Skip to content
22cuaresmaB4

อาทิตย์ที่ 4 เทศกาลมหาพรต 15 มีนาคม 2015

บทอ่าน 2 พศด 36: 14-16, 19-23 ; อฟ 2: 4-10 ; ยน 3: 14-21
พระวรสารสัมพันธ์กับ คำสอนพระศาสนจักรคาทอลิก (CCC) 219, 444, 454, 458, 678, 679, 706, 2130
ประมวลคำสอนด้านสังคมของพระศาสนจักร (CSDC) 3, 64
จุดเน้น พระเยซูเจ้าทรงประกาศความรักแบบไม่มีเงื่อนไขของพระเจ้า และขอให้เราตอบรับ

ศูนย์กลางของทุกวัดคาทอลิกทั่วโลก คือ ไม้กางเขน เราหลายคน (บาทหลวงและนักบวช) มีไม้กางเขนแขวนที่สร้อยคอ ดังที่พระเยซูเจ้าตรัสในพระวรสารนักบุญยอห์นว่า “ไม่มีใครมีความรักยิ่งใหญ่กว่าการสละชีวิตของตนเพื่อมิตรสหาย” (15:13)

ในพระวรสารวันนี้ เราได้ยินว่า “พระเจ้าทรงรักโลกอย่างมาก จึงประทานพระบุตรเพียงพระองค์เดียวของพระองค์” (ยน 3:16) นี่เป็นพระเจ้าดีที่สุดได้มอบให้เรา นี่คือเหตุผลที่ว่าไม้กางเขนเป็นศูนย์กลางของพระศาสนจักรคาทอลิกทุกแห่งทั่วโลก นี่คือเหตุผลที่ว่าไม้กางเขนเป็นศูนย์กลางการเทศน์สอนของพระศาสนจักร หรือควรเป็น   พี่น้องบางคนอาจเชื่อมความหมายของการเทศน์ กับ รายการสิ่งที่ต้องทำ หรือ ห้ามทำ   ทุกสิ่งเราต้องทำก่อน หรือ หลีกเลี่ยง (อย่าทำ) ก่อน แล้วพระเจ้าจะรักเราและอวยพรเรา แต่พระวรสารควรเป็นข่าวดี แล้วคิดเช่นนี้ว่า พระเจ้าจะไม่รักเราจนกว่าเราต้องปฏิบัติตามกฎหลายข้อ เราถึงสมควรให้พระองค์รักได้อย่างไร พระวรสารเป็นข่าวดีว่าพระเจ้าทรงรักเราตามที่เราเป็น ตั้งแต่บัดนี้แล้ว

เราลองคิดดูนะครับ พระเจ้าหลงรักเรา พระองค์ไม่ได้สัญญาว่าเราจะไม่พบความเจ็บปวด เสียงหัวเราะโดยไม่มีความทุกข์ ดวงอาทิตย์ที่ไม่มีฝนตก แต่พระองค์สัญญาประทานพละกำลังให้ทุกวัน กำลังใจในวันเสียน้ำตา และแสงสว่างนำทางให้เรา

นี่คือคำสอนของนักบุญเปาโลในบทอ่านที่สอง “พระเจ้าทรงเปี่ยมด้วยพระเมตตา ทรงแสดงความรักยิ่งใหญ่ต่อเรา (หมายเหตุ ไม่ใช่เพราะเรารักพระองค์) เมื่อเราตายไปแล้ว เพราะการล่วงละเมิด พระองค์ก็ทรงบันดาลให้เรากลับมีชีวิตกับพระคริสตเจ้า… เพราะพระหรรษทาน ท่านได้รับความรอดพ้นอาศัยความเชื่อ ความรอดพ้นนี้มิได้มาจากท่าน แต่เป็นของประทานจากพระเจ้า…” (อฟ 2:4, 8)

