้  เมื่อตรัสว่า “ประกาศกย่อมไม่ถูกเหยียดหยามนอกจากในถิ่นกำเนิด  ท่ามกลางวงศ์ญาติ  และในบ้านของตน”   พี่น้องเรากำลังเตรียมรับพระเยซูเจ้าเข้ามาในใจ  เข้ามาในบ้านของเรา  ให้เราตระหนักถึงคำพูดเหล่านี้  และต้อนรับพระองค์ด้วยความเชื่อยิ่งใหญ่

บิชอป  วีระ  อาภรณ์รัตน์  แปล
จาก  Homilies  โดย Catholic  Diocese  of  Lansing,
(กรกฎาคม-กันยายน  2015), หน้า 265-267.