Skip to content

ข้อคิดข้อรำพึง ฉลองครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้า

“ลูกต้องอยู่ในบ้านของพระบิดาของลูก”

หลังจากได้รับอภิเษกเป็นบิชอป พระคุณเจ้าฮอนอริอุส (Honorius) ได้ใช้เวลาสามสี่วันอยู่กับบิดามารดาของท่าน ช่วงหนึ่งท่านได้พูดเล่นๆ กับบิดามารดาที่อายุมากของท่าน โดยชี้ให้ดูแหวนวงใหม่ที่ส่งประกายของท่าน ถามว่า “แหวนวงนี้สวยไหมครับ” มารดาของท่านยิ้ม แล้วจับมือของบิดา ชี้ให้ดูแหวนแต่งงานของเขาทั้งสองแล้วตอบว่า “ลูกเอ๋ย ถ้าไม่มีแหวนสองวงนี้ ลูกก็จะไม่มีทางได้แหวนของลูก” ดังนั้น ในวันฉลองครอบครัวศักดิ์สิทธิ์น่าจะทำให้เราระลึกถึงสัญลักษณ์ของแหวนแต่งงานและเรื่องราวต่างๆ ที่เกี่ยวกับครอบครัว

นักเทววิทยามักจะอธิบายเรื่องพระตรีเอกภาพในรูปแบบครอบครัวพระ คือพระบิดา พระบุตร และพระจิต อย่างไรก็ตาม คริสตชนจำนวนมากมีความรู้สึกว่ายากมากที่จะจินตนาการตามระบบความคิดที่เป็นสัญญลักษณ์เช่นนั้น แต่ถ้าหันมามองครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ที่มีพระแม่มารีย์ นักบุญโยเซฟ และพระกุมารเยซู ก็จะเข้าใจชีวิตครอบครัวได้กระจ่างชัดเจนขึ้น

นักบุญลูกาเล่าเรื่อง “การพบพระเยซูที่พระวิหาร” ในพระวรสารของอาทิตย์นี้มีจุดประสงค์ 2 อย่าง คือ

(1) บิดามารดาของพระเยซูเจ้ามีพระเจ้าเป็นศูนย์กลางแห่งชีวิตของพวกท่าน และดังนั้น จึงซื่อสัตย์ในการเดินทางไปจาริกแสวงบุญที่พระวิหารกรุงเยรูซาเล็มในเทศกาลปัสกาทุกปี

(2) เพื่อจะบอกว่า พระเยซูเจ้าทรงกำลังเติบโตขึ้นในการถูกยอมรับทางประวัติศาสตร์ถึงความสัมพันธ์ฉันพ่อลูกกับองค์พระผู้เป็นเจ้า คำที่พระเยซูเจ้าตรัส “พ่อกับแม่ตามหาลูกทำไม พ่อแม่ไม่รู้หรือว่า ลูกต้องอยู่ในบ้านพระบิดาของลูก” แสดงถึงความสัมพันธ์อย่างแน่นแฟ้น โดดเด่นและเป็นหนึ่งเดียวขององค์พระเยซูเจ้าซึ่งทรงแสดงออกถึงความสัมพันธ์ฉันบุตรที่มีต่อพระบิดา (Francis Gonsalves, S.J., Sunday Seeds for Daily Deeds; pp.304-305)

เมื่อพิจารณาจากพระวาจาของพระเจ้าทั้ง 3 บทของวันฉลองครอบครัวศักดิ์สิทธิ์นี้ มีข้อสรุปว่า สมาชิกทุกคนในครอบครัวต้องมีสายสัมพันธ์รักต่อกันตามบทบาทหน้าที่ของแต่ละคน แต่การจะมีความรักที่แท้จริงต่อกันได้นั้น จุดศูนย์กลางของชีวิตครอบครัวต้องอยู่ที่องค์พระผู้เป็นเจ้า เหมือนดังที่ครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ที่มีพระเจ้าเป็นจุดศูนย์กลางแห่งชีวิตของพวกท่าน

ข้อต่อมาคือ การที่สมาชิกทุกคนต้องประดับตนด้วยความเห็นอกเห็นใจกัน ด้วยความใจดี ถ่อมตน อ่อนโยน และพากเพียรอดทน และสิ่งที่สำคัญที่สุดที่นักบุญเปาโลชี้ให้เห็นคือ “ความรัก” เพราะความรักจะทำให้ครอบครัวของเรารวมเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างสมบูรณ์

อย่าลืมว่า พระเยซูเจ้าทรงใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในครอบครัวเป็นเวลาถึง 30 ปี แล้วนั้นพระองค์ทรงออกประกาศเทศนาเพียง 3 ปีเท่านั้น ก็ต้องทรงรับทรมานและสิ้นพระชนม์ แล้วจึงกลับคืนพระชนมชีพ เฉลี่ยแล้วพระองค์ทรงใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัว 10 ปี ต่อทุกหนึ่งปีของชีวิตนอกบ้านตอนที่ไปประกาศพระอาณาจักรของพระเจ้าให้กับประชาชน ดังนั้น ขอให้เราทุกคน พบความสุขกับเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่นี้ในครอบครัว กับสมาชิกทุกๆ คนในครอบครัว ขอให้เป็นครอบครัวที่มีพระเจ้าทรงเป็นจุดศูนย์กลาง และสมาชิกทุกคนประดับประดาตนด้วยความรักของพระเจ้า และสามารถนำความรักจากคลังศักดิ์สิทธิ์นั้นไปมอบให้แก่เพื่อนพี่น้องทุกคนได้