นี่หมายความว่าการนบนอบต่อพระบัญญัติ ที่เราต้องทำ และ ห้ามทำ   ไม่สำคัญเลยใช่ไหมครับ พระบัญญัติบอกเราถึงวิธีตอบรับของประทานความรักของพระเจ้าฟรีๆ (ได้เปล่า)   แต่การเทศน์ถึงพระบัญญัติมีพลังเล็กน้อยจะทำให้คนกลับใจ การประกาศถึงความรักของพระเจ้าต่างหากที่จะทำลายผ่านหัวใจกระด้างของเรา

“โมเสสยกรูปงูขึ้นในถิ่นทุรกันดารฉันใด ดังที่เราได้ยินในพระวรสาร บุตรแห่งมนุษย์ก็จะต้องถูกยกขึ้นฉันนั้น เพื่อทุกคนที่มีความเชื่อในพระองค์จะมีชีวิตนิรันดร พระเจ้าทรงรักโลกอย่างมาก จึงประทานพระบุตรเพียงพระองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่มีความเชื่อในพระบุตรจะไม่พินาศ แต่จะมีชีวิตนิรันดร เพราะพระเจ้าทรงส่งพระบุตรมาในโลกนี้มิใช่เพื่อตัดสินลงโทษโลก แต่เพื่อจะได้รับความรอดพ้น เดชะพระบุตรนั้น”

พระเยซูเจ้าผู้ถูกตรึงบนไม้กางเขน เผยแสดงความรักของพระเจ้าแก่เรา ดังที่มีกล่าวในพระวรสารนักบุญยอห์นว่า เราเป็นแสงสว่างส่องโลก (8:12) และในพระวรสารวันนี้ พระองค์ตรัสถึงจุดหมายปลายทางนิรันดร์ของเรา ถ้าเราปฏิบัติตามแสงสว่าง “ทุกคนที่ทำความชั่วย่อมเกลียดความสว่าง และไม่เข้าใกล้ความสว่าง เกรงว่าการกระทำของตนจะปรากฏชัดแจ้ง แต่ผู้ที่ปฏิบัติตามความจริง ย่อมเข้าใกล้ความสว่าง เพื่อให้เห็นชัดว่าสิ่งที่เขาทำได้ทำโดยพึ่งพระเจ้า”

พี่น้อง ท่านกำลังเดินในแสงสว่างแห่งความรักของพระเยซูเจ้าหรือไม่ หรือท่านกลัวแสงสว่าง เพราะมันจะส่องมุมมืดชีวิตของท่าน ซึ่งก็เหมือนของเราทุกคนที่พยายามซ่อนปิดบังไว้     ถึงเวลาแล้วครับ พระเยซูคริสตเจ้ากำลังเชิญชวนท่านให้ทิ้งความกลัว มาหาแสงสว่างแห่งความรักของพระองค์ ยอมให้ไฟรักของพระคริสตเจ้าเผาผลาญทุกสิ่งที่ต่อต้านแสงสว่างของพระองค์ แล้วความกลัวจะมลายหายไป ท่านจะปลอดภัย ชีวิตปลอดภัยไม่ใช่ในโลกนี้เท่านั้นแต่นิรันดร

ทุกคนที่มีความเชื่อในพระเยซูคริสตเจ้า จะไม่ถูกตัดสินลงโทษ แต่ผู้ที่ไม่มีความเชื่อก็ถูกตัดสินลงโทษอยู่แล้ว เพราะเขามิได้มีความเชื่อในพระนามของพระบุตรเพียงพระองค์เดียวของพระเจ้า ประเด็นของการตัดสินลงโทษก็คือ ความสว่างเข้ามาในโลกนี้แล้ว แต่มนุษย์รักความมืดมากกว่ารักความสว่าง เพราะการกระทำของเขานั้นชั่วร้าย

จุดหมายปลายทางนิรันดรของเราแต่ละคน ถูกกำหนดด้วยการตอบของเราต่อแสงสว่างนี้ และรักแบบของพระเยซูคริสตเจ้า พระองค์กำลังคอยคำตอบของคุณ ณ บัดนี้

     บิชอป วีระ อาภรณ์รัตน์ แปล
จาก Homilies โดย Catholic Diocese of Lansing,
(มกราคม – มีนาคม 2015), หน้า 110-112.