(คุณพ่อ วิชา หิรัญญการ เขียนลงสารวัดนักบุญยอแซฟ อยุธยา เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2012)

ข้อคิดข้อรำพึง ฉลองครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้า

เมื่อครบกำหนดเวลาที่มารดาและบุตรจะต้องทำพิธีชำระมลทินตามธรรมบัญญัติของโมเสส โยเซฟพร้อมด้วยพระนางมารีย์นำพระกุมารไปที่กรุงเยรูซาเล็มเพื่อถวายแด่พระเจ้า

เราเห็นภาพครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ เป็นครอบครัวที่น่ารัก ร่วมใจกันปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระเจ้าด้วยใจศรัทธาเลื่อมใส พ่อ แม่ ลูก กำลังพากันไปที่วิหารของพระเจ้า ครอบครัวที่มีนักบุญโยเซฟเป็นหัวหน้านี้ เป็นครอบครัวที่ไม่ได้ร่ำรวย ดำรงชีพอย่างเรียบง่ายและสมถะ ทุกคนต่างรู้บทบาทหน้าที่ที่ตนพึงกระทำ และได้กระทำเป็นอย่างดี อีกทั้งยังช่วยเหลือเกื้อกูลกันให้แต่ละฝ่ายสามารถทำตามกระแสเรียกของตน โดยสามารถตอบสนองพระประสงค์ของพระเจ้าได้อย่างเต็มที่ ความสุขของสมาชิกในครอบครัวนี้ มิได้อยู่ที่วัตถุสิ่งของเงินทอง แต่อยู่ที่การทำตามพระประสงค์ของพระเจ้านั่นเอง

ความสุขของสมาชิกในครอบครัวศักดิ์สิทธิ์เป็นแบบที่นักบุญเปาโล เขียนถึงชาวโคโลสี ซึ่งเป็นบทอ่านที่สองของวันนี้ คือ “ท่านเป็นผู้ที่พระเจ้าทรงเลือกสรร…จงเห็นอกเห็นใจกัน จงมีความใจดี ความถ่อมตน ความอ่อนโยนและความพากเพียรอดทนเป็นเสมือนเครื่องประดับตน…แต่สิ่งที่สำคัญกว่าสิ่งใดคือความรัก”

สมาชิกทั้งสามของครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ ต่างก็สวมอาภรณ์แห่งความรัก ความรักที่มีต่อพระเจ้า ต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง และความรักที่มีต่อกันและกันก็ติดตามมาแบบติด ๆ

นี่คือแบบอย่างของครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ต่อครอบครัวของเรา

ลองทบทวนดูเถิดว่า เราได้ดำเนินชีวิตครอบครัวแบบไหน เราได้สวมใส่อาภรณ์แห่งความรักที่ต้องมีต่อพระเจ้าเป็นลำดับแรกหรือเปล่า

ครอบครัวเราได้ไปวัดวันอาทิตย์ร่วมกันหรือไม่ ถ้าได้ทำเช่นนี้เสมอมา ก็สามารถวาดภาพว่าเป็นภาพเดียวกันที่แม่พระ และนักบุญโยเซฟพาพระกุมารไปที่พระวิหาร

พระเยซูเจ้าเป็นนักภาวนา ย่อมทำให้เราแน่ใจว่าครอบครัวของพระองค์ได้ปลูกฝังเรื่องการสวดภาวนามาเป็นอย่างดี ตลอดพระชนมชีพเปิดเผยของพระเยซูเจ้า ผู้นิพนธ์พระวรสารจะเล่าเรื่องที่พระเยซูเจ้าทรงภาวนาอยู่เป็นประจำ เช่น เวลาที่ทรงทวีขนมปังเลี้ยงดูฝูงชน เวลารับประทานอาหารค่ำมื้อสุดท้าย ทรงหลบไปภาวนาแต่ผู้เดียว บางทีไปภาวนาบนภูเขา ฯลฯ

ส่วนลำดับต่อมาเราต้องสวมใส่อาภรณ์แห่งความรักต่อกันและกัน ปฏิบัติต่อกันและกันด้วยความเอาใจใส่ ช่วยเหลือกันอย่างดีที่สุดในการก้าวไปด้วยกันถึงจุดมุ่งหมายของชีวิต

พี่น้องครับ ขอให้ครอบครัวของพี่น้องทุกท่านสวมอาภรณ์แห่งความรักต่อพระเจ้า และต่อกันและกัน ขอให้เป็นครอบครัวที่กล้าแกร่งในการเผชิญอุปสรรคต่าง ๆ โดยมีความไว้วางใจ ในพระเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม และรู้จักภาวนาต่อพระองค์ด้วยความเชื่อศรัทธาอย่างเต็มเปี่ยมหัวใจ

( คุณพ่อ วิชา หิรัญญการ เขียนลงสารวัดพระกุมารเยซู เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม ค.ศ. 2008 )